"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 1 (ตอนที่ 7)
webmaster - 26/2/10 at 13:04

« ตอนที่ 1 « ตอนที่ 2 « ตอนที่ 3 « ตอนที่ 4 « ตอนที่5 « ตอนที่ 6




สารบัญ

01.
สุเวช - ประมวลศรี - แพตตี้ สุขสุราษฎร์ update 26 - 02 - 2553
02. สุชาดา รัตนพฤกษ์ update 08 - 03 - 2553
03. ม.ล. อัชญา ไชยะโท (ศุขสวัสดิ์) update 31 - 03 - 2553
04. กนกพร วัฒนเสนีย์ update 07 - 04 - 2553
05. เตียว ฮุย กี update 19 - 04 - 2553
06. คณะอาจารย์ และนักเรียน โรงเรียนสตรีวิทยา update 26 - 04 - 2553


webmaster - 26/2/10 at 13:11


สุเวช - ประมวลศรี - แพตตี้ สุขสุราษฎร์


กราบมนัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด


หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........ลูกทั้งสามดีใจเหลือเกินที่ได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ สูงขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ครั้งที่ลูกยังไม่มีโอกาสได้กราบหลวงพ่อ

ลูกคงจะต้องคิดว่านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ความผูกพันใกล้ชิดฉันพ่อกับลูกคงจะค่อยๆห่างออกไปเนื่องจากสมณศักดิ์และกาลเวลา แต่วิชามโนมยิทธิที่หลวงพ่อพยายามพร่ำสอนป้อนให้ลูก

โดยเฉพาะพวกลูกๆ ที่ต้องไปใช้กรรมอยู่ในต่างแดน โดยที่หลวงพ่อไม่เคยคิดถึงความยากลำบาก ข้ามน้ำข้ามทะเล ตลอกจนสุขภาพร่ายกายของหลวงพ่อแต่ประการใดเลย

รวมทั้งบรรดาครูบาอาจารย์ทุกๆท่านที่ได้เสียสละความสุขส่วนตัว อุทิศร่างกาย จิตใจ แม้กระทั่งเงินทองทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ผนึกกำลังร่วมกันเป็นหมู่คณะ เพื่อที่จะได้ร่วมปฏิบัติคุณความดีเจริญรอยตามพระยุคลบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการชักจูง แนะแนวทางให้ทุกคนที่มีความเชื่อถือศรัทธา ให้รู้จักทางลัดไปสู่แดนสงบสุข คือแดนพระนิพพานนั้น

ทำให้ลูกยิ่งมีความอบอุ่นและมั่นใจขึ้นอีกว่า ไม่ว่าหลวงพ่อของลูกจะอยู่ที่ไหน สภาพอย่างไร กาลเวลาใด ความผูกพันฉันพ่อลูก จะไม่มีวันเหินห่าง นอกจากจะยิ่งกระชับแน่นยิ่งขึ้นไปอีก แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นบุคคลที่ลูกจะลืมไม่ได้ชั่วชีวิตชั่วชีวิตนี้คือ คุณปราณี เทียนเพ็ง ผู้ซึ่งไดพยายามเคี่ยวเข็ญ และผลักดันให้ลูกได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อด้วยวิชามโนมยิทธิจนได้

ลูกจะขอให้คำมั่นสัญญากับหลวงพ่อว่า ลูกจะพยายามปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกจะสามารถทำได้ และจะพยายามประพฤติและปฏิบัติตนให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของลูกทั้งสามคน.

◄ll กลับสู่ด้านบน


webmaster - 8/3/10 at 08:17


สุชาดา รัตนพฤกษ์


หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........เมื่อลูกได้ทราบข่าวว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระสุธรรมยานเถระ หรือ “หลวงพ่อ” ของพวกลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น “พระราชพรหมยาน”

พวกเราเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็พากันยินดี ทั้งๆ ที่ก็ทราบกันดีว่า แท้ที่จริงแล้ว หลวงพ่อของเราท่านหาได้ยินดีในโลกธรรม 8 เหมือนพวกเราไม่ มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ภูมิใจนักหนาเที่ยวบอกบรรดาพี่น้องสหายธรรมทั้งหลายว่า หลวงพ่อของพวกเราได้เลื่อนสมณศักดิ์อีกแล้วนะ

อันการได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ของหลวงพ่อท่านนั้น ก็เป็นเครื่องยืนยันอันหนึ่งในทางโลกว่าผู้ที่ท่านกระทำความดีนั้นย่อมได้รับผลดีตอบแทน แม้องค์ท่านเองจะกระทำทุกอย่างไปด้วยจิตเมตตาอย่างสูงของท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม อันลูกศิษย์ทุกๆคนย่อมประจักษ์กันดี

ในโอกาสนี้พวกเราก็อยากจะกล่าวถึงพระคุณความดีของท่าน ให้ท่านสาธุชนทั้งหลายที่ได้อ่านข้อความนี้ หากท่านเป็นผู้ใหม่ หรือเพิ่งพบ เพิ่งได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อท่าน จักได้รู้จักท่านบ้างพอสมควร

หลวงพ่อท่านเป็นพระผู้เต็มไปด้วยอธิศีลสิกขาคือมีศีลบริสุทธิ์ อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ครบตามธรรมวินัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงบัญญัติไว้สำหรับ คำว่า “พระ” ให้สารุชนทั้งหลายได้เคารพกราบไหว้

ในด้านทางโลก หลวงพ่อท่านเมตตาจัดของแจกทหารในแนวรบ ให้เขาเหล่านั้นได้ทราบถึงความเป็นห่วงของพวกแนวหลัง ให้เขาเหล่านั้น ได้นึกว่าอย่างน้อยความเสียสละเพื่อประเทศชาติของพวกเขาโดยเอาชีวิตเข้าแลกกัน ยังมีผู้ระลึกถึงบุญคุณของเขา

โดยที่ถ้าหากว่าสุขภาพท่านพอไปได้ หลวงพ่อท่านจะจัดคณะลูกศิษย์ พร้อมทั้งของใช้ที่จำเป็นในการยังชีพ วัตถุมงคลอันมีค่ายังเป็นที่พึ่งทางใจ ไปเยี่ยมพวกเขาตามโอกาสต่างๆ ถ้าสุขภาพไม่อำนวยท่านก็จะมอบของให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่ายโดยสม่ำเสมอ

หลวงพ่อท่านสร้างโรงพยาบาลเพื่อรักษาประชาชน ในเขตที่ไม่สามารถไปรักษาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของรัฐ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐเช่นโรงพยาบาลแม่และเด็ก ของวัดท่าซุงเป็นต้น

หลวงพ่อท่านโปรดเมตตาให้สร้างโรงเรียนขึ้นบริเวณวัดท่าซุง ให้กุลบุตร กุลธิดา ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่จะมาเข้าจะต้องเป็นผู้อยู่ในศีลธรรม ปฏิบัติธรรมได้ “มโนมยิทธิ” ปฏิบัติแต่ความดี เกรงกลัวต่อบาป อันจะเป็นกำลังที่ดีของชาติสืบไป

เมื่อมีโอกาสหลวงพ่อท่านทราบว่าที่ใด ถูกภัยธรรมชาติเบียดเบียน เช่นฝนแล้งทำนาไม่ได้ น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ ท่านจะเมตตา จัดสิ่งของส่งไปให้พี่น้องร่วมชาติผู้ประสบชะตากรรมเหล่านั้นเสมอ อันนอกจากจะเป็นการสังเคราะห์ ด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ยังเป็นการผ่อนภาระบ้านเมืองอีกประการหนึ่งด้วย อีกทั้งที่ใดขาดแคลนบ่อน้ำ สถานที่ใดขาดไฟฟ้า วัดใดศาลาผุพัง หลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์ สิ่งที่ขาดแคลนเหล่านั้นตามความจำเป็นเสมอ

ในทางธรรม โดยทั่วไปที่เกี่ยวกับบ้านเมือง หลวงพ่อท่านจะเมตตาแสดงธรรมตามที่ต่างๆ และในโอกาสต่างๆ เช่นการเทศน์ทางสถานีโทรทัศน์ เทศน์ที่วัดพระแก้ว เทศน์ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง อัดเทปจำหน่ายในราคาต่ำกว่าทุน

เมื่อประชาชนทั่วไปที่มีทุนรอนน้อย ไม่มีโอกาสไปวัดฟังธรรม ได้มีโอกาสฟังธรรม โดยที่พระธรรมเทศนา ที่หลวงพ่อท่านโปรดเทศน์สอนบุคคลทั่วไปนั้น เป็นธรรมที่ง่ายต่อการรับฟัง ง่ายต่อการเข้าใจ ทำให้ผู้ฟังสนใจฟังเทศน์ของท่าน และติดตามปฏิบัติตามกำลังบารมีของแต่ละบุคคลซึ่งเราทั้งหมดก็ทราบกันดีว่า

อันธรรมะขององค์สมเด็จพระบรมศาสดานั้น ก็มุ่งให้บุคลทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส มีสุคติเป็นที่ไป เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงธรรม ประเทศชาติก็จะร่มเย็นมีสันติสุข

เหล่านี้คือการกล่าวโดยย่อๆ ถึงเมตตาที่หลวงพ่อท่านปฏิบัติต่อประเทศชาติหรือเรียกว่า “ในทางโลก”

ในทางธรรมนั้น ดังได้กล่าวมาแล้วว่าหลวงพ่อท่านนั้นเป็น “พระ” ที่สาธุชนกราบไหว้ได้โดยสนิทใจ ท่านรักษาศีลยิ่งชีวิต ท่านเป็นพระประเภทปฏิบัติ ดังที่ได้ทราบโดยทั่วไปว่าวัดท่าซุงของท่านเป็นสำนักสอนกรรมฐานที่เคร่งครัดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการฝึกมโนมยิทธิซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไป

อีกทั้งความรู้ในทาง “ปริยัติ” ท่านก็คล่องเมื่อผู้ใดสนใจไต่ถาม ท่านในด้านธรรมวินัยต่างๆ ท่านก็เมตตาตอบให้เขาเหล่านั้นได้รับคำตอบที่ถูกต้องจนพอใจเสมอ

และโดยที่ทราบโดยทั่วไปในหมู่พุทธศาสนิกชน ว่าอันการทำบุญนั้นถ้าเราได้ทำบุญกับ “พระ” ที่แท้จริง เราย่อมได้บุญเต็มที่เปรียบเสมือน ผู้หว่านข้าวกล้าในนาที่อุดมสมบูรณ์ ย่อมได้ผลดีตามที่ต้องการ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งหลายผู้เข้าใจในธรรมย่อมพอใจและสุขใจที่ได้ทำบุญกับหลวงพ่อท่านว่าผลบุญที่ท่านพึงหวังนั้นแด่ตนเองและญาติที่ต้องการ ย่อมได้ผลตามที่ท่านต้องการแน่นอน

ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ที่กราบท่าน เคารพท่าน ฝากตนและปฏิบัติตามยอมเป็นศิษย์ของท่านนั้น ย่อมประจักษ์ในความเมตตาอย่างยิ่งของหลวงพ่อท่านได้ดี ลูกศิษย์ส่วนใหญ่เมื่อเอ๋ยถึงหลวงพ่อท่าน นอกจะให้ความเคารพในด้านที่หลวงพ่อท่านเป็นพระผู้เป็นสุปฏิปันโน คือปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ตามพุทธบัญญัติแล้ว

ในด้านความรู้สึกส่วนตัว ยังมีความรู้สึกเหมือนได้เรียก “พ่อบังเกิดเกล้า” อีกด้วย เมตตาของท่านอันเปี่ยมล้นออกทางแวดตาท่านยามเมื่อท่านเมตตาพูดคุยด้วย กระแสความร่มเย็น แผ่จากท่านจนสัมผัสได้ ลูกศิษย์คนใดถ้าแม้เอ๋ยปากขอสิ่งใด ในเรื่องไม่เกินวิสัยแล้ว เป็นต้องได้สมใจทุกราย

ท่านเมตตาและ “ทราบ” ถึงวาระน้ำจิตของลูกศิษย์บางคนที่ติดในองค์ท่าน ชอบสะสมของใช้ส่วนองค์ท่าน ดังเช่นขวดยานัตถ์ใช้แล้ว ท่านก็จะเมตตาเก็บไว้ให้ เป็นที่ถูกใจนักหนาของผู้ได้รับ

ธรรมะ ที่ท่านนำมาสั่งสอนนั้น หลายๆ คนต่างยืนยันว่าง่ายต่อการเข้าใจ และ “ถูกจริต” ของแต่ละคนยิ่งนัก หลายๆ คนบอกว่าได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อ ทำให้ตาสว่าง ต่างพยายามปฏิบัติกันเต็มกำลังเพื่อให้รอดพ้นจากอบายภูมิ และที่สุดเพื่อการพ้นภัยในวัฏฏะสงสาร ตามจุดประสงค์ของหลวงพ่อท่าน แต่ใครจะทำได้แค่ไหนก็แล้วแต่ความพยายามและความพยายามของแต่ละบุคคล

หลวงพ่อท่านยอมเสียสละ เหน็ดเหนื่อย แม้ลูกศิษย์ต่างก็ทราบว่า ท่านป่วยทางกายตลอดเวลา แต่ด้วยเมตตาอย่างสูงของท่าน เวลาใดที่กำหนดสอนกรรมฐาน หรือเมื่อมีผู้สนใจธรรมะ ท่านจะเมตตาสอน

โดยผู้รับฟังไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหลวงพ่อท่านกำลังป่วย ต้องใช้ขันติมากเพียงไร เพื่อให้ผู้ต้องการธรรมะได้รับคำสอนได้เต็มที่ บางคราวหลังสอนกรรมฐานพอลูกศิษย์กลับหมดแล้ว หลวงพ่อท่านอาเจียนออกมาเป็นกระโถนๆ ต้องให้น้ำเกลือต่อ

ยามเมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ลูกศิษย์บ่นภาวการณ์เงินฝืดเคืองนัก ท่านก็เมตตา หาคาถาให้ภาวนาให้การเงินคล่องตัว ซึ่งผู้ตั้งใจปฏิบัติตามได้พบผลมากมายแล้ว หรือลูกศิษย์ลูกหาต่างพากันสนใจในเพชร พลอย สวยๆ ต่างๆ อันเป็นธรรมดาของปุถุชน

หลวงพ่อท่านก็เมตตา หาวัตถุมงคลสวยงาม ในรูปแหวนเพชรบ้าง องค์แก้วมณีรัตนบ้าง ให้ลูกศิษย์ไว้บูชา ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเป็นของศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งด้วย

เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ในบรรดาพระคุณ ความเมตตาของหลวงพ่อท่านนี้ คณะศิษย์ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงในสากลโลก โปรดช่วยดลบันดาลให้ร่างกายของหลวงพ่อท่านหายป่วย อย่าได้มีเวทนาเพื่อหลวงพ่อท่านจะไดอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นเนื้อนาบุญให้ผู้ทำบุญเป็นผู้นำทางให้ปฏิบัติตาม ให้พ้นภัยในวัฏสงสาร เถิด

ข้อความที่เขียนมานี้ ถ้ามีการผิดพลาดล่วงเกินหลวงพ่อด้วยประการใดๆ ข้าพเจ้าผู้เขียนขอกราบขมากรรมจากหลวงพ่อด้วยเทอญ


◄ll กลับสู่ด้านบน


webmaster - 31/3/10 at 07:55


ม.ล. อัชญา ไชยะโท (ศุขสวัสดิ์)


"หลวงพ่อของข้าพเจ้า.."


หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........เมื่อ 20 ปีที่แล้ว บิดาและมารดา ( คุณเสริมและคุณอ๋อย) พาลูกๆ ไปกราบพระที่วัดท่าซุง ในวันก่อนงานกฐิน 1 วัน ครั้งนั้นเป็นแต่เพียงการกราบเท่านั้นเองจริงๆ เพราะท่านกำลังยุ่งกับการเตรียมงาน ตอนนั้นเห็นท่านแล้วคิดในใจว่า พระองค์นี้ขาวอ้วนดี

ในวันต่อมาเป็นวันงานกฐิน บิดามารดาก็เข้าไปกราบลาท่าน ท่านก็ทักทายแล้วคุยกันสักครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าไม่เคยคุยกับพระก็นั่งดูเฉยๆ มานึกแปลกใจที่ทำไมเป็นพระคนละองค์กับที่มากราบเมื่อวาน เพราะวันนี้ท่านเป็นพระองค์ดำตัวใหญ่

เมื่อขึ้นรถยังถามบิดามารดาว่า เป็นองค์เดียวกับที่เรามากราบหรือเปล่า ก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นองค์เดียวกัน จึงเกิดความแปลกใจอยู่มากว่า เราทำไมมันก๊งขนาดนี้แล้วหรือ ( จึงทดไว้ในใจแล้วเงียบไว้)

หลังจากนั้นครอบครัวข้าพเจ้าและพรรคพวกเพื่อนฝูงก็ได้ไปกราบท่านที่วัดท่าซุง และที่บ้านกับป้านนทาเสมอมา และในที่สุดท่านก็ได้มาโปรดเมตตามาจำวัดที่บ้านเป็นประจำ พวกเราได้สังเกตว่าในบางวันท่านก็ฉันหมากมาก บางวันก็ฉันน้อยมาก จึงเรียนถามท่านว่า

" วันนี้ท่านฉันหมากมากจังเจ้าค่ะ ?"

เท่านั้นเองความลับก็เลยแตกว่า หากวันใดบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ไหนท่านมาโปรดเมตตา หลวงพ่อท่านก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่นจะมีลักษณะใจดี ผิวเนื้อขาวผ่อง หรือลักษณะดำและดุ หรือฉันหมากเป็นต้น จึงถึงบางอ้อ..!

หลวงพ่อท่านยังมีความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งคือ ในครั้งหนึ่งท่านทำ "พิธีบรรจุพระธาตุลงใต้ฐานพระ" ให้แก่ลูกศิษย์ มารดาข้าพเจ้าได้นำตลับลายไทยฝาแหลม กว้างประมาณ 2 นิ้วครึ่ง สูงประมาณ 2 นิ้ว มาถวายท่าน เพื่อให้ท่านได้ใส่พระธาตุเพื่อแจก

ขณะนั้นมีพระธาตุอยู่แล้วประมาณ 50 องค์เล็กๆ หลวงพ่อท่านก็เลยนำมาวางไว้บนหิ้งพระห้องนอนของท่านที่บ้านสายลม เตรียมไว้บรรจุให้แก่ลูกศิษย์ในวันรุ่งขึ้น มารดาข้าพเจ้ายังทักท่านว่า จะพอหรือเจ้าคะ ท่านก็ไม่ว่าอะไร

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากฉันเช้าแล้ว ท่านก็นำตลับมาจัดเตรียมบรรจุให้แก่ลูกศิษย์ ปรากฏว่ามีพระธาตุสีขาวเต็มพูนตลับ หลังจากนั้นก็มีการบรรจุพระธาตุอยู่หลายวัน แต่พระธาตุในตลับก็ยังเต็มอยู่เสมอ จึงพอเพียงบรรจุให้เสร็จทุกคนที่นำพระมาให้บรรจุ

หลวงพ่อนั้นท่านเป็นผู้ที่สามารถตอบข้อสงสัยของศิษย์ได้ทุกข้อสงสัย เมื่ออยู่ใกล้ท่านจะมีแต่ความแจ่มใสสบายใจ ท่านเล่าว่าสมัยก่อนบริเวณบ้านสายลมเป็นวัดเก่า และมีพระสุปฏิปันโนอยู่ที่วัดนี้หลายองค์ มีพระองค์หนึ่ง ท่านมาปรากฏให้หลวงพ่อเห็น และทราบว่าท่านเคยดูแลวัดนี้อยู่ ชื่อ หลวงตาแสง

ฉะนั้นจึงมีบางท่านเรียกบ้านสายลมว่า วัดหลวงตาแสง ซึ่งหลวงพ่อ ท่านเล่าว่า เนื่องจากสถานที่นี้เคยเป็นวัดเก่าและมีพระสุปฏิปันโนมาก จึงสามารถปฏิบัติธรรมได้ดีกว่าปฏิบัติในสถานที่อื่น

ท้ายนี้ขอโมทนาแก่ทุกท่าน ผู้มาปฏิบัติได้ธรรมะในสถานนี้ด้วย


◄ll กลับสู่ด้านบน


webmaster - 7/4/10 at 08:19


กนกพร วัฒนเสนีย์


หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........เมื่อลูกกลับมาเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2526 เพื่อเยี่ยมบ้านในขณะนั้นชิวิตอยู่ในระหว่างการตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งตัวเองก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ และใครๆ ก็ช่วยในการตัดสินใจให้ไม่ได้ และในที่สุดลูกก็ได้คำตอบเหล่านี้ เมื่อมีผู้มาชวนไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ( ฉายาของท่าน ) ขณะนั้นลูกเองก็ไม่ทราบว่านี่คือฉายา แต่ก็มีความอยากเห็นว่า "พระฤาษี" จะเหมือนในหนังสือนิทานไหมหนอ..?

เมื่อลูกได้ไปที่บ้านซอยลมครั้งแรกนั้นก็ไม่เห็นพระฤาษี แต่กลับไปพบกับพระสงฆ์แทน ซึ่งลูกก็เพิ่งเข้าใจว่า ท่านเป็นใคร นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาลูกก็เหมือนกับได้เกิดขึ้นมาใหม่ ได้เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน พร้อมกับเกิดความภาคภูมิใจว่า จะมีใครสักกี่คนที่จะโชคดีเช่นลูกในขณะนั้น

ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ ความเมตตา ความห่วงใย จากคำสั่งสอนที่หลวงพ่อได้ลำบากตรากตรำ พร่ำสอนให้แก่ลูกๆ ทุกคน ก็ได้เป็นแสงสว่างนำทางให้ลูกได้ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง และผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้อย่างมีสติ หากจะให้ลูกได้เขียนผลที่ได้รับจากพระคุณของหลวงพ่อนั้น ลูกก็คงไม่สามารถจะบรรยายได้หมด เพราะมากมายเหลือจะคณานับ หากจะสรุปย่อๆเป็นบางส่วนว่า

* คำสั่งสอนชี้แนะของหลวงพ่อเป็นประโยชน์แก่ชีวิตประจำวันของลูกอย่างแท้จริง คราใดที่มีปัญหาแก้ไขไม่ได้ เมื่อได้มากราบหลวงพ่อ ลูกก็จะได้คำชี้แนะหรือหนทางแก้ไขปัญหา โดยที่ลูกแทบไม่ได้เอ๋ยปากถามหลวงพ่อเลย ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม เสมือนว่าหลวงพ่อได้เข้ามานั่งอยู่ในจิตใจของลูกอยู่ตลอดเวลา

* เมื่อลูกมีความทุกข์ทางจิตใจ หรือไม่สบายใจก็ตาม เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนและระลึกถึงหลวงพ่อ ลูกก็เกิดความสบายใจขึ้นทุกครั้ง

* ลูกได้พิสูจน์เห็นจริงด้วยตนเอง เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ และได้ทำให้การดำเนินชีวิตของลูกเป็นไปด้วยดีเรื่อยมา จากเรือที่ไม่มีหางเสือ แล่นไปโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง มาเป็นผู้ที่รู้จักคิด มีสติปัญญา และกำลังใจแน่วแน่ที่จะปฏิบัติคุณความดี รู้สึกถึงปาปบุญคุณโทษ ให้อภัยแก่คน และให้มีเมตตาช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า ที่สุดของที่สุดก็คือ มีชีวิตอยู่อย่างมีค่าต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อชาติบ้านเมือง และทะนุบำรุงพระศาสนา และที่หลวงพ่อสอนให้รู้ที่มา รู้ที่ไปของลูกเอง

ตลอดเวลาทุกวันนี้ ลูกมีความมั่นใจว่า บารมีของหลวงพ่อคุ้มครองลูกทุกอย่าง แม้เมื่อจะมีเหตุภัยเกิดขึ้นกับลูกก็มีเสียงเตือนล่วงหน้าให้ลูกระวัง จากหนักเป็นเบา บางครั้งก็แก้ไขได้ทันท่วงที และเมื่อต้องประสบปัญหาเฉพาะหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พอระลึกและอธิษฐานถึงหลวงพ่อ ปัญญาก็มักจะเกิดขึ้นทุกครั้ง ใครตั้งใจคิดมิดีมิชอบ ก็มักจะพ้นภัยเสมอมา วิชาที่หลวงพ่อสอนสั่ง ลูกก็ได้นำไปช่วยสงเคราะห์ผู้อื่นได้ตามอัตภาพ เป็นการสร้างสมบารมีไปด้วย

พระคุณทั้งหลายนี้ ลูกไม่สามารถจะพรรณนาและทดแทนพระคุณเหล่านี้ได้ ความภูมิใจในการมาเป็นลูกของหลวงพ่อไม่เคยลดถอย และความซาบซึ้งถึงความเมตตาที่ได้รับจากหลวงพ่อจะเป็นกำลังใจให้ลูกปฏิบัติต่อไป ลูกขออธิษฐานให้หลวงพ่อของลูกมีสุขภาพสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง เพื่อเป็นกำลังใจต่อลูกๆ ทุกคนไปนานแสนนาน


◄ll กลับสู่ด้านบน


webmaster - 19/4/10 at 10:04


เตียว ฮุย กี


หลวงพ่อของเรา



หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........ในฐานะที่เป็นชาวต่างชาติ ข้าพเจ้าใคร่กล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่งที่ได้พบหลวงพ่อ แม้ภายในระยะเวลาอันสั้น ข้าพเจ้าก็เคารพรักและนับถือหลวงพ่ออย่างจริงใจ แม้ว่าข้าพเจ้าจะพูดหรือเข้าใจภาษาไทยไม่ได้ก็ตาม แต่หลวงพ่อก็ได้พิสูจน์ให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วว่าท่านเข้าใจความคิดคำนึงของข้าพเจ้า (ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่ภาษาไทย)

และด้วยคำสอนของหลวงพ่อท่าน ข้าพเจ้าจึงได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติพระกรรมฐาน สามารถมองเห็นภาพในใจได้ ซึ่งได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นและพิสูจน์ได้ว่า “นิพพาน” มีอยู่จริง และคำสอนของหลวงพ่อวิเศษและพิเศษยิ่งสำหรับข้าพเจ้า

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพบหลวงพ่อ ข้าพเจ้าก็เหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้ที่มีคำถามและมีปัญหามากมาย เป็นการยากยิ่งที่จะเข้าใจว่า ทำไมชีวิตจึงต้องยุ่งยากลำบากนักหนา ทำไมพระเจ้าจึงต้องทำให้ชีวิตมนุษย์ซับซ้อนหรือทำไมชีวิตมนุษย์จึงต้องมีทุกข์ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียขวัญ โดดเดี่ยวอ้างว้าง สับสน และขัดข้องใจ

ข้าพเจ้ารู้จากการอ่านตำราว่าเราต้องรู้จักอดทน และพยายามกระทำดีเท่าที่จะทำได้ และรู้ว่าปัญหาต่างๆ ที่เราประสบในปัจจุบันเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ หรือ “กรรม” นั่นเอง แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีข้อกังขา และความรู้สึกไม่พึงพอใจอยู่ เป็นต้นว่า

- มีสวรรค์หรือนรกจริงหรือ มีใครเคยเห็นไหม

- ข้าพเจ้าเองเป็นใคร ถ้าข้าพเจ้ามีจิต ลักษณะของมันเป็นเช่นไร

- ทำไมพระเจ้าซึ่งเป็นผู้กรุณา อ่อนโยน และให้อภัย จึงไม่พยายามทำให้ชีวิตมนุษย์ง่ายขึ้น

- ทำไมพระเจ้าจึงไม่กำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายให้หมดไป

- ทำไมพระเจ้าจึงไม่ช่วยเราขณะที่เราวิงวอนร้องขอ

คำถามมีมากมายไม่รู้จบ แต่ไม่มีใครตอบได้

ข้าพเจ้าโชคดีที่ได้พบสุภาพสตรีคนหนึ่ง คือคุณปาริชาต เมื่อ 27 สิงหาคม 2532 เธอได้กล่าวถึงหลวงพ่อและคำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกสนิทสนมกับเธอราวกับว่าได้รู้จักเธอมานานนับปีๆ

ข้าพเจ้าได้ทราบภายหลังจากการปฏิบัติพระกรรมฐานว่า เราเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นคู่แฝดกันมาหลายชาติในอดีต เธอให้เข็มกัดมีรูปพระสงฆ์องค์หนึ่งแก่ข้าพเจ้า ความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นรูปก็รู้สึกคุ้นกับท่านมาก แม้จะไม่เคยรู้จักพบเห็นท่านมาก่อน ข้าพเจ้าได้รู้เรื่องของหลวงพ่อและการที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือเธอสมัยที่เธอมีทุกข์ซึ่งคนอื่นไม่สามารถช่วยเธอได้หรือไม่อยากจะช่วยเธอ

ข้าพเจ้าได้กราบหลวงพ่อเป็นครั้งแรกเมื่อ 2 กันยายน 2532 ขณะที่ข้าพเจ้ากราบท่าน ความรู้สึกของข้าพเจ้าผสมผสานระหว่างความสุข และความกลัวทั้งๆที่หลวงพ่อยิ้มให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ร่วมทำบุญและทำสังฆทาน ข้าพเจ้าชอบเอาเงินของข้าพเจ้าใส่ยามเขียวของหลวงพ่อด้วยเพราะข้าพเจ้ารู้สึกมั่งคงและปลอดภัย

ในคืนนั้นข้าพเจ้าพยายามปฏิบัติพระกรรมฐาน ตามวิธีการที่ข้าพเจ้าได้รู้ล่วงหน้าคือหายใจเข้าภาวนา “นะมะ” หายใจออกภาวนา “พะธะ” นึกถึงภาพของพระพุทธเจ้าและองค์หลวงพ่อด้วย ภายในเวลา 2 - 3 นาที

ข้าพเจ้ามองเห็นท้องฟ้าคล้ายเมฆเป็นประกายระยิบ เห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งตรงกลางพื้นที่นั้น พระพุทธเจ้าที่เห็นแตกต่างจากพระพุทธรูปที่มนุษย์สร้างขึ้น หลวงพ่อนั่งอยู่ด้านหน้าพระพุทธเจ้าที่ระยิบระยับ จีวรของหลวงพ่อส่งประกายวะวับ สวยงามคล้ายเพชรสีเหลือง

ข้าพเจ้าเห็นบางอย่างเหาะลอยไปรอบๆ พระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ ข้าพเจ้ารู้ถึงความรู้สึกของสิ่งนั้นว่าไร้กังวล มีความสุขสงบมาก ข้าพเจ้ารู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอาการทางกายรบกวนจึงไม่สามารถดำเนินต่อ

ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่หลวงพี่รู้เรื่องราวที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้า และได้กรุณาอธิบายชี้แนะให้ข้าพเจ้าจึงปฏิบัติแบบเดิมอีกครั้ง และเห็นภาพเช่นเดิมอีก แต่คราวนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า สิ่งนั้นคือข้าพเจ้าเองที่เหาะอยู่ เป็นตัวข้าพเจ้าเองที่รู้สึกอิสรเสรีไร้กังวลและมีความสุขสบาย ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่วิเศษสุด

ข้าพเจ้าได้รับการฝึกมโนมยิทธิเมื่อ 2 ก.ย. 2532 ด้วยบารมีของหลวงพ่อและพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อสว่างเป็นประกายระยิบระยับ ประทับนั่งอยู่เหมือนกับว่า ท่านกำลังนั่งสมาธิเช่นกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองเหาะไปหาท่านและกราบเคารพท่าน ข้าพเจ้าเกาะมือซ้ายของหลวงพ่อ และมีอีกคนเกาะมือขวาของหลวงพ่อ คนผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์ และมีแสงประกายระยิบระยับ

พระพุทธเจ้า ซึ่งวรกายสว่างระยิบระยับ ได้นำเราเหาะไปสู่แดนสวรรค์มีวิมานมากมาย ต่างล้วนระยิบระยับสวยงามรอบ ๆ ตัวเรา เราได้เข้าไปใกล้วิมานเด่นหลังใหญ่สว่างมากเป็นพิเศษ วิมานนั้นดูราวกับว่า ทำจากอัญมณีมีค่าในมนุษย์โลก เช่น เพชร มรกต ทับทิม ไพลิน และอีกนานาชนิด มีข้อแตกต่างอยู่ที่ว่า ล้วนสว่างไสวแวววาวระยับกว่าอัญมณีของโลกมากนัก และส่งแสงรัศมีออกมาอย่างเจิดจ้า มีเทวดาร่างกายใหญ่โตมาก 2 องค์ยืนอยู่ที่ประตูวิมานต้อนรับเรา เมื่อเราเข้าไปในวิมานหลังนั้น

ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้าสว่างไสวมาก พระองค์ใหญ่มาก และยิ้มให้ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าสามารถสัมผัสถึงความนิ่มนวล ความกรุณา ความอบอุ่น และสันติสุขรอบๆพระองค์ ข้าพเจ้ากราบแทบพระบาทอันใหญ่โตของพระองค์ ทรงลูบศรีษะของข้าพเจ้า พระบาทของพระองค์ท่านอบอุ่น อ่อนนุ่ม (ยิ่งกว่ากลีบดอกไม้ในโลกนี้) และเบา พระพุทธองค์หัวเราะขณะที่ข้าพเจ้าคลานขึ้นไปนั่งบนตักของท่าน และเมื่อพระองค์ยกพระหัตถ์อวยพรให้เรา ข้าพเจ้าเห็นคล้ายเพชรเม็ดมหึมาใจกลางพระหัตถ์เป็นประกายระยิบระยับ

ข้าพเจ้าแปลกใจยิ่งนักที่ข้าพเจ้าได้ตระหนักว่าพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ข้าพเจ้ารู้สึกใกล้ชิดกับท่านมาก มีพระพุทธเจ้ามากมายนับไม่ถ้วน

ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอย่างเป็นสุขบนตักของพระองค์ท่านอยู่นั้น ข้าพเจ้าเห็นภาพของกษัตริย์ 1 พระองค์ และพระราชินี 3 องค์ มีทหารกองใหญ่ และตรงใจกลางกองทหาร บนยกพื้นมีพระมหากษัตริย์และ 3 พระราชีนิ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวข้าพเจ้าเป็นทหารคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้ากษัตริย์พระองค์นั้น

เราได้ไปยังสถานที่ที่เป็นประกายระยิบระยับอีกแห่งหนึ่งของท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษผู้มีร่างกายเป็นประกายงดงามเช่นกัน ข้าพเจ้าเรียกท่านว่า “ท่านปู่” และ “ท่านย่า” ทั้งสองท่านวรกายใหญ่โตมาก และส่งประกายระยิบระยับ ทั้งสองท่านทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย มีความสุขและมั่งคง ข้าพเจ้าได้เข้าไปหา “ท่านย่า” ก่อนที่ข้าพเจ้าเหาะไปที่ตักของท่าน

ท่านย่ายิ้มและลูบศรีษะข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบนั่งตักท่านย่า ต่อมาข้าพเจ้าค่อยทำใจกล้าเหาะไปที่ตักท่านปู่ ท่านปู่หัวเราะและลูบศีรษะข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นท่านสุภาพสตรี 3 ท่านเป็นประกายระยิบยืนอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ ทั้งสามท่านงามมาก นิ่มนวล สุภาพและปราณี ข้าพเจ้าอำลาท่านย่าและท่านปู่ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทั้งสองยินดีต้อนรับข้าพเจ้าเสมอ

เราได้ต่อไปที่พระนิพพาน ไปยังวิมานหลังเล็กและเป็นประกายซึ่งเป็นวิมาน(บ้าน) ของข้าพเจ้า หลวงปู่(ปาน) ท่านลุง และท่านแม่ รอเราอยู่ที่นั้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างสุกใสเป็นประกาย นอกวิมานมีสระน้ำและดอกบัวระยิบระยับ ข้าพเจ้ารู้สึกกลัวสระ แต่ถูกกระตุ้นให้ลงไป น้ำในสระอุ่นและไม่เปียก

ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ในสระน้ำ มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้น ข้าพเจ้าเห็นหญิงคนหนึ่งลอยแพเด็กในตะกร้า ทารกเพศชายคนนั้นถูกลอยน้ำไป ข้าพเจ้าเศร้าใจมาก เด็กคนนั้นคือข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าให้อภัยและแผ่เมตตาให้หญิงผู้นั้น การท่องแดนสวรรค์และนิพพานของข้าพเจ้ายุติลง หลังจากเห็นภาพดังกล่าว

แม้ข้าพเจ้าจะไม่รู้ภาษาไทย ก็มิได้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ธรรมปฏิบัติจากหลวงพ่อ ขอยกตัวอย่างเช่น

“ วิธีการเคารพพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง”

“ เราควรทำความดีเสมอๆ เช่น ทำสังฆทาน บริจาคทรัพย์ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ รักษาศีล 5”

“ วิธีกันตัวเราเองไม่ให้ทำบาปอีกโดยการระลึกถึงพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ”

“ ก่อนออกจากบ้านทุกวัน ให้ขอบารมีพระพุทธเจ้า หรือหลวงพ่อ เพื่อให้ท่านสงเคราะห์เรา จากโจรภัย คุณไสย และอื่นๆ

หลวงพ่อท่านได้พิสูจน์ให้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นแล้วว่าสวรรค์จริงๆ มีอยู่ นรกจริงๆ มี และนิพพานก็มีจริง หลวงพ่อท่านได้สอน “ความรู้พิเศษ” ให้ ซึ่งข้าพเจ้าสามารถเรียนรู้ได้จากการปฏิบัติกรรมฐาน ความรู้พิเศษนี้ อยู่เหนือความรู้ทั้งปวงในโลก ความรู้ดังกล่าว ก็ใคร่ขอยกตัวอย่างเพียงบางข้อ เช่น

การรู้อนาคต การรู้เห็นกายในและจิตใจคนอื่น รู้อดีตของตนเองและของคนอื่น เห็นเหตุและผลของกรรมที่ให้ผลต่อบุคคลนั้นๆ และการกระทำของเขาในอดีตเป็นต้น ความรู้พิเศษนี้ช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจชีวิตและโลกดีขึ้น รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน

ด้วยความกรุณาจากหลวงพ่อ ข้าพเจ้ามีประสบการณ์พิเศษอื่นๆ อีกหลายอย่างเช่น

- ข้าพเจ้าขออนุญาตดูกายในของหลวงพ่อ กายในของท่านเป็นประกายระยิบระยับคล้ายเพชร แต่สว่างไสวกว่ามาก มีรัศมี 4 สี กระจายออกจากภายในของหลวงพ่อเหมือนสายรุ้ง รัศมีดังกล่าวประกอบด้วยสีแดง เหลือง น้ำเงิน เขียว สีต่างๆ เหล่านี้สว่างไสวและเป็นประกายด้วย

- ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธเจ้า 4 พระองค์อยู่ข้างๆ หลวงพ่อขณะที่ท่านสอนกรรมฐาน กายมนุษย์ของหลวงพ่อป่วยและอ่อนแอมมาก พระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ช่วยหลวงพ่อเพื่อให้หลวงพ่อได้ช่วยพวกเขา ฉะนั้นบางครั้งหลวงพ่อจึงดูเรืองใส บางครั้งดูคล้ำ ท่านแม่ทั้ง 3 คอยอยู่ช่วยหลวงพ่อเช่นกัน

- อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้านึกอธิษฐานในใจเป็นภาษาอังกฤษขอพลูส่วนที่เหลือของหลวงพ่อ เพื่อเป็นยารักษาโรคหอบหืด ข้าพเจ้าตกใจจริงๆ เมื่อหลวงพ่อปาพลูส่วนที่เหลือของท่านมาให้ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า เพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานทุกคนควรปฏิบัติดังนี้

1 คิดถึงความตาย สักวันหนึ่งทุกคนต้องตาย กายภายนอกของเรามิใช่ของเรา เราอาศัยมันขณะที่เราอยู่อาศัยโลกนี้เท่านั้น

2 เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างน้อย วันละ 1 – 2 ครั้ง ทำความดีให้มาก

3 ยึดถือศีล 5 ละเว้นจากการฆ่า การลักขโมย กาเมสุมิจฉาจาร การโกหก สุราเมรัย ถือศีล 8 ในวันพระ

4 รักพระนิพพาน

5 ระงับความโกรธ ความรัก ความหลง

ข้าพเจ้าระลึกในพระคุณของหลวงพ่ออย่างยิ่งที่ท่านได้กรุณาสอนสั่ง ความรู้พิเศษให้กับข้าพเจ้า ตลอดจนทางพ้นทุกข์ด้วย ข้าพเจ้ารู้ว่าหลวงพ่ออยู่กับข้าพเจ้า และจะอยู่กับข้าพเจ้าตลอดไป ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยสักเท่าใดก็ตาม

( ลูกปาริชาต ผู้แปล)




Tiew Hooi Kee


THE REVEREND FATHER : OUR LUANG PHO



Begin a foreigner, I would say that I am an extremely lucky person to be able to meet Luang Pho. Within a short period of time, I have come to respect, cherish and love Luang Pro. Not being able to converse or understand Thai language, Luang Pho in his unique way has proven to me he can understand me through my thouth ( which is definitely not in Thai). Through his teaching, I have learned to meditate in a pictorial like way, which has shown and proven to me that “NIRVANA” exists and his teaching is very unique and special to me.

Before I met Luang Pho, I had many questions and problems like other human begins in this world. It was so difficult to understands why life had to be difficult, why God had to make life so complicated, why couldn’t human life be free from sufferings. I felt very lost, very confused, and frustrating. I know from reading that we have to learn to tolerate and try to cultivate as much as we can, and that whatever problems we encountered in our present life are our own doings from the past life, or “KARMA”. However, there were still doubts and unsatisfactory feelings in me, such as

Is there really a heaven or hell? Has anyone seen it?

Who am I really? If I have a soul, how does it look like?

Why God being so gentle, kind and forgiving, He doesn’t try to make our human lives easier?

Why can’t God just make all the bed things go away”

Why can’t He help us when we really asked for it?

The questions could go on and on but no answeres to them.

Fortunately, I met a lady, Ms Parichat, on August 27, 1989 who explained to me about Luang Pho and the Teachings of the Lord Buddha. I felt very close to her as though I have known her for years. I found out later, through meditation, that we were cousins and also twin for many of our lives. She gave me a brooch with a picture of a monk attached to it. My first thought was the monk looked so familiar, even though I have never known him before. I learned of Luang Pho and how he had helped her in her bed times when nobody could or would.

My first meeting with Luang Pho was on September 2, 1989. When I prostrated him, my feeling was a combination of happiness and fear even though he was smiling at me. I did some offerings. I love to put my little contributions in Luang Pho green bag too, for I subconsciously felt safer and secure.

That night I tried to meditate by following the procedure told earlier: inhale when chanting NA MA, exhale when chanting PA TA ; concentrate on the Lord Buddha image and Luang Pho. Within a few minutes I saw a cloudy sparkling spatial area. A sparkling Lord Buddha was sitting in the middle of the area. The Lord Buddha looked different as compared to his image created by human beings. Luang Pho was sitting in front of the sparking Lore Buddha. Luang Pho’s robe was glittering away like yellow glittering diamonds. I saw something flying around the Lord Buddha and Luang Pho. I could feel that the thing was carefree, really happy and peaceful. I was confused for I didn’t know what’s happening. I was unable to proceed and my human body took control of me.

Amazingly, Rev. Brother saw what I had experienced and kindly explained to me. I meditated again and saw the same view except this time I felt myself flying. It’s me flying and its’ I who felt so happy, carefree and peaceful. It was my first wonderful experience.

I attended the meditation class on September 3, 1989. With Luang Pho and the Lord Buddha blessings. I saw the sparking Lord Buddha and Luang Pho sitting as though they were meditating too. I felt myself flying on then and paid respect to them. I hold on to Luang Pho left hand and someone hold on to his right hand. That person was not human and so sparkling Lord Buddha was leading us we flew away to heaven. There were lots of castles beautifully sparkling all around us. We approached a particularly bright and huge castle. It looked as though it was made of valuable stones- diamonds, emeralds, ruby, sapphires and many others as found in our world. The only difference is that they are much brighter than those of the world. They release very intense rays of lights. Two sparkling giant gods standing near the gate welcomed us. When we entered the castle, I saw bright huge Lord Buddha who was smiling at me. I could feel gentleness, warmth and peace around him. I prostrated him on his big foot. I felt him patting my head. His feet were warm, very soft ( much softer than a flower petal in our world) and light. He was laughing when I climbed onto his lap. When he lifted his hand to bless us, I saw a huge sparkling diamond on his palm.

Surprisingly, I came to realize that he was the very first Lord Buddha. I felt so close to him. There are so many Lord Buddhas that we cannot count.

While I was sitting happily on his lap, an image of a kind and three queens suddenly came to me. There was huge crowd of soldiers and in the middle on a platform was the king and three queens. I felt I was a soldier confronting the king.

We went also to the sparkling place of a sparkling lady and a man whom I later addressed them as Grand Ma and Grand Pa. They were huge and glittering. They made me feet safe, happy and secure with them. I remembered approaching Grand Ma first. I flew onto her lap. She smiled and patted my head. I just loved sitting on her lap. Then bravely flew to Grand Pa’s lap. He was laughing and patted my head. I saw 3 beautiful sparkling ladies standing beside Luang Pho. They were so beautiful, soft, gentle and kind. I said good bye to Grand Mother and Father. I know I will always be welcome to visit them.

We proceeded to Nirvana, to small, sparkling castle which is my home. Rev. Grand Father(Luang Pu), uncles and glowing mothers were waiting there. Everything was so sparkling outside the castle, there were sparking water lilies in a pond. I was rather afraid of the pond, but was urged to go into it. It was warm and I didn’t feel wet. While I was enjoying myself in the pond, an image came to me. I saw a lady sending a baby away in a basket. The baby boy was floating away in the water. I felt very sad. I knew the baby was myself. I forgave and blessed the lady for whatever she had done. My trip to heaven and NIRVANA ended after the image. I felt truly thankful to Luang Pho and to all the blessings I received to be able to gain the great experiences.

Not begin able to understand Thai language, it didn’t prevent me from learning something from Luang Pho. For examples

- The proper way to worship the Lord Buddha.

- We should always do good deeds, like offering donation, helping the unfortunates, be mindful of the 5 precepts.

- We can prevent ourselves from committing more sins by simply thinking of the Lord Buddha and/or Luang Pho.

- Always ask the blessing from the Lord Buddha or Luang Pho before we leave home every day to prevent us from robbery, black magic and many others.

Luang Pho has proven to me that there are real heaven, hells and Nirvana. He has taught us the ‘special knowledge’ that I have gained through meditative practice, the knowledge beyond all worldly knowledge. To name a few, the precognition, the ability to see the inner body or soul of others, to know the previous lives of myself and others, to see the cause and effect of certain KARMA that influenced certain persons and their previous deeds,etc. The ‘special knowledge’ helps me understand life and the world better. We know where we are from and where to go.

With Luang Pho kind permission, I had also other wonderful experiences:

- I asked Luang Pro to let me see his inner body. His inner body sparkles like diamond, except much brighter. There are 4 rays of colors releasing from his inner body just like rainbow. The colors are red, yellow, blue, and green. The colors are very bright and sparkling too.

- I saw four Lord Buddhas beside Luang Pho when he teaches us. Luang pho human body is very sick and weak. All 4 Lord Buddhas help him so he can help us. This is why sometimes Luang Pho glows and sometimes he looks dark. The 3 glowing mothers are always there too to help Luang Pho.

- Once when Luang Pho was teaching us, I approached him with my inner body to pay respect to him. He turned his head and smiled to acknowledge me. I was so happy I can do that.

- In my mind, I once asked Luang Pho to throw me his leftover betel leave. In English I was asking him. I was asking him to cure my asthmatic cough. I was really shocked when he threw his leftover betel leave to me.

I still remember the remarkable teaching of Luang Pho that everyone should follow in order to reach Nirvana:

1 Think of death. We will all die one day. Our outer body doesn’t belong to us. We used it when we are in this world.

2 Worship the Lord Buddha. His Teachings, His Orders. Think of Lord Buddha at least 1 – 2 times a day . Do lots of good deeds.

3 Follow the 5 precepts. Refrain ourselves from killing, stealing, adultery, lying, drinking alcoholic drinks. Observe 8 precepts on Buddhist days.

4 Cherish Nirvana in our thoughts and minds.

5 Control our anger, passion and greed.

I am deeply grateful to Luang Pho for this kindness in teaching me the Knowledge and the way to be out of sufferings. I know Luang Pho is with me, and will always be, no matter how far away I am from Thailand.

With my highest respect.

◄ll กลับสู่ด้านบน


webmaster - 26/4/10 at 08:27


คณะอาจารย์ และนักเรียน โรงเรียนสตรีวิทยา


"ความประดับใจในเมตตา และกรุณาธิคุณจากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน"


หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
"..........เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าไปวัดท่าซุงนั้น ข้าพเจ้าไม่อาจลืมได้เลยตลอดชีวิต นับตั้งแต่ได้เข้าไปในเขตของวัด ข้าพเจ้าขนลุกขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เมื่อถามอาจารย์อรพินท์ ท่านบอกให้แผ่เมตตา ข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าใจ ก็ขนลุกแล้วทำไมต้องแผ่เมตตา ข้าพเจ้าลองปฏิบัติดูอาการขนลุกก็หาย

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าพบหลวงพ่อนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าท่านจะต้องเป็นพระที่ดุแน่ๆ เลยกลัวเอาไว้ก่อน แต่พอได้พบหลวงพ่อจริงๆ ท่านใจดีมากมีท่าทางเหมือนคุณตาผู้ใจดีที่ชอบสั่งสอนสิ่งต่างๆ ให้กับลูกๆ หลานๆ อารมณ์ของท่านก็ดีตลอดเวลา เสียงหัวเราะของหลวงพ่อฟังแล้วสบายใจเหลือเกิน ข้าพเจ้าเป็นสุขมากเวลาเห็นท่าน และอดคิดไม่ได้ว่า หลวงพ่อเปี่ยมไปด้วยความสุขจนคนรอบข้างสามารถสัมผัสถึงความสุขที่มีจากท่านได้ ความรู้สึกครั้งแรกที่พบหลวงพ่อคือความคุ้นเคย คุ้นเป็นอย่างยิ่ง กับพระสงฆ์ที่วัดนี้ ก็คุ้นเคยเช่นกัน

การฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก ข้าพเจ้าฝึกที่วิหาร 100 เมตร ในห้องกระจกขนาดกะทัดรัด ตอนเริ่มฝึกนั้นข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรเลย พอฝึกไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าภายในกายของตนเองหมุน หมุนใหญ่เลยตกใจมาก คิดว่าตัวเองจะเป็นลม แปลกใจที่เกิดมาก็ไม่เคยเป็นลม แต่จะมาเป็นตอนนี้น่ะหรือ แต่ร่างกายก็แข็งแรงสมบูรณ์ สภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว ทำไมถึงจะเป็นลม คิดไปคิดมาก็มาพยายามควบคุมไม่ให้หมุนซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควรที่เดียว เมื่อหยุดหมุนกลับเห็นภาพได้ชัดเจนตามลำดับ ข้าพเจ้าดีใจมาก

แต่ระหว่างฝึกก็เกิดเหตุขึ้นอีกคือ ตาทั้งสองข้างกระตุก แปลกใจเหมือนกันแต่ไม่ติดใจ สงสัย หลังจากการฝึกครั้งแรก ข้าพเจ้านั่งฝึกมโนมยิทธิทีไร ส่วนใหญ่ตาจะกระตุกเป็นอย่างนี้จนข้าพเจ้าเคยชิน ภายหลังจึงสอบถามหลวงพี่อาจินต์ได้ความว่า ที่กายในหมุนเพราะต้องการจะออก หลวงพี่บอกว่าที่หมุนครั้งนั้นใช้กำลังเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้เต็มกำลังจะสามารถออกได้ คราวหลังถ้าหมุนอีกให้หมุนไปอย่าไปห้าม ส่วนตาที่กระตุกนั้นเพราะจะออกที่ตา ถ้าเป็นอีกให้ลืมตา

การไปวัดท่าซุงและการไปฝึกมโนมยิทธิในครั้งนี้ เป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้าโดยแท้จริง ข้าพเจ้าไม่อาจลืมพระคุณ พระเมตตากรุณาของหลวงพ่อที่มีต่อนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง บารมีของท่านมากมายเกินกว่าจะกล่าวได้หมด ข้าพเจ้าเคารพและศรัทธาท่านจริงๆ

สุชาดา ห้วยหงษ์ทอง




เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2533 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม พร้อมกับตั้งใจจะไปกราบหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วย เมื่อไปถึงก็เห็นสาธุชนมากมายหลั่งไหลเข้าไปถวายสังฆทานถวายปัยจัยและกราบหลวงพ่ออย่างไม่ขาดสายด้วยแรงศรัทธา ความประทับใจครั้งแรกเมื่อได้ดูหลวงพ่อทางโทรทัศน์วงจรปิดคือ ท่านพูดไพเราะนิ่มนวล ท่านให้ศีลให้พร ทำให้ผู้ที่ไปทำบุญรู้สึกได้ว่าได้บุญเดี๋ยวนั้นไม่ต้องรอ แม้ท่านจะให้ศีลให้พรเป็นร้อยๆ พันๆ เที่ยว ก็ไม่มีท่าทีเบื่อหน่ายมีแต่ความปราณีให้แก่คนทั่วไป

เวลาเที่ยงข้าพเจ้าขึ้นไปฝึกมโนมยิทธิชั้นบน เป็นการฝึกที่ยังไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน ครั้งแรกก็ไม่คิดว่าตนเองจะฝึกได้ ฟังเพื่อนที่ไปฝึกวัดท่าซุงเล่าว่า ได้ไปเที่ยวสวรรค์ พรหม นิพพาน ก็รู้สึกทึ่งมาก แต่ก็เชื่อและไม่คิดว่าตนเองจะฝึกได้ คิดว่าเขาคงมีบุญเก่ามามากกว่าข้าพเจ้า ได้นั่งสมาธิหลายรูปแบบตลอดเวลา 6 ปี แต่ในที่สุด ข้าพเจ้าก็ฝึกมโนมยิทธิได้สำเร็จ ครูฝึกนำไปที่พระจุฬามณี ทีแรกไม่เห็นแต่ไปๆมาๆก็เห็น ทีนี้เห็นไปเรื่อยๆ ถึงพระนิพพาน ได้กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว แม้จะเห็นเพียงเลือนรางไม่ชัดเจนแต่ก็เห็น ไม่ว่าครูฝึกจะถามสิ่งใดข้าพเจ้าก็จะเห็นเป็นส่วนใหญ่ ฝึกแล้วก็เกิดปิติว่าตนเองพบทางที่ถูกแล้ว จะพยายามฝึกต่อไป เกิดความรู้สึกเคารพศรัทธาหลวงพ่อจับใจ ที่เมตตาสอนวิชานี้ จะทำให้พุทธบริษัททั้งหลายคลายความสงสัย มีกำลังใจมุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์

และชอบใส่บาตรวิระทะโยที่หลวงพ่อมอบให้ไว้เก็บสะสม เพื่อถวายสังฆทานและทำบุญต่างๆ ที่วัดท่าซุงให้จริญยิ่งๆขึ้นไป เป็นรากฐานของพระพุทธศาสนา ทำบุญกับหลวงพ่อแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ

ณัฐนาถ เหมือนสุวรรณ




วัดท่าซุงเป็นวัดที่ข้าพเจ้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีอยู่ในโลกนี้ได้ ทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมในบารมีของหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ครั้นเมื่อฝึกมโนมยิทธิแล้วก็ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้และได้พบในสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง และได้พบคำตอบที่เคยสงสัยด้วยตนเอง พระคุณของหลวงพ่อมีมากมายนัก ที่นำมโนมยิทธิมาสอนเราเพื่อตัดตัวสงสัย และพระนิพพานก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่สูงสุดเอื้อมอีกต่อไป ปัจจุบันข้าพเจ้าก็ปฏิบัติอยู่เป็นปกติ ทำให้มีสติมีความจำดีขึ้นและยังสามารถเข้าใจวิชาความรู้ต่างๆได้ดีกว่าเดิม ขอกราบระลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อที่เมตตาสั่งสอนให้เข้าใจในธรรมะของพระพุทธองค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำสอนต่อไป

ธารารัตน์ เจริญสนธิชัย




ก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะไปวัดข้าพเจ้าคิดว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นสุขที่สุดแล้ว มีสิ่งบันเทิงใจมากมาย มีอะไรหลายๆอย่างที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นความสุข แต่เมื่อได้ไปวัดแล้วข้าพเจ้ารู้สึกไม่ใช่ ความสุขเหล่านั้นไม่ได้จีรังยั่งยืนเลย ข้าพเจ้าได้รู้ว่ามนุษย์นั้นอยู่ในวัฏสงสารจริง และมนุษย์ผู้โง่เขลาเขลาเบาปัญญาซึ่งมีมากมายนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นออกมาจากวัฏสงสารนี้ได้เลย พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีปัญญาเหนือมนุษย์จึงสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ได้ และทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือสัตว์โลกให้หลุดพ้นบ้าง หลวงพ่อเป็นผู้หนึ่งที่หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงแล้ว มีเมตตาช่วยให้มนุษย์อีกหลายหลากหลุดพ้น ข้าพเจ้าเป็นบุคคลหนึ่งที่โชคดีได้มาพบกับหลวงพ่อ

วันแรกที่ข้าพเจ้าเดินทางมาที่วัดท่าซุง ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในวัด ข้าพเจ้ารู้สึกร่มเย็น อบอุ่นและเป็นสุข ตอนแรกที่ข้าพเจ้านั่งสมาธิ ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดบ้างเล็กน้อย แต่พอสักพัก ความสบายใจ เบาใจ ก็เริ่มเข้ามาในจิตใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเหมือนกับว่าข้าพเจ้าได้อยู่บนสวรรค์จริงๆ ตัวข้าพเจ้าเบาเหมือนกับว่าข้าพเจ้าไม่มีร่างกายนี้ หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ ข้าพเจ้าไม่ต้องแบกร่างกายนี้ไว้ ข้าพเจ้าเป็นสุขมาก เป็นสุขที่ไม่เหมือนกับความสุขบนโลกมนุษย์ เขาเรียกว่าความสุขทาง ผู้ที่ฝึกสมาธิเองเท่านั้นที่จะรู้สึกได้

ก่อนหน้านี้ ทางพิสูจน์พระนิพพานว่ามีจริงหรือไม่นั้นเป็นเรื่องยาก แต่หลวงพ่อกับมีวิธีที่ง่ายที่ใครก็สามารถพิสูจน์ได้ ทำให้มนุษย์จำนวนมากสามารถปฏิบัติให้เข้าถึงพระนิพพานได้ หลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ ไม่ต้องเกิดอีก

ข้าพเจ้าดีใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่ง หลวงพ่อทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจธรรมะ นรก สวรรค์ ดีขึ้นและถูกต้อง ช่วยให้ข้าพเจ้าไม่โง่เขลาติดอยู่ในความสุขที่งมงายในโลกมนุษย์ ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้จักทำความดี ละเว้นความชั่ว และการทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ทำให้ข้าพเจ้าได้เป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัวคนหนึ่ง

วารุณี แซ่นิ้ม




“วัดท่าซุง” สถานที่ที่ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด เพราะเป็นสถานที่ที่ ข้าพเจ้าได้ฝึกมโนมยิทธิ และเข้าถึงพระธรรมได้ดีกว่าแต่ก่อนมากจนเหมือนกับหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่ข้าพเจ้าเคยรู้สึกเหมือนเป็นคนไม่มีค่าก็กลายเป็นคนที่มีค่ามากขึ้น ไม่เป็นทุกข์อีก หลวงพ่อเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีศรัทธาต่อท่านมาก ท่านได้ชี้แนะแนวทางการเข้าถึงธรรม และการฝึกมโนมยิทธิให้กับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ โรงเรียนสตรีวิทยา ทำให้ดูว่าไม่ยากเลย ทางที่ท่านได้ชี้แนะแนวให้เหมือนแสงทองแห่งรัศมีของพระพุทธเจ้า ที่ส่องสว่างจนข้าพเจ้าสามารถเดินตามรอยทางนั้นได้ และนั้นคือ หนทางสู่พระนิพพานที่ข้าพเจ้าปรารถนาเป็นที่สุด

อันธิกา กิตติชาติเชาวฤทธิ์




ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหนึ่ง ที่ต้องการช่วยเหลือสัตว์โลกทางใจให้หลุดพ้นจากความร้อนและสิ่งสมมุติจอมปลอมในโลก อันประกอบไปด้วยอนิจจัง ความไม่เที่ยงเป็นธรรมดาโลก ทุกขัง ความทุกข์เป็นธรรมดาโลก และอนัตตา ความไม่มีตัวตนเป็นธรรมดาโลก ชีวิตคนเราสั้นเพียงไม่กี่ปี ได้พบได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกนานัปการ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความเห็นแก่ตัวและความใฝ่ต่ำของจิตมนุษย์ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยรากกิเลส 3 กลุ่ม คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันนำไปสู่การกระทำที่ไร้สาระและแก่นสาร เหตุใดเราจึงไม่มาร่วมใจกันบำเพ็ญกุศล เพื่อสร้างชีวิตให้มีความหมาย สร้างจิตใจให้มีความสงบ ประสบแต่ความสุขที่เป็นสุขอันแท้จริง หลุดพ้นจากบ่วงกิเลส และพบทางสว่างที่จะนำจิตเราให้เข้าสู่พระนิพพาน

“วัดท่าซุง” เป็นสถานบำเพ็ญกุศลที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ซึ่งนอกจากพุทธบริษัทจะได้บำเพ็ญกุศลอันแสดงถึงศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาแล้ว พุทธบริษัทยังได้พบกับความสุขสงบและสบายใจอย่างน่าประหลาด ได้มีโอกาสฟังธรรมที่สำคัญและประเสริฐจากสาวกของพระพุทธองค์ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและยึดมั่นอยู่ในศีลในธรรม สิ่งหนึ่งที่พุทธบริษัทประทับใจเป็นอย่างมากก็คือ การฝึกมโนมยิทธิ ณ พระมหาวิหารแก้ว 100 เมตร สามารถท่องเที่ยวไปในภพภูมิ พิสูจน์ได้ว่า นรก สวรรค์ พรหม นิพพานมีจริง และสถานที่ต่างๆ ในจักรวาล ที่เราอยากไปและอยู่นอกเหนือความคาดหมาย และนี่คือความทรงจำอันประทับใจยิ่งจากวัดท่าซุง ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นอย่างยิ่ง

กุหลาบ แซ่เตียว




ลูกกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ทำให้ลูกปฏิบัติกรรมฐานแล้วประทับใจ ได้ตัดความสงสัยในเรื่องต่างๆ ซึ่งอยากทราบมานานแล้ว และผลแห่งการปฏิบัติทำให้ลูกได้พบว่า นรก สวรรค์ พรหม และพระนิพพานมีจริง ได้เห็นสภาพว่าเป็นอย่างไร ตลอดจนเห็นสภาพการเกิดของตนเอง ในหลายๆชาติของภพต่างๆ ทำให้เกิดความเบื่อที่จะเกิดอีก ลูกคิดว่าชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้ายของการเกิด มีความมั่นใจและตัดสินใจว่าจะไปนิพพานในชาตินี้ และจะสร้างความดี ยึดมั่นในศีล ปฏิบัติตามคำสอนที่หลวงพ่อได้สอนทุกอย่างอย่างมั่นใจ

สุปานี นิมิตรนิวัฒน์




ข้าพเจ้ามีโอกาสดีได้ไปฝึกมโนมยิทธิกับคณะนักเรียนที่วัดท่าซุง ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกตา ประทับใจต่อสิ่งก่อสร้างของวัด เช่น พระมหาวิหาร 100 เมตร มณฑปแก้ว และอาคารอื่นๆ ที่ประดับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ ทั้งภายในภายนอก ยามสะท้อนแสงดูหรูหราวิจิตรบรรจง เชื่อว่าต่อไปจะเป็นมรดกแห่งยุคสมัย ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมอบไว้แก่ลูกหลาน

แต่การฝึกมโนมยิทธิให้ความประทับใจที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า เป็นวิธีการฝึกจิตที่ทำให้มองเห็นตนเองได้ชัดขึ้น ทำให้มีกำลังใจ เพิ่มความมั่นใจในการทำความดีต่อไป ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นสุขสงบปลอดภัย และใช้เวลาอย่างมีค่าตลอดเวลาที่อยู่วัด ในการปฏิบัติธรรม สนทนาธรรม สวดมนต์ ทำวัตร ใส่บาตร และทำความสะอาดวัดด้วยความอิ่มเอมยิ่ง

พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมีเมตตายิ่งนัก และพระภิกษุในวัด ครูฝึก ก็มีจริยาวัตรอันงดงาม เป็นแบบอย่างแก่ผู้เข้าถึงธรรมได้ดียิ่ง

สามวันที่วัดท่าซุง จึงมีความสำคัญต่อชีวิต

บุษบา ตระกูลสัจจาวัตร




ลูกขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่สอนให้ลูกเข้าใจชัดแจ้งในธรรมมีจิตรักและหวังพระนิพพานเป็นที่สุด ลูกจะมุ่งกระทำแต่ความดีเท่าที่ปัญญาจะพึงมีตลอดไปเจ้าค่ะ

อรพินท์ วิทยวิโรจน์



◄ll กลับสู่ด้านบน