Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Post Reply
Who Can Post? All users can post new topics and all users can reply.
Username   Need to register?
Password:   Forgot password?
Subject: (optional)
Icon: [*]
Formatting Mode:
Normal
Advanced
Help

Insert Bold text Insert Italicised text Insert Underlined text Insert Centered text Insert a Hyperlink Insert E-mail Hyperlink Insert an Image Insert Code Formatted text Insert Quoted text Insert List
Message:
HTML is On
Smilies are On
BB Code is On
[img] Code is On

Disable Smilies?
Use signature?
Turn BBCode off?
Receive email on reply?
Attachment:
    

Topic Review
webmaster

[*] posted on 24/12/11 at 08:02
(คำถาม) *****ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา***** อยากทราบความหมายของคำนี้

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(คำตอบ)

คำว่า "ธรรมทั้งหลาย" นี้แยกออกเป็น 2 ความหมาย ได้แก่
1. สังขะตะธรรม แปลว่า ธรรมะที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
2. อะสังขะตะธรรม แปลว่า ธรรมะที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง

ธรรม 2 ประการนี้ รวมเป็น "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา"

แต่ถ้าจะขยายคำว่า "ปัจจัยปรุงแต่ง" คืออะไร

ตอบว่า "ปัจจัย" คือเหตุต่างๆ ปรุงแต่ง ดั่งเช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นขันธ์ ๕ คือร่างกายนี้ ซึ่งมีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นมา

สามัญปัจจัย ปัจจัยทั่วไปก็ได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน และกรรม

อวิชชาก็ได้แก่ความไม่รู้จักสัจจะที่เป็นความจริง
ตัณหาก็ได้แก่ความดิ้นรนทะยานอยาก
อุปาทานก็ได้แก่ความยึดถือ
กรรมก็ได้แก่การงานที่ทำทางกายทางวาจาทางใจ ด้วยความจงใจ

นี้เป็นสามัญปัจจัย คือเหตุปัจจัยทั่วไปของขันธ์ ๕ หรือของนามรูป คือร่างกายนี้ และยังมีเหตุปัจจัยจำเพาะ เช่น เหตุปัจจัยของรูปก็คืออาหาร เหตุปัจจัยของนามธรรมทั้งหลาย ก็ได้แก่อายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์) ที่มาประจวบกัน หรือยกเอาวิญญาณเป็นปัจจัยของ เวทนา สัญญา สังขาร ขันธ์ ๕ หรือนามรูป มีปัจจัยคือเหตุให้เกิดขึ้น เป็นต้น

นี่เป็นความหมายของการศึกษาธรรมะ แต่ถ้าจะเข้าหาภาคปฏิบัติจริงและพูดแบบภาษาไทย เพื่อความเข้าใจง่ายๆ คำว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา" หมายความว่าให้หมั่นพิจารณารวมๆ ว่า

"ร่างกายของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น หรือวัตถุสิ่งของต่างๆ จะเป็นสิ่งมีชีวิตก็ดี หรือไม่มีชีวิตก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ ผลสุดท้ายต้องพังสลายไปในที่สุด"
cope2001

[*] posted on 23/12/11 at 19:32
ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้ว จึงนำมาบอกกล่าว นำมาแสดง บัญญัติตั้งไว้ เปิดเผยให้ทราบ จำแนกแยกแยะ ทำให้เข้าใจง่ายว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา”

*****ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา*****

อยากทราบความหมายของประโยคนี้ครับ


ขอบคุณ
Go To Top