Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Post Reply
Who Can Post? All users can post new topics and all users can reply.
Username   Need to register?
Password:   Forgot password?
Subject: (optional)
Icon: [*]
Formatting Mode:
Normal
Advanced
Help

Insert Bold text Insert Italicised text Insert Underlined text Insert Centered text Insert a Hyperlink Insert E-mail Hyperlink Insert an Image Insert Code Formatted text Insert Quoted text Insert List
Message:
HTML is On
Smilies are On
BB Code is On
[img] Code is On

Disable Smilies?
Use signature?
Turn BBCode off?
Receive email on reply?
Attachment:
    

Topic Review
webmaster

[*] posted on 8/12/16 at 10:52
.
suvieng

[*] posted on 24/2/12 at 11:48
กราบนมัสการพระอาจรย์ชัยวัฒน์ครับ

ขอขอบพระคุณคุณครับที่ให้ความเข้าใจวิธีครับ ซึ่งกระผมจะไว้ใช้ดูตนเองเท่านั้น
ตามที่หลวงพ่อได้สอนไว้ครับ

ขอบพระคุณครับ
สุวิชา
webmaster

[*] posted on 24/2/12 at 09:50
Quote:
Originally posted by suvieng
กราบนมัสการพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต ครับ

ผมอยากจะขอเรียนถามพระอาจารย์เกี่ยวกับ

1. วิธีฝึกการดูจิตของตัวเอง และ
2. การรู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของเราที่เสียชีวิตแล้วไปอยู่ที่ไหนครับ

ซึ่งผมได้ฝึกมโนมยิทธิ และญาณ8 ที่บ้านสายลมครับ และทุกวันนี้ผมได้ฝึกมโนมยิทธิทุกวันครับที่บ้าน และทุกครั้งที่ว่างผมจะกำหนดจิตไปกราบพระพุทธองค์และหลวงพ่อที่พระนิพพานทุกครั้งครับ แต่ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีฝึกทั้ง2ข้อที่เรียนถามมาครับ

ขอขอบพระคุณครับ

สุวิชา อิงคนินันท์




เจริญพร คุณโยมสุวิชา

ขอตอบปัญหาข้อ 1 วิธีการฝึกดูจิตตัวเอง มี 2 วิธี

- การดูจิตตัวเอง ด้วยการวัดจากภาพที่เห็น ถ้าไปแล้วเห็นภาพชัดเจน จิตของตัวเองก็แจ่มใส ถ้าเห็นภาพมัว แสดงว่าจิตของตนเองก็มัวเช่นกัน วิธีนี้ให้แก้ไขโดยตัดขันธ์ให้ละเอียดขึ้น จนเห็นภาพพระพุทธเจ้า หรือวิมานเป็นแก้วใส ถือเป็นตัววัดการดูจิตของตนเองได้

- การดูแบบกระแสจิต วิธีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยสอนไว้ โดยเข้าไปในพระจุฬามณี กราบขอขมาพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาให้ท่านเสด็จเข้ามารวมกันทุกระดับ แล้วอธิษฐานขอดูดวงกระแสจิตของท่าน นับตั้งแต่ผู้ที่ได้ฌานโลกีย์ แล้วก็พระอริยเจ้า นับตั้งแต่พระโสดาบัน ไปจนถึงพระอรหันต์ ดวงจิตเป็นแก้วมีประกายกี่เปอร์เซ็นต์ บารมีของพระพุทธเจ้าจะทรงแสดงให้เราเห็นตามความเป็นจริงทันที แล้วเราจำไว้และกลับมาดูดวงกระแสจิตของตนเองบ้าง

ถ้ายังเป็นฌานโลกีย์จิตจะเป็นแก้วมีแกนใน แต่เริ่มทำวิปัสสนาญาณจิตจะเริ่มใสสว่างขึ้น ถ้าเป็นพระอริยเจ้า ดวงจิตจะเป็นแก้วมีประกาย 25 ไปจนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น แต่ถ้าเราทำแล้ว เห็นเป็นอย่างไร อย่าไว้ใจตัวเองเกินไป ต้องนำมาวัดกับสังโยชน์ 10 ไปด้วย พยายามทำจิตอยู่เสมอ อย่างนี้ในไม่ช้าดวงจิตจะเป็นแก้วมีประกายสว่างไปตลอดทั้งดวง

หมายเหตุ ไม่จำเป็นอย่าไปดูคนอื่น วิธีนี้อาจจะถูกอุปาทานเล่นงานได้ แล้วหลงตัวเองไปในที่สุด เพราะยังไม่ตัดกิเลสได้จริง เป็นเพียงชั่วขณะจิตนั้นเท่านั้น วิธีแก้ไข..ให้ดูแต่จิตตนเองก็พอ ปัจจุบันนี้ผู้ที่ได้มโนมยิทธิดี แล้วเร่งรัดฝึกฝนตนเอง ตายแล้วก็หลุดพ้นไปหลายราย แต่บางรายไปตั้งสำนักฝึกสอนผู้อื่น มีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใส เพราะคนภายหลังก็ไม่รู้แนวเดิมที่ท่านเคยสอนไว้ ครูบางรายก็รู้เลยนิพพาน หรือไม่ก็เลยสมเด็จองค์ปฐมไปแล้ว ถูกอุปาทานเล่นงานหนัก นั่นเป็นเพราะไม่เกาะแบบที่ครูบาอาจารย์สอนไว้ ใครเตือนก็ไม่ได้ ยากที่จะแก้ไข

ณ โอกาสนี้จึงขอน้อมนำคำตักเตือนของท่าน ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่พูดก่อนมรณภาพประมาณ 1 ปีท่านั้น เวลานี้ได้เกิดขึ้นกับคนหลายรายแล้ว นับว่าท่านเตือนได้เหมาะสมทุกกาลสมัยจริงๆ เป็นการเตือนด้วยความหวังดี ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เท่านั้น หวังว่าทุกคนรวมทั้งตัวอาตมาเองด้วยว่า ท่านได้ตักเตือนตัวเราเองแล้ว

หลวงพ่อพูดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2534



ตอบปัญหาข้อ 2. การจะรู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของเราที่เสียชีวิตแล้วไปอยู่ที่ไหน ข้อนี้ให้จดชื่อ- นามสกุล ผู้เสียชีวิต แล้วก็มอบให้ครูฝึกก่อน เมื่อทำการฝึกญาณ 8 ครูฝึกจะสอนวิธีนี้ในกลุ่มให้ พร้อมกับทดสอบให้ผู้อื่นฝึกตามดูไปด้วย

ส่วนการกำหนดจิตไปกราบพระพุทธองค์และหลวงพ่อที่พระนิพพานทุกครั้ง นับว่าเป็นการกระทำต่อหลังจากที่ฝึกได้แล้ว ขออนุโมทนาด้วย

เจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

kantiya

[*] posted on 23/2/12 at 06:11
นมัสการค่ะ ขอบพระคุณค่ะพระอาจารย์
กัณฑิยา
webmaster

[*] posted on 22/2/12 at 16:34
Quote:
posted by kantiya

นมัสการค่ะพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

วันที่11ก.พ ที่ผ่านมาได้ไปฝึกแบบเต็มกำลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไปเต็มกำลังค่ะ
มีอาการมีแสงที่สว่างเป็นประกายเต็มไปหมด สักครู่ตัวสั่น ในขณะที่ตัวสั่นก็พยายามพุ่งจิตไปตามแสงสว่างนั้นและคิดว่าไม่สนใจในร่างการตายตอนนี้ก็ยอม สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ว่างๆ ก็รอ ระหว่างรอก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ก็ยังรู้สึกว่างๆ พอจิตไปนึกถึงคฑา ก็รู้สึกเหมือนจิตจะเริ่มตกลงมาเรื่อยๆจนรู้สึกปวด และเวียนหัว เหนื่อยๆเหมือนจะเป็นลม ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง สักครู่ก็ทำอารมณ์ได้นิ่งแต่ไม่มีอาการเดิม จนหมดเวลา พอออกจากสมาธิก็เหนื่อยค่ะ

วันที่12 อยากได้เหมือนวันแรก แต่ไม่มีสมาธิเลยฟุ้งซ่านตลอดนั่งไม่ได้เลยค่ะ
กลับจากงานธุดงค์แล้วก็พยามยามตื่นมาทำสาธิตอนเช้าทุกวันค่ะ เพราะพอสายแล้วกิจการงานเยอะไม่มีเวลา ช่วงนี้พยายามจะดูลมหายใจเข้า-ออกก็ทำไม่ค่อยได้ เป็นบางช่วงค่ะ บางช่วงกลังจากกลับมาจากปฏิบัติที่วัดก็จะดูได้ พอผ่านไป1-2อาทิตย์งานยุ่งๆก็ทำไม่ได้อีก อยากเรียนถามให้พระอาจารย์ชี้แนะแนวทางค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงที่สละเวลามาแนะนำ ผ่านทางเวบบอร์ด เป็นประโยชน์กับลูกหลานเป็นอย่างมากค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

กัณฑิยา ไวยธรรม




เจริญพร คุณโยมกัณฑิยา

ตามที่โยมเล่าประสบการณ์ในครั้งนี้ คงเหมือนกับหลายคนที่เคยมาฝึกที่วัด มักจะประสบเหตุการณ์เช่นนี้ เรียกว่า "ทำท่าจะได้ แต่ก็ยังไม่ได้" แต่ขอให้กำลังใจกับโยมว่า โยมทำแบบนี้ตรงตามแบบที่ท่านสอน ที่เรียกว่า "เกือบจะได้อยู่แล้ว"

แต่ถ้าไปย้อนอ่านตอนต้น อาตมาได้เตือนไปก่อนแล้ว ว่าอย่าห่วงคฑา หากยังมาไม่ถึง จิตมันจะออกไปก็ออกไปเลย ไม่ต้องห่วงอะไร แต่ตามที่โยมบอกว่า ออกไปแล้วพบแต่ว่างๆ นั่นก็เป็นเพราะก่อนที่จะภาวนา ไม่ตั้งอารมณ์ไว้ก่อนว่า "ถ้าออกไปได้เราจะไปที่พระจุฬามณีก่อน"

ทีนี้ถามว่าถ้าอาการใกล้จะได้เป็นอย่างนี้ พอทำไม่ได้ก็เกิดอาการเครียด เพราะอยากจะได้ นี่ตรงกันหลายคน ที่ตอนหลังทำไม่ได้ แล้วเกิดการท้อถอย

ข้อนี้อาตมาอยากจะแนะนำโยม และอีกหลายคนที่มีอาการเช่นเดียวกันว่า ขออย่าเพิ่งสิ้นความหวัง แต่ก็อย่าหวังเกินไป ทำใจสบายๆ คราวหน้ามาฝึกใหม่ ขอให้ตั้งอารมณ์ดังนี้

1. เหตุการณ์ที่เคยปรากฏในการฝึกครั้งแรก ขอให้ลืมไปก่อน อย่าไปนึกถึงภาพหรืออาการทั้งหมด คิดว่าเราจะเริ่มตั้งต้นเป็นคนใหม่ เดิมเคยมีอาการเป็นอย่างไร อย่าสนใจ วางอารมณ์สบายๆ อย่าให้เครียด ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร (หากมีแสงสว่างเกิดขึ้นอีก ให้พุ่งจิตคิดว่าไปที่พระจุฬามณี) แต่อย่าตั้งใจให้แสงเกิดนะ ถ้าตั้งใจแบบนั้น แสงจะไม่เกิดอีก ต้องทำใจสบายๆ จริงๆ

2. การกลับไปฝึกที่บ้าน ก็เริ่มต้นทำแบบเดิมๆ คือ ภาวนา นะมะพะทะ ไปตามปกติ เพื่อฝึกให้ชิน สลับกับการพิจารณาร่างกายว่าเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง พังสลายไปในที่สุด นึกถึงพระนิพพานเป็นแดนพ้นทุกข์ และรักษาศึล 5 ให้ดีๆ

ถ้ามาฝึกที่วัดเมื่อไร ก่อนนั่งจะต้องตั้งอารมณ์ก่อนว่า

1. ถ้าออกไปได้เราจะไปที่ "พระจุฬามนี" ก่อน แล้วก็ภาวนานะมะพะทะ ไปตามสบาย เวลาภาวนาอย่าอยากจนเกินไป

2. ถ้าอาการเครียด ให้หายใจลึกๆ 2-3 ครั้ง วางอารมณ์อย่าให้อยากเกินไป แล้วก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หากร่างกายเหนื่อยเกินไป ฝึกจะไม่ค่อยได้ผล

3. ขณะเริ่มนั่งภาวนา ไม่ต้องห่วงคฑา หรือน้ำมนต์ แล้วก็ไม่สนใจเสียงรอบข้างด้วย

ขอตอบแค่นี้ก่อน ขอเจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

suvieng

[*] posted on 22/2/12 at 10:37
กราบนมัสการพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต ครับ
ผมอยากจะขอเรียนถามพระอาจารย์เกี่ยวกับ
1. วิธีฝึกการดูจิตของตัวเอง และ
2. การรู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของเราที่เสียชีวิตแล้วไปอยู่ที่ไหนครับ
ซึ่งผมได้ฝึกมโนมยิทธิ และญาณ8 ที่บ้านสายลมครับ และทุกวันนี้ผมได้ฝึกมโนมยิทธิทุกวันครับที่บ้าน และทุกครั้งที่ว่างผมจะกำหนดจิตไปกราบพระพุทธองค์และหลวงพ่อที่พระนิพพานทุกครั้งครับ แต่ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีฝึกทั้ง2ข้อที่เรียนถามมาครับ
ขอขอบพระคุณครับ
สุวิชา อิงคนินันท์
panawan

[*] posted on 21/2/12 at 21:25
โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
kantiya

[*] posted on 21/2/12 at 06:03
นมัสการค่ะพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต
วันที่11ก.พ ที่ผ่านมาได้ไปฝึกแบบเต็มกำลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไปเต็มกำลังค่ะ
มีอาการมีแสงที่สว่างเป็นประกายเต็มไปหมด สักครู่ตัวสั่น ในขณะที่ตัวสั่นก็พยายามพุ่งจิตไปตามแสงสว่างนั้นและคิดว่าไม่สนใจในร่างการตายตอนนี้ก็ยอม สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ว่างๆ ก็รอ ระหว่างรอก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ก็ยังรู้สึกว่างๆ พอจิตไปนึกถึงคฑา ก็รู้สึกเหมือนจิตจะเริ่มตกลงมาเรื่อยๆจนรู้สึกปวด และเวียนหัว เหนื่อยๆเหมือนจะเป็นลม ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง สักครู่ก็ทำอารมณ์ได้นิ่งแต่ไม่มีอาการเดิม จนหมดเวลา พอออกจากสมาธิก็เหนื่อยค่ะ
วันที่12 อยากได้เหมือนวันแรก แต่ไม่มีสมาธิเลยฟุ้งซ่านตลอดนั่งไม่ได้เลยค่ะ
กลับจากงานธุดงค์แล้วก็พยามยามตื่นมาทำสาธิตอนเช้าทุกวันค่ะ เพราะพอสายแล้วกิจการงานเยอะไม่มีเวลา ช่วงนี้พยายามจะดูลมหายใจเข้า-ออกก็ทำไม่ค่อยได้ เป็นบางช่วงค่ะ บางช่วงกลังจากกลับมาจากปฏิบัติที่วัดก็จะดูได้ พอผ่านไป1-2อาทิตย์งานยุ่งๆก็ทำไม่ได้อีก อยากเรียนถามให้พระอาจารย์ชี้แนะแนวทางค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงที่สละเวลามาแนะนำ ผ่านทางเวบบอร์ด เป็นประโยชน์กับลูกหลานเป็นอย่างมากค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
กัณฑิยา ไวยธรรม
webmaster

[*] posted on 8/2/12 at 06:11
วันอาทิตย์ ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๑๒.๐๐ น. ฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง ที่ ศาลา ๑๒ ไร่
เวลา ๑๔.๐๐ น. หลังการฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง ท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดท่าซุง ๓ รูป ลงรับสังฆทาน ที่ ศาลา ๑๒ ไร่

กำหนดการตามนี้ ควรไปถึงวัดก่อนเวลา เพื่อจะได้มีที่นั่งภายใน
เด็กๆ อย่านำเข้าไป จะรบกวนคนอื่นนะครับ
เวลาเปิดปิดวิหารสะดวกกว่าวันธรรมดา

ทีมงานฯ
panawan

[*] posted on 7/2/12 at 19:09
สาธุขอโมทนาบุญด้วยครับ
สุจิตรา

[*] posted on 6/2/12 at 19:29
รบกวนถามเจ้าคะ

คือว่าวันที่ 12 กพ.นี้ดิฉันกับน้องและเพื่อนๆจะไปฝึกเต็มกำลังกัน

ที่จะถามก็คือ

1.ฝึกที่ศาลา 12 ไร่ใช่ไหมคะ

2.เริ่มฝึกกี่โมงคะเพราะจะได้นัดหมายกันถูกเนื่องจากว่าจะขับรถไปตอนเช้าวันที่ 12 กพ.คะ

3.มีเด็กเล็กซึ่งเป็นลูกน้องสาวไปด้วยระหว่างที่พวกดิฉันฝึกอยู่ ก็เลยจะให้เขากับคุณพ่อคุณแม่ไปเดินเล่นสถานที่ต่างๆในวัด เช่นวิหาร 100 เมตร , จุฬามณี ฯลฯ ไม่ทราบว่าเปิดทำการไหมคะ และเวลาเปิดปิดเหมือนเดิมไหมเอ่ย

4.ใช้เวลาฝึกประมาณกี่ชม.คะ

ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ
ลูกพ่อ๒๕๕๒

[*] posted on 6/2/12 at 09:30
ขอตอบ คณะศิษย์หลวงพ่อจากพัทยา ที่ถามว่า

ถ้าเราฝึกอยู่ที่บ้านแต่ยังไม่มีโอกาศไปฝึกกับครูฝึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรามี โอกาศจะได้ไหม ?

ขอตอบว่า การฝึกอยู่ที่บ้านก่อนนั้น เป็นการเตรียมฝึกซ้อมเท่านั้น เพื่อให้ท่องคำภาวนา "นะมะพะธะ" ให้คล่องเท่านั้นเอง แต่อย่าใช้เวลามากเกินไป เพราะการฝึก "ครึ่งกำลัง" ใช้สมาธิเล็กน้อยเท่านั้น และจำเป็นจะต้องให้ครูฝึกเข้าไปแนะนำ พร้อมกับพิธีกรรมที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวางไว้ ทางวัดได้เปิดการฝึกตามขั้นตอน จึงได้ผลดีมากกว่าการฝึกกันเองที่บ้าน ส่วนผู้ที่ทำได้แล้วนั่นแหละ ควรที่จะนำไปฝึกฝนตนเองที่บ้าน เพื่อรักษาอารมณ์ไว้ไม่ให้เสื่อมสูญ

กราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต และทีมงานทุกท่านครับที่เมตตาสำหรับคำตอบ
จะพยายามหาโอกาศให้กับตัวเอง เพื่อที่จะไปฝึกที่วัดครับ
webmaster

[*] posted on 5/2/12 at 21:38
จะมีช่วงงานธุดงค์ ปี ๕๕ ต้นเดือนธันวาคม นี้ ลองไปดูวันที่ในกำหนดงานตลอดปี ๕๕ นะครับ

ทีมงานฯ
thinkaboutme

[*] posted on 5/2/12 at 20:42
อยากทราบว่า ปีนี้ 2555 มีฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง กี่ครั้งคะ เดือน ก.พ. 11-12 ครั้งหนึ่งแล้ว มีหลังจากนี้อีกไหมคะ

ขอบคุณค่ะ
webmaster

[*] posted on 5/2/12 at 16:33
ฝึกมโนมยิทธิ วันที่ 11 - 12 ก.พ. 55 ที่วัดท่าซุง ควรไปแต่เช้าๆ จะได้มีที่นั่ง และไม่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางครับ

ทีมงานฯ
watasit

[*] posted on 4/3/11 at 10:15
ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ชีวิตนี้อยากไปฝึกมโนมยิทธิสักครั้ง
ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรฟังเทศน์หลวงพ่อทุกวันใจอยู่ที่วิหารแก้วทุกวัน
แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปบุญน้อยนัก
webmaster

[*] posted on 31/10/10 at 20:14
ก่อนทำสมาธิ ท่านให้หายใจเข้า-ออก ลึกๆ ช้าๆ สัก ๓ - ๔ ครั้งก่อน หากเลิกแล้วไม่เป็นไร ก็ถือว่าคิดไม่ผิด แต่อย่าให้ร่างกายอึดอัดเกินไปก็แล้วกัน จะเป็นโทษภายหลัง.

ขอเจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

31-10-53
ประทีป

[*] posted on 30/10/10 at 20:42
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
กระผมมีข้อสงสัยจะเรียนถามดังนี้.- ขอรับ
- ช่วงเวลาที่กระผมทำมโนยิทธิ พอเริ่มหยุดภาวนา นะ มะ พะ ธะ เพื่อที่จะฟังครู เพื่อพิจารณาวิปัสสนาทุกอย่าง รู้สึกว่าหัวหมุน- เวียนหัวคล้ายจะอาเจียนแต่ไม่อาเจียน อารมณ์เข้าอุปจารสมาธิ (กระผมมีความรู้สึกว่าเวลาทำมโนยิทธิถ้าเป็นแบบข้างต้นที่ว่ามาจะมีความรู้สึกว่าดี-แจ่มใส )
-กระผมอยากจะเรียนถามว่ากระผมคิดผิดหรือเปล่าขอรับ...
นพดล

[*] posted on 30/10/10 at 20:16
กราบนมัสการพระอาจารย์เป็นอย่างสูงที่มีเมตตาชี้แนะทางให้กับผู้ที่ยังไม่เข้าใจ
mymo

[*] posted on 20/10/10 at 19:49
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์มาก เจ้าคะ

ประสบการณ์ที่ได้ มีทั้ง 1 และ 2 ยังไม่ถึงขั้น 3 เจ้าคะ
อย่างนี้โยมก็ทำต่อไป ทำให้โยมมีความเพียร มากขึ้น ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องแล้ว

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

โยมเด็กนอก
webmaster

[*] posted on 20/10/10 at 09:29
ตามขั้นตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนไว้ว่า
ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิจำนวนมาก จะแบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้

1. มีแค่ความรู้สึก แต่ไม่เห็นภาพ
2. รู้สึกเห็นภาพ แต่ไม่ชัดเจน บางทีก็มัวๆ หรือเห็นแป๊บเดียวก็หายไปแล้ว
3. ไปได้ชัดเจนแจ่มใส สัมผัสเสียงคำสอนได้ดี

ส่วนอาการของร่างกายนั้น ถ้าอารมณ์สมาธิละเอียดขึ้น จะไม่มีอาการสั่น การที่โยมบอกว่า บางครั้งฝืนพุ่งจิตออกไป นั่นทำถูกต้องแล้ว สมัยก่อนที่จะฝึกกันที่วัด หลวงพ่อก็สอนให้หัดพุ่งจิตไปก่อน ไปทั้งมืดๆ นั่นแหละ ถ้าอารมณ์สบายก็ใช้ได้แล้ว เพราะกระแสจิตมันไปจริงๆ ก่อนแล้ว บางคนก็ไปเห็นเพื่อนหรือคนรู้จักกัน ทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง

สรุปว่าถ้าไปแล้วยังไม่เห็นภาพ ก็ควรตื้อไปแบบที่โยมทำนั่นแหละ คือพิจารณาร่างกายเห็นทุกข์แล้ว ร่างกายจะสั่นก็ช่าง อย่าสนใจ แล้วก็พุ่งจิตไปพระจุฬามณี แล้วก็ไปนิพพานเลย นึกว่าเรากราบอยู่แทบพระบาทพระพุทธเจ้า หากอารมณ์เยือกเย็นสบายขึ้น ตายเมื่อไรก็ไปนิพพานเช่นเดียวกันกับคนที่เห็นชัดเจน

ขอเจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

20-10-10
mymo

[*] posted on 18/10/10 at 18:24
โยมได้ฝึกมโนมยิทธิ และภาวนะ นะมะพะธะ ที่บ้าน เกือบทุกวัน วันละ 10 -20 นาที แล้วแต่เวลาจะอำนวย ทราบว่า ควรจะทำอารมณ์ให้เบา อยู่แค่อุปจาระสมาธิ เท่านั้น

แต่โยมอยู่ไม่ได้แค่นั้น รู้สึกร่างกายเกร็ง สั่น เหมือนคนจับไข้ และพยายามจะกลับมาให้อยู่ในอุปจาระสมาธิ ก็ทำได้ พอเมื่อพิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา ไม่เอาอีกแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว อาการเกร็ง สั่น ก็กลับมาอีก ควบคุมไม่ได้

บางทีโยมก็ฝืน ไปทั้ง ๆ ที่หนัก ๆ เกร็ง ความรู้สึกเหมือนพุ่งออกไป แต่มืดแปดด้าน แต่อารมณ์จะเปลี่ยนเป็นเบาขึ้น ร่างกายสบายขึ้น เพื่อถึงพระจุฬามณี (คือจิตบอกว่าอยู่ที่พระจุฬามณี) แล้วพอไป พระนิพพาน ร่างกายยิ่งเบา เหมือนไม่มีร่างกาย เบา ๆ สบาย ๆ (อารมณ์เป็นอย่างนั้น แต่ภาพไม่เห็น)

อย่างนี้โยมควรจะทำอย่างไรดีคะ

เด็กนอก
webmaster

[*] posted on 18/10/10 at 09:42
ขอตอบ คณะศิษย์หลวงพ่อจากพัทยา ที่ถามว่า

ถ้าเราฝึกอยู่ที่บ้านแต่ยังไม่มีโอกาศไปฝึกกับครูฝึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรามี โอกาศจะได้ไหม ?

ขอตอบว่า การฝึกอยู่ที่บ้านก่อนนั้น เป็นการเตรียมฝึกซ้อมเท่านั้น เพื่อให้ท่องคำภาวนา "นะมะพะธะ" ให้คล่องเท่านั้นเอง แต่อย่าใช้เวลามากเกินไป เพราะการฝึก "ครึ่งกำลัง" ใช้สมาธิเล็กน้อยเท่านั้น และจำเป็นจะต้องให้ครูฝึกเข้าไปแนะนำ พร้อมกับพิธีกรรมที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวางไว้ ทางวัดได้เปิดการฝึกตามขั้นตอน จึงได้ผลดีมากกว่าการฝึกกันเองที่บ้าน ส่วนผู้ที่ทำได้แล้วนั่นแหละ ควรที่จะนำไปฝึกฝนตนเองที่บ้าน เพื่อรักษาอารมณ์ไว้ไม่ให้เสื่อมสูญ

สำหรับคุณสรชาที่ได้นำเพื่อนไปฝึกที่วัด ส่วนมากฝึกได้ แต่มีสงสัยกันเยอะนั้น อาตมาคิดว่าเป็นธรรมดาของผู้ฝึกใหม่ อดที่จะสงสัยไม่ได้ แต่ตามที่หลวงพ่อเคยบอกไว้แล้วว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าไปเทศน์ที่ไหน พระองค์มุ่งแสดงธรรมเฉพาะบุคคลก่อน ส่วนคนอื่นก็เป็นผลพลอยได้ การที่คุณนำคณะไปมากมายตั้ง 32 คน แต่ได้เกิน 1 คนนั้น ถือว่าน่าพอใจ เพราะแล้วแต่บุญของแต่ละคนที่ทำมาเหมือนกัน

อาตมาคิดว่า คุณน่าจะคุยนอกรอบกับเพื่อนๆ เพื่อจะได้คลายความสงสัยในแต่ละคน เพราะประสบการณ์จากคนที่มาฝึกที่วัด บางคนมาฝึกตั้งหลายครั้งถึงจะได้ การที่เพื่อนของคุญไปฝึกเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วได้กันเป็นส่วนมาก นับว่ามีผลมหาศาลแล้วนะ ซึ่งอาตมาขอยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่คำแนะแนวได้มีส่วนช่วยก่อนที่จะฝึก

ขอเจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

18/10/53
Aphisit

[*] posted on 17/10/10 at 12:25
โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

คณะศิษย์กบินทร์บุรี...
สรชา

[*] posted on 17/10/10 at 09:28
กราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต เป็นอย่างสูงค่ะ ได้พาเพื่อนไปเมื่อวันที่3ตุลาคมค่ะทั้งหมด 32 คน เข้าห้องฝึก 27คน ส่วนมากฝึกได้ค่ะ แต่มีสงสัยกันเยอะค่ะ
SIS.LUANGPAW

[*] posted on 14/10/10 at 17:24
ขอกราบอนุโมทนาสาธุกับผู้จะไปฝึกทุกท่านครับ...ขอเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งดวงครับ...
และขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโตและทีมงาน
มากๆครับสำหรับบทสรุปการฝึก
...ขอกราบเรียนถามว่าพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโตและทีมงาน ถ้าเราฝึกอยู่ที่บ้านแต่ยังไม่มีโอกาศไปฝึกกับครูฝึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรามี โอกาศจะได้ไหมครับ
.....จากคณะศิษย์หลวงพ่อจากพัทยา
Artikanks

[*] posted on 14/10/10 at 02:56
motana to everyone krub
pawares.mewong

[*] posted on 10/10/10 at 15:53
ขออนุโมทนาบุญครับ
นวลอนงค์

[*] posted on 9/10/10 at 23:05
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
sunman

[*] posted on 1/10/10 at 18:18
ขออนุโมทนาขอรับ
จับปูใส่กระด้ง

[*] posted on 1/10/10 at 16:09
สาธุขอโมทนาบุญด้วยครับ
webmaster

[*] posted on 1/10/10 at 08:30
คุณสรชา หรือคุณ skygolo ผู้ตั้งกระทู้ถาม และท่านผู้อ่านทั่วไปที่อ่านแล้วเข้าใจ อาตมาก็ดีใจที่ได้มีส่วนชี้จุดในการวางอารมณ์ก่อนฝึก การที่จะพิมพ์เพื่อแจกภายในเพื่อนฝูงคงไม่เป็นไรนะ วันนี้ได้เข้ามาเพิ่มเติมจุดอ่อนต่างๆ อีก ที่อาตมาพยายามนำข้อด้อยข้อเด่น ที่เก็บมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ฝึกเอง แล้วนำมาเขียนสรุปให้ง่ายและสั้นๆ เพื่อความเข้าใจในเบื้องต้น จึงขอให้ได้ผลทุกประการ อย่าลืมนะ ถ้าไม่ตั้งใจ ไม่สงสัยเกินไป แล้วก็ให้ความศรัทธาต่อวิชานี้ โดยถือว่าเป็นการฝึกหัดเท่านั้น ผิดถูกถือว่าเป็นวิชาของครูบาอาจารย์ ทำตามครูฝึกแบบเด็กๆ อย่าฝืน แล้วจะได้เอง

สำหรับคุณ cho.chinat ถามเรื่องตักบาตรเทโวที่วัดท่าซุง อาตมาถือโอกาสขอตอบแทนทีมงานฯ ว่า จะตักบาตรอาหารแห้งตอน 7 โมงเช้า ส่วนตักบาตรข้าวสุกก็มีก่อนเวลานั้น โดยนำไปวางในศาลาพระพินิจ แล้วเจ้าหน้าที่จะจัดไปตามวงอาหารบนอาสนสงฆ์ พอพระบิณฑบาตรอาหารแห้งเสร็จ ท่านก็จะเข้ามาฉันเช้าต่อไป

ขอเจริญพร

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

01-10-10
สรชา

[*] posted on 30/9/10 at 16:51
ขอกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต และคณะทีมงาน ทุกท่านเป็นอย่างสูงค่ะ ทำให้ได้ความรู้เพิ่มอีกแยอะเลยค่ะ ขออนุญาต พิมพ์ คำแนะแนวก่อนการฝึก "มโนมยิทธิ" (ทั้งสองแบบ)แจกเพื่อนๆด้วยนะคะ วันหยุดนี้อาจได้พาเพื่อนๆไปค่ะ
cho.chinat

[*] posted on 30/9/10 at 08:57
อยากทราบว่าตักบาตรเทโวที่วัดท่าซุงตักบาตรอาหารแห้งหรือว่าตักบาตรข้าวสุกข้าวต้มลูกโยนครับ
ขอขอบคุณครับ
skygolo

[*] posted on 29/9/10 at 11:34
สาธุ สาธุ สาธุ

ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์มากๆ
เคยไปฝึกที่บ้านหลวงพ่อ (สายลม) ครั้งนึง
ไม่ผ่าน ตอนนี้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไม

ขออนุญาติเก็บบันทึกไว้อ่านทบทวนด้วยครับ

อ่านหนังสือหลวงพ่อ เจอคำนี้บ่อย
จงอย่าสนใจจริยาผู้อื่น
ชอบลืมเรื่อยเดี๋ยวจะพิมพ์แปะไว้ที่ห้องนอนเลย...
webmaster

[*] posted on 29/9/10 at 09:55

แนะแนวก่อนการฝึก "มโนมยิทธิ" (ทั้งสองแบบ)


หลังจากเสร็จงานหลวงพ่อแล้ว ทางวัดเหน็ดเหนื่อยกันมาก แต่ก็ปลื้มใจคนมากันเยอะ วันนี้มีเวลาว่าง คิดว่าน่าจะเข้ามาเขียนเรื่องนี้สักหน่อย จึงต้องขอลัดคิวทีมงานเวปมาสเตอร์ด้วยนะ ด้วยว่าส่วนใหญ่ที่ฝีก "มโนมยิทธิ" ได้เพราะทำยังไง ส่วนคนที่ยังฝึกไม่ได้ต้องแก้ไขยังไง จึงขอตั้งหัวข้อให้เข้ากับกระทู้นี้ว่า

1. แนะแนวก่อนการฝึก "มโนมยิทธิ" (ครึ่งกำลัง)

คนที่ฝึกได้ สาเหตุเพราะ

ก. ฟังครูฝึกแล้วทำตามทันที
ข. ขณะฝึกไม่สงสัย วางใจเป็นกลาง
ค. ก่อนฝึกได้พักผ่อนเพียงพอ
ง. เข้าใจคำว่า "ทิพจักขุญาณ" * (คืออารมณ์รู้สึก ไม่ใช่เอาตาไปเห็น)
ฆ. เวลาฝึกไม่ตั้งใจเห็นจนเกินไป ได้ก็ได้..ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร


* ก่อนมาฝึกที่วัด ควรซ้อมคำภาวนา "นะมะพะทะ" ไว้ให้คล่องเสียก่อน เมื่อเวลาครูฝึกเข้าไปสอน ไม่ต้องภาวนา ใช้สมาธิเล็กน้อยแค่ฟังคำพูดของครูฝึกก็พอ (ให้มีสติรู้ทุกถ้อยคำ ทำตามทุกอย่างแบบโง่ๆ) สำคัญที่สุด คือ "ศรัทธา" ต้องมาก่อน หากไม่เชื่อไม่ไว้วางใจ หวังแค่ทดลอง หรือยังลังเลสงสัย ฝึกไปก็ไร้ผล สรุปแล้วต้องตัดทุกสิ่ง...ทิ้งทุกอย่าง...!

คนที่ฝึกแล้วแต่ไม่ได้ สาเหตุเพราะ

ก. จิตไม่สงบเท่าที่ควร ฟังครูฝึกแล้วไม่ทำตามทันที
ข. สงสัยอารมณ์ตนเองขณะฝึก จึงไม่ได้อะไรเลย
ค. ก่อนฝึกพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง
ง. ไม่เข้าใจคำว่า "ทิพจักขุญาณ" * (คิดว่าเอาตาไปเห็น หรือเข้าใจว่าเป็นภาพลอยมา)
ฆ. เวลาฝึกอยากได้จนเกินไป จึงไปไม่ได้
จ. หาที่นั่งยังไม่ถูกใจ หรือนั่งทนจนเมื่อย ความจริงขณะนั้นเปลี่ยนท่านั่งได้
- บางคนเลือกครูฝึก อยากจะฝึกกับครูที่ตนเองต้องการ
- บางคนไม่เข้าใจเวลานั่งล้อมวง จะรอครูถามตรงตัว ความจริงครูฝึกถามใคร หมายถึงถามทุกคน เราต้องทำตามทันทีจึงจะได้ผล
- บางคนยังลังเลไม่กล้าตอบ เพราะสัมผัสไม่เหมือนเขา เราต้องตอบไปตามที่รู้สึก ไม่จำเป็นต้องตรงกัน เพราะแค่เป็นการฝึกฝนเท่านั้น ผิดถูกครูจะแก้ไขให้ต่อไป


2. แนะแนวก่อนการฝึก "มโนมยิทธิ" (เต็มกำลัง)

คนที่ฝึกได้ สาเหตุเพราะ

ก. ในขณะฝึกไม่สนใจเสียงร้องของคนข้างๆ
ข. ภาวนา "นะมะพะทะ" โดยไม่ต้องรู้ลมหายใจ ร่างกายสั่นก็ไม่สนใจ
ค. ไม่กังวลพิธีกรรม เช่น รอน้ำมนต์มาพรม หรือรอคฑามาแตะ
ง. ตัดความห่วงใยในร่างกาย เมื่อเห็นแสงจึงพุ่งตามไปทันที
ฆ. ตั้งอารมณ์ไว้ก่อน ว่าจะไปที่พระจุฬามณี แต่เวลาทำไม่อยากเกินไป
จ. บางคนเคยฝึกได้แบบ "ครึ่งกำลัง" มาก่อนแล้ว จึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น


คนที่ฝึกแล้ว แต่ไม่ได้ สาเหตุเพราะ

ก. จิตไปจับอยู่กับเสียงร้องของคนข้างๆ แล้วลืมตาดู
ข. ภาวนาสับสน บางทีก็ "นะมะพะทะ" บางทีก็ "พุทโธ"
ค. บางคนกังวลพิธีกรรม จิตจะหลุดไปแล้ว แต่รอน้ำมนต์ยังไม่มา คฑายังไม่ได้แตะ จึงทำให้ไปไม่ได้
ง. ขณะภาวนา "นะมะพะทะ" คำภาวนาจะเร่งเองโดยอัตโนมัติ เหมือนใจจะขาด เกิดความกลัวตาย จึงไม่เห็นแสงสว่าง
ฆ. มีอาการสั่น ร่างกายโยกโครง จิตไปจับอยู่แค่นั้น จึงหลุดไปไม่ได้ (ถ้าจะไปได้ ร่างกายจะค่อยหยุดสั่นไปเอง)
จ. บางคนเคยฝึกได้แบบ "ครึ่งกำลัง" มาก่อน แต่ยังไม่เข้าใจวิธีทำ (วิธีแก้ไข คือไปรออยู่ที่นิพพานเลย โดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนพิธีกรรมเบื้องต้น เช่นพรมน้ำมนต์ หรือคฑามาแตะที่ศีรษะ สังเกตถ้าภาพชัดเจนสว่างไสวกว่าเดิม แสดงว่า "มโนมยิทธิ" ได้ปรับเป็นเต็มกำลังที่ข้างบนแล้ว)


ถ้าวางอารมณ์ถูกต้องตามที่หลวงพ่อสอน จะได้ทุกคน ไปวันแรกก็ได้แล้ว วันที่สอง ฝึกท่องเที่ยว วันที่สาม ฝึกญาณ ๘ วันต่อไปกลับไปทำที่บ้าน ตั้งอารมณ์ไว้แค่ "พระโสดาบัน" หมั่นขึ้นไปที่วิมานบ่อยๆ ทำเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้

1. นึกถึงความตายอยู่เสมอ
2. รักษาศีล 5 เป็นอัตโนมัติ จนไม่ต้องระวัง
3. จิตนึกถึงคุณพระรัตนตรัย และ "คุณพระนิพพาน" อยู่เสมอ


* ท่านแนะนำว่า ถ้าได้แล้ว ควรหาเวลาทำสมาธิเพียงอย่างเดียว ภาวนาตั้งเวลาไว้ครั้งละสัก 10 นาที โดยไม่ต้องรู้ต้องเห็นอะไร หรือไม่ต้องขึ้นไปข้างบน ต่อไปผลจากการตั้งสมาธิไว้อย่างนี้ เวลาออกไปท่องเที่ยว จะสามารถไปได้นานๆ

* แต่ถ้าไปแล้วบางครั้งเห็นภาพไม่ชัดเจน จะต้องพิจารณาร่างกายให้ดีก่อน จำอารมณ์เดิมที่เคยได้ให้ถูกต้อง อย่าด่วนรีบร้อนเกินไป แล้วให้พระนำไปทุกครั้ง อย่างนี้ท่านว่า "อุปาทาน" ไม่ค่อยเล่นงานเท่าไร แต่ก็อย่าไว้ใจตนเองจนเกินไป พยายามทดสอบอารมณ์ไว้เสมอ

* สนใจแค่สังโยชน์ 10 และ บารมี 10 เท่านั้น อย่างอื่นอย่าสนใจ โดยเฉพาะได้แล้วที่พังเป็นส่วนใหญ่ เพราะไปรู้เรื่องอดีตชาติว่าเคยเป็นไรกัน แล้วพัวพันกันไปจน "พัง" ทั้งคู่ นี่บอกกันไว้ก่อนนะ หากใครหนีพ้นได้ จะไม่มีอดีตและอนาคตกันอีกต่อไป

* (ท่านยังบอกอีกว่า "ทานบารมี" ยังต้องทำนะ ไม่ใช่ทำแค่จิตอย่างเดียว เพราะทำทานบารมีแล้ว บารมีตัวอื่นก็จะเต็มตามไปด้วย)

ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน วิชามโนมยิทธิไม่เสื่อม ตายแล้วไม่ไปอบายภูมิแน่นอน ถ้าเห็นทุกข์แน่นอน ชาตินี้ก็ไม่มีทางได้ผุดได้เกิดอีกแน่นอน (แต่ถ้ายังเห็นโลกเป็นสุขอยู่ ยังต้องเกิดอีก แต่คิดว่าคงไม่พ้นสมัยพระศรีอาริย์)

หากปรารถนาพุทธภูมิ ถ้าอยากลาก็ให้ตั้งจิตขอลาต่อหน้าพระพุทธรูป มีดอกไม้ธูปเทียนบูชาพร้อม หากยังไม่อยากลาก็ต้องทำบารมีให้เต็มทั้ง 30 ทัศ พร้อมกับคำอธิษฐานอย่างมั่นคง แต่ก็ต้องศึกษาเรื่องพระนิพพานเช่นกัน เผื่อจำเป็นจะต้องไปลาในชาติต่อๆ ไป

ขอให้สมหวังและสมความปรารถนาทุกคนนะ (เอาชาตินี้เลยนะ ท่านว่าให้เกาะสูงไว้ก่อน)

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต

29-09-53

.....ปล. : "ถ้าอยากทำตัวให้หลุดพ้น จงอย่าสนใจจริยาผู้อื่น"
- นี่คือคำสอนตั้งแต่เบื้องต้น จนถึงวาระสุดท้ายในชีวิต จากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเรา

skygolo

[*] posted on 29/9/10 at 07:55
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เล่า แต่ก็เอาไว้เป็นข้อเตือนใจ
เพื่อนกัลยาณมิตร ไว้ใคร่ครวญ จึงเท็จประการใด
ก็ใคร่ครวญดูนะครับ มีเพื่อนเป็นอาจารย์ท่านนึง
ท่านเล่าว่า ได้ไปเรียนมโนมยิทธิ ที่บ้านนึง
ท่านบอกว่าตอนไปนี่ก็ รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร มีกลิ่นแปลกๆ
และลักษณะการสอนที่ไม่ค่อยจะเหมือนเต็มกำลัง เท่าที่ผม
ดูคลิปที่หลวงพ่อฤาษีสอน แต่เหมือนจะคล้ายครึ่งกำลัง
สรุปท่านก็ว่าไม่ประสบความสำเร็จ รายละเอียดลึกๆ
จะไม่ขอกล่าว

ผมจึงได้ตัดสินใจว่าไปเรียนที่วัดท่าซุงดีกว่า กะว่า
จะชวนแม่ไปด้วย ช่วงนี้ก็ดูเวลาที่เหมาะสมอยู่ กะว่าจะไปสัก
7 วัน เพราะฟังๆ หลวงพ่อท่านเน้นว่า ให้ฝึก สัก 3 ครั้ง
ก็จะดี แต่ผมก็นั่งภาวนานะมะพะธะ อยู่บ้าง สักแป้บ
สังเกตว่าปีติจะเกิดเร็วกว่านั่งภาวนาแบบทั่วไป
จึงคิดว่าต้องไปวัดท่าซุงดีกว่า อย่างน้อยก็ได้ไประลึกถึงสถานที่ๆ
หลวงพ่อเคยอยู่ แผ่นดินที่หลวงพ่อเคยเหยียบ ได้ไม่ได้อะไร ก็มีศิริมงคลเข้าตัว
บ้างฯ

อนุโมทนากับเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาโมทนาและไมตรีจิตครับ
Artikanks

[*] posted on 29/9/10 at 03:51
motana krub
sunisa-

[*] posted on 28/9/10 at 15:25
ไปฝึกมาแล้วค่ะ ตอนนั้น มี น้อง อายุ 9 ปี ฝึกด้วย ทุกวัยสามารถฝึกได้ หากถ้าเราไม่ไปฝึกด้วยตนเอง ก็ไม่รู้ได้ด้วยตนเอง ค่ะ

ถ้ามีโอกาสก็ไปฝึกกันนะคะ เพราะได้กับตนเอง

เด็กนักเรียนชัยนาท 2 คน อายุ 15 ปี
sunman

[*] posted on 27/9/10 at 10:14
ชีวิตเป็นของน้อย ทุกคนไม่แน่ว่าจะไปกันเมื่อไร พยายามสั่งสมความดี (ตัดช่องน้อยแต่พอตัวก็จะดีนะขอรับ) เพราะคนเราเกิดมาคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว

ขอบพระคุณที่เมตตาครับ
webmaster

[*] posted on 27/9/10 at 09:26
งานธุดงค์เดือนธันวาคม ไปหลังวันที่ ๘ ได้ครับ แต่ไปทีครั้งหนึ่ง อย่างน้อยน่าจะอยู่ตั้งแต่ 3 วันขึ้นไปนะครับ เพราะปีหนึ่งวัดจะจัดแค่ครั้งเดียว ชีวิตเป็นของน้อย ทุกคนไม่แน่ว่าจะไปกันเมื่อไร พยายามสั่งสมความดี (ตัดช่องน้อยแต่พอตัวก็จะดีนะขอรับ) เพราะคนเราเกิดมาคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว

สำหรับงานครบรอบมรณภาพ เมื่อวานนี้คนไปร่วมงานที่วัดท่าซุงเยอะมาก นั่งกันเต็มวิหารร้อยเมตร เจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารมากมายหลายสิบร้าน ที่จอดรถเต็มไปหมด จนล้นไปทางสวนสมเด็จองค์ปฐม ทางทีมงานฯ รู้สึกภูมิใจกันทุกคน ที่มีส่วนประชาสัมพันธ์ด้วยการย้อนภาพเหตุการณ์มรณภาพของหลวงพ่อฯ มาให้ชมก่อนงาน เมื่อกลับมาถึงบ้านกันแล้ว เสียดายไม่ได้นำภาพเหตุการณ์ลงแบบ Real time กันให้ชม คงไว้รอทีมงาน "ข่าวศูนย์" ลงข่าวให้ทราบภายหลังนะครับ

ส่วนท่านที่จะไปฝึกมโนมยิทธิ ขอเชิญไปฝึกได้แล้วทุกคน แล้วก็ไปเว้นการฝึกช่วงมีงานทอดกฐิน แต่ต้องระมัดระวังนะครับ ผมไปวัดครั้งนี้ มีข่าวการชักชวนคนใหม่ๆ ให้ไปฝึกที่อื่น หมายถึงฝึกเบื้องต้นที่วัดแล้ว จะมีแม่ชีหรือคนภายในวัดบางคนชักชวนให้ไปฝึกต่อภายนอกวัด

อันนี้ไม่ใช่ความมุ่งหมายของวัด หรือไม่ใช่นโยบายของวัดนะครับ ทางวัดจะจัดการฝึกครบทุกขั้นตอนมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่ออยู่ หากมีใครชักชวนก็อย่าได้หลงเชื่อ หรืออาจจะมีคนแจกหนังสือธรรมะที่ไม่ใช่ของวัด ขอให้ระมัดระวังด้วย
ทางที่ดีที่สุดหากมีข้อสงสัยสิ่งใด ควรกราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าอาวาสโดยตรงนะครับ


ทีมงานฯ
chaikprc

[*] posted on 26/9/10 at 13:25
Quote:
Originally posted by skygolo
สนใจการฝึกมโนมยิทธิ
ที่วัดท่าซุง มีสอนทุกวันหรือไม่ครับ

อยู่กรุงเทพฯ ถ้าจะไปเรียนมโนมยิทธิ ที่วัดท่าซุง
มีที่พักให้หรือไม่ครับ ต้องไปติดต่ออย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณครับ

sunman

[*] posted on 25/9/10 at 20:02
งานธุดงค์เดือนธันวาคม ไปหลังวันที่ ๘ ได้มั๊ยครับ แล้วกลับก่อนได้มั๊ยครับ จะเอาเต้นท์ไปเองครับ

ขอบพระคุณครับ
Aphisit

[*] posted on 25/9/10 at 12:26
โมทนาด้วยนะครับ สำหรับความตั้งใจที่เป็นบุญกุศลเช่นนี้
จับปูใส่กระด้ง

[*] posted on 24/9/10 at 14:32
สาธุขอโมทนาบุญด้วยครับ
Artikanks

[*] posted on 24/9/10 at 06:35
โมทนาครับ
ตุ้ม

[*] posted on 23/9/10 at 19:27
อนุโมทนาครับ อยากไปเหมือนกันครับแต่ยังไม่มีโอกาส
sunisa-

[*] posted on 23/9/10 at 18:54
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ พยายามเข้านะคะ
ยิ่งฝึกยิ่งได้กับตัวเอง
webmaster

[*] posted on 20/9/10 at 09:33
ช่วงนี้ไกล้งานครบรอบมรณภาพ อาจจะไม่สะดวก ระหว่างวันที่ 24-26 ก.ย. นี้ นอกนั้นคงฝึกได้ทุกวันละครับ กรุณานำบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยนะครับ


ทีมงานฯ
skygolo

[*] posted on 20/9/10 at 07:59
ขอบคุณมากครับ
กะจะพักงานไปฝึกสัก 7 วัน ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า..
แต่ก็จะพยายามให้มากเท่าที่จะทำได้

ขอบคุณมากครับ
anonta_07

[*] posted on 19/9/10 at 22:49
มีฝึกทุกวันครับ ที่วิหารแก้วร้อยเมตร
ที่พักไม่ต้องห่วงครับ เยอะมากๆ ก็ด้วยบารมีขององค์หลวงพ่อครับ
ติดต่อที่พักที่ศาลานวราชได้เลยครับ
เข้าไปดูรายละเอียดที่หัวข้อ ข่าวสารวัดท่าซุง/การเดินทางปี๒๕๕๓ครับผม
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
skygolo

[*] posted on 19/9/10 at 21:20
สนใจการฝึกมโนมยิทธิ
ที่วัดท่าซุง มีสอนทุกวันหรือไม่ครับ

อยู่กรุงเทพฯ ถ้าจะไปเรียนมโนมยิทธิ ที่วัดท่าซุง
มีที่พักให้หรือไม่ครับ ต้องไปติดต่ออย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณครับ
Go To Top