Not logged in [
Login
-
Register
]
Search
Today's Posts
Stats
Back to:
วัดจันทาราม (ท่าซุง)
»
ข้อมูลสมาชิก
»
กระผมขอถามความหมายของธรรมครับ
» Reply
Post Reply
Who Can Post?
All users can post new topics and all users can reply.
Username
Need to register?
Password:
Forgot password?
Subject:
(optional)
Icon:
Formatting Mode:
Normal
Advanced
Help
Andale Mono
Arial
Arial Black
Book Antiqua
Century Gothic
Comic Sans MS
Courier New
Georgia
Impact
Tahoma
Times New Roman
Trebuchet MS
Script MT Bold
Stencil
Verdana
Lucida Console
-2
-1
1
2
3
4
5
6
White
Black
Red
Yellow
Pink
Green
Orange
Purple
Blue
Beige
Brown
Teal
Navy
Maroon
LimeGreen
Message:
HTML is On
Smilies are On
BB Code
is On
[img] Code is On
[quote][i]Originally posted by cope2001[/i] ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้ว จึงนำมาบอกกล่าว นำมาแสดง บัญญัติตั้งไว้ เปิดเผยให้ทราบ จำแนกแยกแยะ ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา *****ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา***** อยากทราบความหมายของประโยคนี้ครับ ขอบคุณ [/quote]
Disable Smilies?
Use signature?
Turn BBCode off?
Receive email on reply?
Attachment:
Topic Review
webmaster
posted on 24/12/11 at 08:02
(คำถาม) *****ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา***** อยากทราบความหมายของคำนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(คำตอบ)
คำว่า "ธรรมทั้งหลาย" นี้แยกออกเป็น 2 ความหมาย ได้แก่
1. สังขะตะธรรม แปลว่า ธรรมะที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
2. อะสังขะตะธรรม แปลว่า ธรรมะที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
ธรรม 2 ประการนี้ รวมเป็น "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา"
แต่ถ้าจะขยายคำว่า "ปัจจัยปรุงแต่ง" คืออะไร
ตอบว่า "ปัจจัย" คือเหตุต่างๆ ปรุงแต่ง ดั่งเช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันเป็นขันธ์ ๕ คือร่างกายนี้ ซึ่งมีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นมา
สามัญปัจจัย ปัจจัยทั่วไปก็ได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน และกรรม
อวิชชาก็ได้แก่ความไม่รู้จักสัจจะที่เป็นความจริง
ตัณหาก็ได้แก่ความดิ้นรนทะยานอยาก
อุปาทานก็ได้แก่ความยึดถือ
กรรมก็ได้แก่การงานที่ทำทางกายทางวาจาทางใจ ด้วยความจงใจ
นี้เป็นสามัญปัจจัย คือเหตุปัจจัยทั่วไปของขันธ์ ๕ หรือของนามรูป คือร่างกายนี้ และยังมีเหตุปัจจัยจำเพาะ เช่น เหตุปัจจัยของรูปก็คืออาหาร เหตุปัจจัยของนามธรรมทั้งหลาย ก็ได้แก่อายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์) ที่มาประจวบกัน หรือยกเอาวิญญาณเป็นปัจจัยของ เวทนา สัญญา สังขาร ขันธ์ ๕ หรือนามรูป มีปัจจัยคือเหตุให้เกิดขึ้น เป็นต้น
นี่เป็นความหมายของการศึกษาธรรมะ แต่ถ้าจะเข้าหาภาคปฏิบัติจริงและพูดแบบภาษาไทย เพื่อความเข้าใจง่ายๆ คำว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา" หมายความว่าให้หมั่นพิจารณารวมๆ ว่า
"ร่างกายของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น หรือวัตถุสิ่งของต่างๆ จะเป็นสิ่งมีชีวิตก็ดี หรือไม่มีชีวิตก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ ผลสุดท้ายต้องพังสลายไปในที่สุด"
cope2001
posted on 23/12/11 at 19:32
ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้ว จึงนำมาบอกกล่าว นำมาแสดง บัญญัติตั้งไว้ เปิดเผยให้ทราบ จำแนกแยกแยะ ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา
*****ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา*****
อยากทราบความหมายของประโยคนี้ครับ
ขอบคุณ
วัดจันทาราม (ท่าซุง)
»
ข้อมูลสมาชิก
»
กระผมขอถามความหมายของธรรมครับ
» Reply