Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 30/9/12 at 17:33 [ QUOTE ]

"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 2 (ตอนที่ 5)





ลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒

จัดพิมพ์โดย..คุณ มาลิดา ปานทวีเดช และคุณทวีทรัพย์ ศรีขวัญ

( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานเว็บวัดท่าซุง" )


สารบัญ

83.
จ.ส.ต.อุทัย รัตนเณร
84. ชยาณา มาพ่วง
85. บุปผาพร ญาณโสภณ,พรทิพย์ เมฆประมวล
86. ลักขณา บำรุงชูเกียรติ
87. ลำใย หินเหล็ก
88. น.พ.วัฒนะ ฐิตะดิลก และธิดา
89. วิไล นิธิวาณิชย์
90. โสภิต อุณหะนันทน์
91. อัปสร ตะโคตร
92. ศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา นุตาลัย



83

เมตตากรุณาของหลวงพ่อ


จ.ส.ต.อุทัย รัตนเณร


กระผม จ.ส.ต.อุทัย รัตนเณร รับราชการตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยา กระผมได้รู้จักชื่อหลวงพ่อครั้งแรก ในขณะที่ผมรับราชการอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑ โดย ด.ต.สนั่น จำนามสกุลไม่ได้ ซึ่งทำงานอยู่ด้วยกันได้นำหนังสือนิทานเขียนโดย “ฤาษีลิงดำ” มาให้อ่าน และได้พากระผมไปฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกกับครูฝึก

บ้านอยู่แถวบุคคโลใกล้ๆ กับสะพานกรุงเทพฯ ขออภัยท่านที่จำชื่อท่านไม่ได้ การฝึกของกระผมเวลานั้นทำให้ผมได้พบพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ได้รู้จักพระจุฬามณี ได้พบวิมานของตนเองอยู่ในเขตดาวดึงส์เทวโลก และเมื่อกลับมาบ้านแล้วก็ไม่ได้ปฏิบัติอีกเลย จนกระทั่งผมได้ย้ายมารับราชการอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระผมได้ไปกราบนมัสการองค์หลวงพ่อครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ ที่บ้านซอยสายลมและได้ฝึกมโนมยิทธิอีกครั้ง และครั้งนี้ได้ผลเกินกว่าที่ผมคาดหวังไว้

กระผมเป็นคนชอบดื่มสุรา และดื่มจัดมาก เมื่อผมกลับมาบ้านสิ่งที่กระผมทำอันดับแรก นำเอาพระพุทธรูปบูชา เป็นพระแก้วมรกต มาทำความสะอาด ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยสนใจปล่อยให้ใยแมงมุมเกาะจนดำไปหมด จัดการตั้งโต๊ะบูชา ก่อนนอนผมจะสวดมนต์ไหว้พระและทำสมาธิตามที่หลวงพ่อสั่งสอน ผมให้สัจจะต่อหลวงพ่อปานและหลวงพ่อว่า “ลูกจะเลิกดื่มเหล้าตลอดชีวิต”

ต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ กระผมได้ดื่มเหล้ากับเพื่อนอีกครั้ง ในขณะที่เมาเหล้ากระผมได้ขับรถจักรยานยนต์และเกิดอุบัติเหตุรถตกไปในบ่อน้ำ ขณะนั้นเหมือนกับมีใครจับผมโยนข้ามบ่อน้ำตกไปยังอีกฟาก ผมไม่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ก่อนรถจะเกิดอุบัติเหตุ ผมนึกถึงบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและบารมีของหลวงพ่อ ผมคิดว่าการที่ผมรอดพ้นจากการได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะบารมีขององค์สมเด็จท่าน และบารมีของหลวงพ่อช่วยไว้

ต่อจากวันนั้นแล้วผมลุกไม่ไหว เนื่องจากดื่มเหล้าอยู่ ๓ วัน ในขณะนอนก่อนหลับจับอานาปานัสสติกำหนดลมหายใจเข้านึก นะมะ หายใจออกนึก พะธะ ผมฝันเห็นเจดีย์เก่าทรงระฆังคว่ำ มีคนไล่จะฆ่าผมและผมก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ใด กระผมวิ่งหนีโดยวิ่งรอบเจดีย์เหนื่อยมากจะหนีไม่พ้นอยู่แล้ว กระผมคิดว่าเราเคยเจริญพระกรรมฐานถ้าแม้นจะตายวันนี้ก็ช่าง และคิดถึงบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นึกถึงบารมีขององค์หลวงพ่อ

ผมได้เห็นหลวงพ่อเป็นพระสงฆ์ถือไม้เท้ายืนอยู่ในท่าสำรวมลอยอยู่ในอากาศเสมอระดับคอระฆังของเจดีย์ กระผมคิดว่าไม่กลัวแล้วหลวงพ่อมาช่วยแล้ว เขาทำอะไรเราไม่ได้แล้ว และคิดต่อไปว่าถ้าเขาวิ่งดักหน้าเขาต้องจับเราได้แน่ นึกเพียงเท่านี้ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดว่า “คนถิ่นแถวนี้ เขามีสัจจะไม่เหมือนคนบางคนไม่มีสัจจะ” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมากระผมไม่ดื่มเหล้าอีกเลย

ทำให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆ แปลกใจกันทุกคน และถามผมว่าผมเลิกดื่มเหล้าได้อย่างไร ผมตอบเขาว่าถ้าใครอยากเลิกดื่มเหล้า ผมจะพาไป และหลังจากนั้นกระผมได้พบกับหลวงพ่ออีกครั้ง โดยพบท่านในความฝันพบว่าท่านเดินทางมาที่วัดใกล้บ้าน และมีประชาชนเข้าไปนมัสการท่านเป็นจำนวนมาก ผมคิดว่ารอให้คนกลับหมดแล้วจะให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ และเมื่อประชาชนกลับหมดแล้ว

หลวงพ่อได้เรียกผมเข้าไปและท่านบอกว่า “เอ้าเข้ามาจะเป่าหัวไม่ใช่เหรอ” เมื่อท่านเป่าหัวให้ผมแล้วท่านบอกผมว่าไปโบสถ์ฟังพระสวดปาฏิโมกข์ด้วยกัน และท่านให้กระผมนั่งคอยที่บันไดโบสถ์ส่วนท่านเข้าไปในโบสถ์ เมื่อพระสวดเสร็จท่านพาผมกลับ เดี๋ยวนี้กระผมไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิทุกวัน ผมจะไปไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ท่านปู่ ท่านย่า หลวงพ่อปาน หลวงพ่อ ท่านพ่อ ท่านแม่ และพระจุฬามณี และไปบ้านของกระผม

เดี๋ยวนี้บ้านของกระผมไม่ได้อยู่ที่ดาวดึงส์เทวโลกแล้ว กระผมได้ย้ายบ้านไปอยู่ตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าองค์ปฐมแล้ว ด้วยความเมตตาปรานีของท่านผู้มีคุณทุกท่าน โดยเฉพาะหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านมีความเมตตากรุณาต่อกระผมหาที่สุดมิได้สุดที่กระผมจะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ ถ้าข้อเขียนของลูกได้ล่วงเกินต่อท่านผู้มีคุณและองค์หลวงพ่อด้วยประการใดๆ ก็ตาม ลูกขอกราบขอขมาต่อท่าน ต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานซึ่งเป็นที่เคารพรักของลูกอย่างสูงสุดไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ll กลับสู่สารบัญ


84

รำลึกคุณพระรัตนตรัย


ชยาณา มาพ่วง


ขอประณตน้อมหัตถ์ศิโรราบ
บังคมกราบพระรัตน์ตรัยด้วยใจมั่น
เป็นที่พึ่งที่เชื่อเหนือชีวัน
มิมีอันใดเปรียบเทียบได้เลย
พระพุทธองค์ทรงคุณวิสุทธิ์ล้ำ
พระทรงธรรมแผ่เมตตาสุดเฉลย
พระกรุณาธิคุณสุดเปรียบเปรย
สุดจะเอ่ยวจีใดให้สมจินต์


พระธรรมขององค์พระตถาคต
ทรงกำหนดบรรลุได้ดั่งถวิล
หากผู้ใดปฏิบัติตัดราคิน
กิเลสสิ้นตามคำสอนทุกประการ
พระสงฆ์ทรงเมตตามาสอนพร่ำ
เฝ้าแนะนำธรรมะทุกสถาน
เพื่อชี้ทางพ้นทุกข์สุขสราญ
ทางนิพพานขององค์พระศาสดา


อันชีวิตฉันนี้มีบุญแท้
ได้พึ่งแต่พระไตรรัตน์ครบองค์สาม
ได้ทำบุญสร้างพระสร้างอาราม
เขตนิคามพุทธศาสน์เป็นอาจินต์
เริ่มชีวิตตอนต้นนั้นทุกข์ยาก
แสนลำบากแสนเศร้าเฝ้าถวิล
ว่าพระเจ้าไม่ปรานีมิยลยิน
ฉันนี้สิ้นบุญแล้วหรืออย่างไร

ต่อเมื่อได้มาพบหลวงพ่อแล้ว
ภัยพิบัติคลาดแคล้วลงไปได้
เพราะพระธรรมท่านสอนทุกอย่างไป
ปฏิบัติตามไซร้ไม่รั้งรอ

คิดคำนึงถึงพระคุณของหลวงพ่อ
น้ำตาคลอปลื้มปิติทุกคราหนอ
สารพัดเมตตาเราเฝ้าพะนอ
ราวกับพ่อรักลูกเสมอกัน
ยามลูกรักมีทุกข์กิเลสเศร้า
พ่อก็เฝ้าประโลมใจให้สุขสันต์
ให้กำลังใจต่อลูกให้ผูกพัน
พุทธานุสสติมั่นลูกสบาย


ยามกิเลสเฟื่องไกลไร้สติ
พ่อสอนทำสมาธิให้มาหลาย
สอนมโนมยิทธิสิจึงคลาย
เลิกเมามายกิเลสหายในกมล
สอนว่าเกิดแล้วตายไม่ประมาท
ความตายอาจเอื้อมถึงทุกแห่งหน
หมั่นเร่งรีบทำความดีเพื่อตัวตน
จะได้พ้นวัฏฏะละหลีกภัย


พ่อสอนให้ทุกอย่างทางสวรรค์
จนถึงขั้นพรหมนิพพานไม่สงสัย
สอนฝึกจิตได้เฝ้ากราบสมเด็จฯ ใน
แดนนิพพานนั้นไซร้ทุกเวลา
เกรงลูกหลานมีเคราะห์เพราะกรรมเก่า
ช่วยบรรเทาช่วยขจัดพิบัติหนา
เสดาะเคราะห์ครอบเกราะเพชรให้หลายครา
ด้วยพุทธานุภาพป้องคุ้มผองภัย

ยามลูกหลานป่วยไข้ทุกข์สังขาร
เสาะหายาหลายขนานมาไว้ให้
บรรเทาทุกข์เวทนาทุกอย่างไป
เพื่อรักษาสังขารไว้ทำความดี
สอนให้เดินแนวทางโสดาบัน
ให้นึกมั่นถึงความตายทุกวันวี่
กรรมบถทั้งสิบนัยทำให้ดี
ตรีรัตน์มีเป็นที่พึ่งมั่นสุดใจ

ปรารถนามุ่งไว้ให้แน่นจิต
พระนิพพานมั่นสถิตอารมณ์ใส
ไม่เหหันผันแปรเป็นอื่นใด
ชำระใจให้สะอาดปราศราคิน
ติดกิเลสเป็นสมุจเฉทแล้ว
จิตผ่องแผ้วประภัสสรดังถวิล
จะเข้าสู่พระนิพพานได้สมจินต์
ทำลายสิ้นวัฏฏะเลิกละไป


อันชีวิตบั้นปลายของข้าฯเจ้า
ทุกข์บรรเทาจิตชื่นแช่มแสนแจ่มใส
พ่อเมตตาชี้ทางให้ครรไล
ตามพระธรรมสอนไว้ทุกประการ
ด้วยรำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า
อีกพระพ่อผู้เฝ้าสอนสั่ง
ลูกสืบทอดแจงธรรมตามกำลัง
จวบสังขารแก่ชราขอลาไป

แสนสงสารหลวงพ่อต้องเจ็บป่วย
หาหยุดช่วยลูกหลานอย่างใดไม่
เพราะเมตตากรุณาเป็นจิตใจ
พ่อหวังให้ลูกพ้นทุกข์สุขจริงจริง
ข้าฯ น้อมเกล้าขอพรพระพ่อใหญ่
องค์สมเด็จพระจอมไตรถ้วนหน้า
ขอบารมีพุทธองค์คุ้มกายา
ปกป้องหลวงพ่อข้าฯ พ้นทุกข์ภัย

ขอพระเกียรติยศยงอยู่คู่หล้า
พระเกียรติศักดิ์ฦาชาทั้งโลกสาม
พระเกียรติคุณขจรไกลไปทุกคาม
พาลูกข้ามวัฏฏะภัยได้ทุกคน
หากข้าฯ น้อยหมดอายุขัยสังขาร
ขอให้จิตจับนิพพานเป็นกุศล
อย่าได้เจ็บป่วยกายมีกังวล
อย่าหลงตนวุ่นวายให้ตายดี


ขอองค์พระพุทธพระธรรมอริยสงฆ์
ประคองจิตข้าตรงธรรมวิถี
เมื่อข้าฯ น้อยสิ้นใจวายชีวี
ขอจิตนี้เข้านิพพานสราญเทอญ

ll กลับสู่สารบัญ


85

กราบหลวงพ่อ


บุปผาพร ญาณโสภณ

พรทิพย์ เมฆประมวล


ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อได้กรุณาชี้ทางให้เป็นกำลังใจในการดำรงชีวิต และการทำงานของลูกมาโดยตลอด หลวงพ่อเปรียบประดุจดวงประทีปให้ความกระจ่างทางปัญญาทุกครั้งที่น้อมจิตระลึกถึง ลูกจึงขอกราบหลวงพ่อด้วยความเคารพสูงสุด และขอยึดหลวงพ่อเป็นที่พึ่งทางปัญญาไปจนถึงที่สุดในชาติปัจจุบัน

กราบหลวงพ่อ...
ขอน้อมพระธรรมนำจิต ให้คิดหนีภัยสังสาร
กายวจีใจชอบกอปรการ เพื่อพระนิพพานตลอดไป


ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 6/10/12 at 14:01 [ QUOTE ]


86

หลวงพ่อของลูก


ลักขณา บำรุงชูเกียรติ


ครั้งแรกที่ดิฉัน และพี่สาวได้อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ทำให้เกิดความเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อ และอยากจะพบองค์จริงเหลือเกิน ด้วยบุญวาสนา ทำให้มีผู้ชักนำพามากราบหลวงพ่อที่ซอยสายลมสมความปรารถนา เมื่อได้ฟังท่านคุยกับลูกหลานอย่างเป็นกันเองและสอนธรรมะด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ยิ่งทำให้เกิดความเคารพรักในองค์หลวงพ่ออย่างมาก นับแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ทุกต้นเดือนที่หลวงพ่อมาที่ซอยสายลม เราสองคนก็จะมาทำบุญกับท่านเสมอ

หลวงพ่อรู้วาระจิต
ในคราวหนึ่ง ระหว่างทางที่จะมาทำบุญกับหลวงพ่อที่สายลม ดิฉันขัดใจกับพี่และรู้สึกโกรธมาก เมื่อมาถึงที่บ้านสายลมจึงรีบเข้าไปเพื่อจะหาที่นั่ง ขณะนั้นเองหลวงพ่อได้พูดขึ้นว่า “มาถึงที่นี่แล้วเรื่องที่โกรธกันก็ให้มันแล้วกันไป มาที่นี่มาทำบุญก็ต้องทำใจให้เป็นบุญนะ”


ดิฉันรู้สึกตกใจรีบเงยหน้าขึ้นมองท่านก็เห็นท่านกำลังมองมาที่ดิฉัน ท่านรู้วาระจิตของดิฉันช่างอัศจรรย์เหลือเกิน ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเอง รู้สึกอายท่านมากที่ตัวเองมีความเลวอยู่มาก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นในองค์หลวงพ่อยิ่งขึ้น และทำให้ต้องคอยระวังจิตใจของตนเองเวลามาทำบุญกับท่านทุกครั้ง

หลวงพ่อเมตตา
ดิฉันและพี่ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดท่าซุง เมื่อเข้าที่พักที่มีห้องน้ำในห้องด้วย ทำให้สะดวกมาก พวกเรารีบอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อจะไปหาหลวงพ่อได้เร็วและจองที่นั่งใกล้ท่านมากๆ พอออกจากห้องพักก็ได้ยินหลายคนพูดว่าหลวงพ่อมาตรวจห้องพัก เราดีใจมากรีบนั่งกันเป็นแถวสองฟากเพื่อให้หลวงพ่อเดินผ่านตรงกลางแล้วก็มีเสียงเซ็งแซ่ว่า “หลวงพ่อมาแล้วๆๆ” ท่านมาแล้วจริงๆ

เสียงท่านทักทายลูกหลานถามเรื่องที่พักสะดวกไหมและได้ใช้ไม้เท้าเคาะหัวลูกๆ ที่อยู่ในแถวตรงข้ามที่เรานั่งอยู่เรื่อยมาและกำลังจะเลยผ่านไป ดิฉันอยากให้ท่านเคาะหัวเราบ้างเพื่อเป็นศิริมงคล อดใจไม่อยู่จึงร้องออกไปว่า “หลวงพ่อขา ทางนี้ยังไม่ได้เคาะหัวเลยเจ้าค่ะ” ท่านหันมายิ้มให้ “นึกว่าจะไม่เคาะแล้วนา” แล้วท่านก็เมตตาเคาะหัวลูกๆ

จนทั่วพร้อมทั้งพูดเล่นว่า “เจ็บไหมล่ะ” พวกเรารู้สึกว่าท่านช่างเมตตากับลูกๆ เหลือเกิน ดิฉันเองก็ปลื้มใจมากแต่รู้สึกผิดเมื่อมาคิดว่า ท่านคงจะเมื่อยมือแล้วเราไม่น่าทรมานท่านเลย ลูกต้องกราบขออภัยหลวงพ่อในสิ่งที่ล่วงเกินต่อท่านทุกเรื่องไว้ที่นี้ด้วย โปรดเมตตายกโทษให้ลูกด้วยเจ้าค่ะ

หลวงพ่อให้ลาภ
ดิฉันและพี่ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดท่าซุงบ่อยๆ และทุกครั้งจะหาโอกาสนำปัจจัยใส่ย่ามหลวงพ่อเสมอ ในครั้งหนึ่งลูกหลานกำลังรุมกันใส่ปัจจัยในย่ามของท่านรวมทั้งดิฉันด้วย ขณะที่ดิฉันนำปัจจัยใส่ย่ามท่าน ท่านหันมายิ้มให้และสบตาพร้อมทั้งพูดว่า “มีแก้วอยู่ใบหนึ่งอยู่ดีๆ มันก็แตก”

ท่านพูดซ้ำๆ ๒ – ๓ ครั้งแล้วก็พยักหน้ายิ้มกับดิฉันแล้วจึงเดินเลยไป ดิฉันสงสัยมาก เอ๊ะ หลวงพ่อพูดอะไร ไม่เข้าใจ เมื่อกลับมาบ้านคุยกับพี่น้องคิดว่าท่านต้องบอกใบ้อะไรแน่ๆ เลยลองตีเป็นเลขหวยทั้งที่ไม่เคยรู้เรื่องหรือใส่ใจมาก่อนเลย ก่อนวันประกาศผลออกสลากมีคนมาชวนเล่นหวย ดิฉันนึกถึงคำของหลวงพ่อขึ้นมาจึงลองเล่นดู วันรุ่งขึ้นปรากฏว่าดิฉันถูกหวยจริงๆ

ในใจคิดว่าหลวงพ่อให้ลาภ ท่านคงรู้ว่าดิฉันมีโชคจึงบอกใบ้ให้รู้ เงินส่วนหนึ่งดิฉันนำไปทำบุญกับท่านและเรียนท่านว่า “หนูถูกหวยค่ะ” เลยนำมาทำบุญ ท่านรับปัจจัยพร้อมทั้งถามว่า “ถูกเลขอะไรล่ะ” “หนึ่งศูนย์เจ้าค่ะ” ท่านหัวเราะ พวกเราที่นั่งอยู่พลอยหัวเราะไปกับท่านด้วยความสุขใจ

ปัจฉิมลิขิต
นับตั้งแต่ดิฉันได้เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ดิฉันรู้สึกเคารพและรักท่านมาก และเมื่อฝึกมโนมยิทธิได้ทำให้ทราบว่าเคยเป็นลูกท่านมาก่อนในอดีตชาติ ยิ่งทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมถึงมีความรู้สึกผูกพันกับท่านมาก และอยากอยู่ใกล้ท่านเมื่อมีโอกาส หรืออย่างน้อยได้อ่านหรือฟังธรรมะจากท่าน (เทป)

ก็รู้สึกมีความสุขใจ ดิฉันจะพยายามปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ และตั้งใจจะไปพระนิพพานให้ได้ในชาติปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นการกตัญญูกตเวทิตาต่อหลวงพ่อที่ได้สลเวลา และต้องอดทนต่อความเจ็บป่วยเพื่อนำธรรมะมาสอนแก่ลูกๆ ที่สายลมทุกเดือน

ลูกขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด โปรดดลบันดาลให้หลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรง และหายจากโรคภัยทั้งปวงด้วยเทอญ.

ll กลับสู่สารบัญ


87

ดวงประทีปแก้วของลูก


ลำใย หินเหล็ก


ลูกขอกราบขอขมา ถ้าหากลูกเคยคิดประมาทพลาดพลั้งได้กระทำผิดไว้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยวาจาก็ดี อันจะเป็นบาปและเป็นกรรมทำให้เกิดทุกข์เวทนาลำบากไปในภายภาคหน้า บาปใด กรรมใดที่ลูกเคยได้สร้างเคยได้กระทำมาตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่มีจิตเจตนาหรือที่ไม่มีจิตเจตนา ลูกขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้โปรดอดโทษและอโหสิกรรมให้ลูกนับตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิดเจ้าค่ะ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อเปรียบเสมือนดวงประทีปแก้วของข้าพเจ้า บุญคุณของท่านมากล้นสุดรำพัน พระคุณหลวงพ่อเป็นผู้ถึงพร้อมด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา อิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ของท่านเป็นหนึ่งสำหรับข้าพเจ้า หลวงพ่อท่านเป็นผู้เก่งในสามโลก เป็นเนื้อนาบุญของข้าพเจ้า ท่านเป็นผู้นำทางข้าพเจ้าออกเสียซึ่งความมืด พระธรรมคำสั่งสอนของท่าน ฟังง่ายเข้าใจเร็ว นำเอาไปปฏิบัติแล้วได้ผลเกินคาด

ความรัก ความเมตตาของท่านที่มีให้กับลูกหลานทุกคนนั้น เป็นความรักที่บริสุทธิ์แท้สมควรแก่การกราบไหว้สักการะบูชาอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้นำพาไปสู่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ คราวใดที่ลูกหลานเกิดทุกขเวทนาขึ้นมาทางจิต คิดไม่ตกในปัญหาต่างๆ ไปกราบเรียนถามท่าน ได้รับความส่างกลับมาอิ่มเอมเปรมใจมีความสุขคลายทุกข์ทั้งปวง ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะบุญบารมีของท่านโดยแท้ เรื่องเล่ามีมากมายหลายเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นอภินิหารของท่านทั้งนั้น แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถจะเล่าให้จบลงได้

ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน สวดมนต์ไหว้พระบูชาคุณพระรัตนตรัยทุกเช้าค่ำ เพื่อวิงวอนขอพรจากคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลอภิบาลรักษาให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน มีแต่ความสุขคลายทุกข์เทวนาทั้งปวง มีอายุมั่นยืนยาว อยู่เป็นร่มโพธิ์แก้วของลูกหลานเพื่อกราบไหว้สักการะบูชา เป็นผู้นำพาลูกหลานไปสู่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ เป็นที่สุดคือ เมืองแก้วพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ.

ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 14/10/12 at 18:07 [ QUOTE ]


88

อริยสังฆคุณ


น.พ.วัฒนะ ฐิตะดิลก และธิดา


ขออัญเชิญ บารมี ศรีไตรรัตน์
โปรดมาจัด คำกวี ลูกนี้หนา
ใครได้อ่าน ลิขิตนี้ มีปัญญา
แจ้งใจว่า พ่อนี้เลิศ ประเสริฐจริง


ลูกชายหญิงมากหลาย ยังไม่รู้
พ่อต้องสู้ ทรมาน์ ขันธ์ห้ายิ่ง
ทนให้หมอ อัดฉีดยา ทุกคราจริง
ไม่ยอมทิ้ง พร่ำเฉลย เผยพระธรรม

เพื่อจะนำ หลานลูก ถูกเป้าหมาย
หนีอบาย ภูมิให้ ไปสวรรค์
หวังสูงสุด ให้หลุดพ้น ชั่วนิรันดร์
ใช่เพ้อฝัน สรรแต่จริง สิ่งไพบูลย์

พ่อสอนดี เข้าใจง่าย แนวหลายหลาก
สำคัญมาก นิพพานนี้ ไม่มีสูญ
สร้างทั้งทาน ศีล ปัญญา พาพอกพูน
เจิดจำรูญ อริยมรรค หลักนิพพาน

แม้สอนดี ก็ยังมี ชนชั่วร้าย
แย้งว่าใช้ สะกดจิต ไร้แก่นสาร
บ้างก็คอย ตามปลิดชีพ ให้วายปราณ
ล้วนทะยาน หานรก อเวจี

แพทย์เรารู้ ซึ้งใน น้ำใจพ่อ
ไม่ย่อท้อ หลบหลีก ปลีกหน้าที่
แม้หมอว่า หัวใจวาย ก็ตามที
พ่อยินดี สงเคราะห์ เพราะเมตตา

ชนใดที่ แคลงใจ สงสัยพ่อ
เชิญลองถ่อ สังขารสู้ ดูเถิดหนา
ให้เหมือนพ่อ ลงรับแขก แจกธรรมา
จับเวลา ไม่กี่น้ำ เลิกหยามพลัน


อันเลิศหล้า บารมี ศรีพุทธะ
กอปรกับพระ เมตตา ปรานีมั่น
พ่อทำได้ ให้เห็น เป็นอัศจรรย์
สอนทุกวัน แจงธรรมะ พระรัตน์ตรัย

ใจพ่อเปี่ยม ปรมัตถะ บารมี
ไม่เสียที แก่อธรรม ทั้งหลายไสร้
ยอมทนทุกข์ ทรมาน สังขารไป
เพื่อชาวไทย ได้เลิกชั่ว มั่วอบาย


ไทยทั้งหลาย ควรจะมี ใจหมายมั่น
ผดุงธรรม์ ที่ถูกต้อง ให้ผ่องใส
เพื่อให้ชาติ ศาสนะ กษัตริย์ไทย
พ้นปวงภัย พิบัติ วัฒนา

สมดังที่ พ่อพระราช พรหมยาน
ได้กอปรการ ผดุงชาติ ศาสนา
ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตา
ตราบจนกว่า นิพพานนี้ ที่สุดเอย


ll กลับสู่สารบัญ


89

พระคุณพระพ่อพ้น รำพัน


วิไล นิธิวาณิชย์


พระคุณพระพ่อพ้น รำพัน
พระพิสุทธิ์ดุจดวงตะวัน ส่องหล้า
เมตตาพระท่วมสวรรค์ สว่างโลก พรหมเฮย
เจิดพระปัญญาจ้า ยิ่งล้านแสงรวี


เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นผลมาจากการฝึกมโนมยิทธิ ผู้ที่ได้ฝึกมโนมยิทธิเป็นผู้โชคดี ใครที่ยังไม่ได้ฝึก อ่านแล้วรีบมาฝึกเสีย เพราะฝึกมโนมยิทธิ ได้ใกล้ชิดกับองค์สมเด็จพระบรมครู พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราสงสัยธรรมอะไรก็รู้คำตอบได้และได้รู้สิ่งต่างๆ อีกมากมาย ข้าพเจ้าฝึกมโนมยิทธิ วันแรกไม่ได้เท่าไร เห็นแต่ทับทรวงขององค์สมเด็จ เห็นคนที่ไปด้วยกัน

เขาได้เห็นอะไรต่างๆ มากมาย ก็ข้องใจว่าทำไมเราไม่ได้ เราน่าจะได้มากกว่า พอวันที่ ๒ ไปอีก ครูฝึกบอกไปฝึกญาณ ๘ องค์หลวงพ่อสั่งมา ถ้าครูฝึกถาม ๓ ครั้งตอบไม่ได้ให้ไล่ออก ข้าพเจ้านึกแล้ว ถ้าฝึกไม่ได้แย่แน่ๆ พอฝึกจริงวันที่ ๒ ได้เห็นองค์หลวงพ่อบนพระนิพพานท่านยิ้มให้ ที่รู้ว่าเป็นพระนิพพาน เพราะครูฝึกบอกใช่ เราตอบถูก วันนั้นเลยได้รู้สิ่งต่างๆ มากมาย

วันที่ข้าพเจ้าประทับใจมากที่สุดก็คือวันที่ข้าพเจ้าไปวัดท่าซุง ไปพบองค์หลวงพ่อที่ตึกรับแขกใหม่ ข้าพเจ้ารู้ว่าหลวงพ่อจะต้องมากราบพระพุทธรูป ข้าพเจ้าจึงไปนั่งตรงใกล้พระพุทธรูป พอหลวงพ่อเดินจะไปกราบพระพุทธรูป ท่านเห็นข้าพเจ้าท่านก็ยิ้มให้ เหมือนรู้จักข้าพเจ้ามานาน ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจมาก

บนพระนิพพานหลวงพ่อสงเคราะห์
วันหนึ่ง ข้าพเจ้าไปนั่งอยู่กลางนาตอนเย็นเงียบ จิตสงบ เห็นพระนิพพานองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมายังวิมานเราหลายพระองค์ สว่างไสว จิตเต็ม จิตดี จิตเบา บรรยายไม่ถูก องค์หลวงพ่อ หลวงปู่ อยู่ที่วิมานเราด้วย หลวงพ่อหยิบถาดของส่งให้ข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าถวายพระพุทธเจ้าด้วยตัวของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าเห็นองค์หลวงพ่อยิ้มอย่างใจดี ซึ่งข้าพเจ้าประทับใจมาก

หลวงพ่อไม่ใช่พระธรรมดา
ที่วัดท่าซุง ตึกกรรมฐาน
หลวงพ่อพาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปซึ่งเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนองค์สมเด็จองค์ปัจจุบัน พระพุทธเจ้าสอนตัดขันธ์ ข้าพเจ้ากลับมาบ้าน องค์สมเด็จท่านยังมาสอบอารมณ์อีก ไม่ผ่านข้าพเจ้ายังโง่อยู่ และข้าพเจ้าอีกคนที่ขอยืนยันว่า วิชามโนมยิทธิ สามารถพบและฟังคำสอนจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ และพระพุทธเจ้าจะอยู่ใกล้ๆ เรา คอยสอนเราด้วย

หลวงพ่อรักลูกทุกคน
ถึงข้าพเจ้าจะไม่ได้ใกล้ชิดองค์หลวงพ่อเหมือน “ยกทรง” (ขออนุญาตยกทรงเปรียบเป็นตัวอย่างด้วยนะ) แต่ข้าพเจ้าก็เคยไปที่วิมานองค์หลวงพ่อ ท่านยังให้ข้าพเจ้าเข้าวิมานท่านหยิบโน่นชมนี่ ได้อยู่ใกล้ชิดกับองค์หลวงพ่อท่าน เป็นพระคุณแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้านึกถึงพระคุณขององค์หลวงพ่อเสมอ

หลวงพ่อท่านละเอียดดูแลสุขทุกข์ของลูก
มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าทั้งบ้านจะไปทำบุญต่างจังหวัด ก็ไปหาองค์หลวงพ่อกับอีกวัดที่นครสวรรค์ ก่อนจะไปมีอยู่คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าเข้านอน แต่ยังไม่หลับ องค์หลวงพ่อไปบอกกับข้าพเจ้าว่าจะมีขโมยเข้าบ้าน ตอนนั้นข้าพเจ้าก็คิดอย่างอวดดีว่า ให้ของหายไปดูซิว่าจะทำจิตได้ไหม

(ตอนนั้น อารมณ์จิตมันเป็นอย่างนั้นนะ หายเข้าจริงคงทำจิตไม่ได้ ทำอวดดี) องค์หลวงพ่อท่านไม่ยอมกลับ เมื่อข้าพเจ้าเห็นท่านไม่กลับ จึงขอให้องค์หลวงพ่อสงเคราะห์ท่านถึงกลับ เมื่อคราวข้าพเจ้าถูกคุณไสยทำอันตรายจะถึงแก่ชีวิต องค์หลวงพ่อต้องช่วย อยู่ช่วยแท้เป็นคืนๆ ข้าพเจ้าทำไม่ดี องค์หลวงพ่อต้องลำบากตามช่วย

หลวงพ่อคือผู้มีพระคุณสูงสุดสำหรับข้าพเจ้า
มีอยู่คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าไหว้พระเสร็จเข้านอน นั่งสมาธิ ยังไม่ถึง ๕ นาที เห็นองค์หลวงพ่อ เป็นเพชรทั้งองค์ ชฎาแหลมมากเป็นเพชร เครื่องประดับเป็นเพชรสวยสดงดงาม ซึ่งข้าพเจ้าติดตาติดใจมาจนทุกวันนี้ สวยมาเป็นเพชรทั้งองค์

ด้วยพระคุณอันหาประมาณมิได้ขององค์หลวงพ่อ ลูกขออาราธนา บารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดช่วยดลบันดาลให้ร่างกายขององค์หลวงพ่อหายป่วย อย่าได้มีเวทนา องค์หลวงพ่อจะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์แก้ว เป็นเนื้อนาบุญให้ผู้ทำบุญเป็นผู้นำทางให้ผู้ปฏิบัติตามให้พ้นภัยในวัฏสงสาร

ll กลับสู่สารบัญ


90

เตโชกสิณ


โสภิต อุณหะนันทน์


ความกตัญญู เป็นยอดของความดี องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกย่อง ผู้มีความกตัญญูอยู่เสมอ

ในโอกาสที่พวกเรา คณะศิษย์จัดพิมพ์หนังสือเพื่อแสดงคุณวิเศษของหลวงพ่อ ที่มีต่อพวกเรา และเป็นเครื่องเจริญศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไปอีกทั้งยังเป็นการแสดงกตัญญูกตเวทีส่วนหนึ่งของพวกเราที่มีต่อองค์ท่าน

ในส่วนตัวของข้าพเจ้าเอง จะขอนำเอาธรรมะส่วนหนึ่งที่องค์หลวงพ่อได้แนะนำให้แก่ข้าพเจ้า คือระหว่างในพรรษา อีก ๗ วันจะออกพรรษานั้น ข้าพเจ้าได้สวดมนต์ เจริญภาวนา นั่งสมาธิ จำไม่ได้ว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ หลังจากแผ่เมตตาแล้วข้าพเจ้าก็นอนไม่หลับ มองที่หิ้งพระแล้วก็นึกถึงคำสั่งสอนของหลวงพ่อ แล้วก็ทอดสายตาลงมาจนถึงคันเทียน ซ้ายขวา ได้สังเกตเห็นแสงเทียน ๒ เล่ม

สีของเปลวเทียนที่แกว่งไปแกว่งมาตามสายลมนั้น สีไม่เท่ากัน สีของเปลวเทียนทางขวามือของข้าพเจ้าออกเป็นสีเหลืองอมส้ม ส่วนทางซ้ายมือของข้าพเจ้านั้น เปลวเทียนสีออกเป็นสีเหลือง ข้าพเจ้าได้มองและพิจารณา เปลวเทียนเล่มทางซ้ายมือของข้าพเจ้ายิ่งมองสีของเปลวเทียนก็ยิ่งเย็นตา ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูว่า ให้มองขึ้นไปเหนือไส้เทียนขึ้นไปประมาณครึ่งนิ้วได้

ข้าพเจ้าก็มองตามเสียงที่กระซิบสั่งมา เพราะข้าพเจ้าเคยได้ยินเสียงกระซิบแบบนี้หลายครั้ง และเป็นไปตามเสียงนั้นทุกที ก็พิจารณาที่เปลวเทียนนั้นว่าแสงเทียนมีประกายยังสว่างไสวถึงปานนี้ แล้วก็นึกถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องมาบนพื้นผิวโลก ในความสว่างไสวแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้นำมาใช้ประโยชน์มากมาย แล้วบารมีของพระพุทธองค์ ยิ่งกว่าแสงพระอาทิตย์นี้หลายร้อยเท่านั้น

มองไปคิดไปด้วยความเพลินในแสงของเปลวเทียน ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง เหนือไส้เทียนนั้นก็ได้ปรากฏเป็นวงกลมเท่าเหรียญบาทใหญ่ เป็นสีเหลืองจัดแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นวงกลมสีเหลืองนวล ต่อไปก็เป็นสีขาว ฉับพลันก็รวมกันเป็นสีเหมือนสีของเพชรที่ถูกไฟส่อง แล้วเป็นประกายขนาดเท่าหัวเข็มหมุดจะใหญ่กว่ากันก็ไม่มากสักเท่าไหร่ เป็นสีเพชรประกายวูบวาบ ได้วิ่งเข้าสู่ลูกตาของข้าพเจ้า

สัญชาตญาณในการระวังภัยที่กลัวอะไรจะเข้ามาทำร้ายลูกตาของเรา ข้าพเจ้าก็ได้หลบสายตา และหลับตา แต่ทว่า สีของเพชรนั้นได้เข้ามากระทบจิตของข้าพเจ้า จำได้แม่นมั่นจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ข้าพเจ้าได้พบหลวงพ่อของเราทันใด และก็ได้ทราบว่าเสียงกระซิบเมื่อสักครู่นั้นคือเสียงของหลวงพ่อนั่นเอง และท่านก็ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้าว่า

“ลืมตาดูเปลวเทียนใหม่ซิลูก แล้วทำให้ได้อย่างเมื่อกี้นี้อีก” ข้าพเจ้าก็ลองทำดูใหม่ แต่ทว่าทำไม่ได้ หลวงพ่อได้เมตตาบอกอีกว่า “เตโชกสิณ เป็นฌานโลกีย์ เสื่อมได้นะลูก ให้น้อมเข้ามาหาตัวลูกซิว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดกับตัวลูก และแม้แต่ใครๆ ก็ตาม สิ่งของทั้งหลายก็ตาม ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไปใช่รึไม่ ให้นำมาใช้ในการตัดกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง

ความไม่พอใจ ทั้งหลายค่อยๆ ระงับไปทีละน้อย จนกระทั่งจิตของลูกวางเฉยต่อสิ่งที่มากระทบได้ ให้รู้ว่ามันเป็นธรรมดา เป็นกฎของกรรมของแต่ละบุคคล ทำไปจนกว่าชีวิตของลูกจะหาไม่ แล้วลูกจะได้เข้าถึงนิพพาน เป็น พระนิพพาน เป็น นิพพานัง ปรมังสุขัง” พอสิ้นเสียงหลวงพ่อ ข้าพเจ้าก็ได้ก้มกราบที่เท้าของท่านโดยความเคารพ หลวงพ่อท่านได้ลูบที่หัวของข้าพเจ้า

แล้วข้าพเจ้าก็ได้แผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมด ให้มาร่วมโมทนาในกุศลที่ข้าพเจ้าได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ ในการสอนเรื่องเตโชกสิณครั้งนี้ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญมาด้วยไตรทวาร ขออุทิศส่วนกุศลนี้ถวายบูชาพระคุณอันหาที่สุดมิได้ของหลวงพ่อ ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีคุณพระตรีรัตนตรัย

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงในสากลโลก โปรดช่วยดลบันดาลให้ร่างกายของหลวงพ่อท่านหายป่วย อย่าได้มีทุกข์เวทนาเพื่อหลวงพ่อท่านจะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์แก้ว เป็นเนื้อนาบุญให้ผู้ทำบุญและเป็นผู้นำทางให้ปฏิบัติตาม ให้พ้นภัยในวัฏสงสารเถิด ข้อความที่เขียนมานี้ ถ้ามีการผิดพลาดล่วงเกิน หลวงพ่อด้วยประการใด ข้าพเจ้าขอกราบขอขมากรรมจากองค์หลวงพ่อด้วยเทอญ

ll กลับสู่สารบัญ


91

อานุภาพพระคำข้าว


อัปสร ตะโคตร


ด้วยความเมตตาสงเคราะห์จากหลวงพ่อ ดิฉันจึงได้เขียนเรื่องนี้ขึ้น ที่เขียนขึ้นนี้ก็เพราะว่าได้เห็นอานุภาพมาแล้วจริงๆ คือเมื่อก่อนนี้พี่สาวของดิฉันเขามีอาชีพเย็บเสื้อผ้าปรากฏว่าการเงินไม่ค่อยดีก็เลยเปลี่ยนมาขายไก่ย่าง ส้มตำ ในช่วงที่ขายแรกๆ นั้น ขายได้พอประมาณคือไม่ได้กำไรมากนัก บางครั้งก็ได้พอดีทุน พอดิฉันได้เอา พระคำข้าว ไปให้ และได้บอกถึงผลของอานุภาพพระคำข้าวมหาลาภ

พี่สาวก็ได้อธิษฐานเอาตามที่เขาต้องการ ในตอนสุดท้ายของคำอธิษฐาน เขาบอกว่าจะทำบุญถวายสังฆทานกับหลวงพ่อฤาษี และให้กับผู้มีพระคุณทุกๆ พระองค์ที่ทำให้เขาได้ประสบผลสำเร็จ หลังจากนั้นมาปรากฏว่าขายดีได้กำไรวันหนึ่งๆ นั้น ได้มากเป็น ๒ เท่าของกำไรก่อนที่ยังไม่มีพระคำข้าว ขายดีจนคนข้างร้านมาถามว่าต้องมีของดีใช่ไหม จึงมีคนมาซื้อมาก ขนาดคนขายแบบเราก็มีแต่ขายไม่ดีและเลิกไป ๑ ร้าน เพราะขายไม่ดี

ตอนโรงเรียนหยุด ดิฉันไปเยี่ยมช่วยสับมะละกอทั้งวันยังไม่ทันเลย และเมื่อประสบผลสำเร็จแล้วพี่สาวก็เลยฝากเงินมาถวายสังฆทานตามคำอธิษฐาน แต่การที่คำอธิษฐานของพี่สาวของดิฉันประสบผลสำเร็จในครั้งนี้ ก็เพราะว่าองค์หลวงพ่อได้เมตตาสงเคราะห์ สั่งสอนและให้แนวทางในการปฏิบัติให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และเขามีความเคารพรักและศรัทธาในองค์หลวงพ่ออย่างแท้จริงนั่นเอง ดิฉันมีความเชื่อว่าใครที่มีความเคารพรักหลวงพ่อจริงๆ ก็ต้องประสบผลสำเร็จด้วยกันทุกๆ คน

ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 27/10/12 at 14:39 [ QUOTE ]


92

หลวงพ่อของเรา


ศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา นุตาลัย


ก่อนจะเล่าเรื่องหลวงพ่อของเราต่อ จากที่ค้างไว้ในลูกศิษย์บันทึกเล่มหนึ่ง ขอบอกความประสงค์ในการเขียนให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ผู้เขียนมีความประสงค์จะบันทึกคุณวิเศษของพระเดชพระคุณหลวงพ่อในส่วนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัส เพื่อให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้ชุ่มชื่นใจในพระคุณอันยอดยิ่งของท่าน และเพื่อเก็บอุบายวิธีการอบรมสั่งสอนและช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกหลานของท่าน

โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอสาธารณนัย (วิธีเฉพาะบุคคล) ไม่ให้สูญหาย เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างสืบอริยประเพณีต่อไปในภายภาคหน้า อันจะเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนคนหวังพระนิพพานทั่วไปด้วย และก็ต้องขอบอกข้อแม้ไว้ตามเดิมคือ เรื่องนี้คนพาลห้ามอ่านเด็ดขาด

หลวงพ่อสำเร็จเมื่อไร
เรื่องนี้ผู้เขียนต้องการบันทึกไว้เป็นหลักฐานกันลืม เพราะจำมาหลายปีเต็มทีและสัญญาก็เป็นอนิจจาเสียด้วย เรื่องอย่างนี้ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องส่วนองค์ท่าน แต่เมื่อผู้เขียนได้เคยมีโอกาสถามท่าน และท่านก็เมตตาเล่าให้ฟัง จึงอยากบันทึกไว้ให้รู้โดยทั่วกันและเป็นหลักฐานไว้ด้วย ตอนนั้นก็ประมาณต้นๆ ปี ๒๕๑๗ พระเดชพระคุณท่านขึ้นไปเชียงใหม่ และผู้เขียนได้ตามท่านมากราบพระธาตุหริภุญไชย ที่จังหวัดลำพูน

หลวงพ่อท่านก็เล่าเรื่องตำนานพระธาตุหริภุญไชยมาระหว่างทาง เมื่อสบโอกาสผู้เขียนก็ถามท่านว่า ท่านสำเร็จเมื่อไร เพราะจากหนังสือประวัติหลวงปู่นั้น พอรู้ได้ว่าท่านสำเร็จระหว่างพรรษา และขณะนั้นยังอยู่ที่วัดโพธิ์ภาวนาราม ท่านก็เลยบอกว่า “ฉันสำเร็จเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๐๔ เวลาบ่าย ๒ โมง ๑๐ นาที ตอนสำเร็จนั้นเทวดา พรหม และพระ ห้อมล้อมมากมายเต็มไปหมด และเสวยวิมุติสุขอยู่ ๑ เดือน มีเทวดา พรหม และพระ เฝ้าอยู่ตลอดเวลา”

หลวงพ่อเก็บลูกศิษย์
ท่านที่ได้อ่านหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ และ เล่ม ๒ จะเห็นวิธีการต่างๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเก็บลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งอาจจำแนกประเภทได้ดังนี้

๑. ได้รับหมายเกณฑ์ คือ ได้อ่านหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งของท่าน หรือได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับท่านแล้วก็ต้องมารายงานตัว
๒. ท่านไปเข้าฝัน ทำให้ต้องตามมาหาท่าน (มีเรื่องเล่ากันหลายเรื่องแล้ว)
๓. ตามเพื่อน ญาติ พี่ น้อง หรือแฟนมาวัดหรือซอยสายลม หรือที่อื่นๆ เพื่อมากราบท่าน แล้วก็มาติดหลวงพ่อเป็นตังเม
๔. แสวงหาพระดีไปทั่วประเทศ พอมาเจอวัดท่าซุงเข้าก็จอด

๕. พอเห็นท่านครั้งแรกโดยบังเอิญก็ติดใจ ทำบุญด้วยทันทีโดยไม่รู้เลยว่าท่านเป็นใคร
คราวหนึ่ง ท่านขึ้นไปดอยตุงแล้วลงมาฉันก๋วยเตี๋ยวเพลอยู่ที่ร้านข้างถนนที่อำเภอแม่สาย มีผู้หญิงอายุราว ๓๐ เศษ คนหนึ่งเดินผ่านมาพบเข้า ก็ไปซื้อลูกประคำมาถวายท่าน ท่านก็เอาประคำคล้องคอท่านทันที (ตามปรกติ ท่านจะไม่คล้องลูกประคำ นอกจากเพื่อเจริญศรัทธาหมู่คณะเฉพาะงาน) พวกเราก็ล้อท่าน ท่านหัวเราะแล้วบอกว่า ท่านแม่มาบอกว่า น้องรักเขาถวาย คล้องให้กำลังใจเขาหน่อย
๖. ท่านไปตามเก็บเอง อาจจะมีวิธีอื่นอีก ที่ผู้เขียนไม่ทราบถ้าใครรู้กรุณาเขียนมาบันทึกไว้ด้วยจะได้สมบูรณ์ขึ้น

ผู้เขียนเคยเห็นท่านเก็บลูกของท่านเป็นกรณีพิเศษสองครั้ง ที่ว่าพิเศษก็คือนอกจากตามไปเก็บแล้ว ยังให้สตางค์ลูกใช้อีกด้วย โดยบอกว่าท่านแม่บอกให้ให้ ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง ที่จริงเรื่องนี้น่าจะให้เจ้าตัวเล่าเอง แต่ว่าขณะนี้เธอกำลังไปทำปริญญาเอกอยู่ที่ออสเตรเลีย จึงขอบันทึกไว้แทนพลางๆ ก่อน

ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๒๙ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์เป็นครั้งที่ ๒ ตามคำนิมนต์ของลูกศิษย์ที่นั่น ไปคราวนี้มีกำหนดการไปเกาะใต้ด้วย (ประเทศนิวซีแลนด์มีเกาะใหญ่ ๒ เกาะ คือ เกาะเหนือ และ เกาะใต้) โดยไม่มีรายการเยี่ยมลูกศิษย์ใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนนั้นชอบคอยดูลีลาท่าน เพราะพระขนาดนี้ทำอะไรทุกอย่างมีวัตถุประสงค์ทั้งสิ้น สงสัยอยู่ว่าท่านจะไปเกาะใต้ทำไม

ลูกศิษย์ทั้งหมดก็อยู่ที่เกาะเหนือทั้งนั้น ท่านจะไปโปรดผีโปรดเทวดาหรืออย่างไร ขณะที่รอขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ ก็บังเอิญพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนจะเรียกว่าคุณอ้วน เธอกลับมาเยี่ยมบ้าน และกำลังจะกลับไปทำปริญญาโทต่อ ที่ ไครสท์เชิช เกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อรู้เรื่องว่าหลวงพ่อจะไปที่นั่นด้วย เธอก็ขอรายละเอียดการเดินทาง และที่พักแล้วบอกว่า เธอจะมากราบหลวงพ่อที่โรงแรมที่นั่น

คณะของหลวงพ่อเดินทางไปเกาะใต้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้วก็กลับมาขึ้นเครื่องบินที่เมืองไครสท์เชิช ก่อนถึงเมืองไครสท์เชิช เราเดินทางโดยรถบัสมาจากเมืองวังกานุยมาเพลที่ไครสท์เชิชพอดี ในขณะที่คณะกำลังรับประทานอาหารกลางวัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ผลุนผลันลุกขึ้น แล้วรีบมาขึ้นรถ พวกเราทั้งหมดก็รีบตามท่านมา รถออกมาสักครู่ หัวหน้าทัวร์ (คุณแต๋ว) ก็ให้รถจอดเพื่อให้คณะแวะชมสวนสาธารณะของเมืองตามกำหนดการ

แต่พระเดชพระคุณท่านไม่ยอมให้แวะ ท่านบอกให้กลับโรงแรมทันที พอพระเดชพระคุณเข้าห้องพัก กริ่งโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น คุณอ้วนเธอโทรฯ มาพอดี ผู้เขียนรับโทรศัพท์แล้วก็บอกให้เธอรีบมา เพราะหลวงพ่อมาแล้ว เมื่อเธอมาถึงได้ถวายดอกไม้ แด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็บอกว่า “เวลามีไม่มาก ประเดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปฝึกเสียก่อน”

แล้วก็สั่งให้ผู้เขียนไปฝึกมโนมยิทธิให้ เมื่อฝึกได้แล้วก็กลับไปหาหลวงพ่อ เธอเห็นได้ชัดเจนแจ่มใสจริงๆ หลวงพ่อก็ไต่ถาม เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องสตางค์ว่ามีพอใช้หรือไม่ แล้วท่านก็ควักสตางค์ออกมาให้บอกว่า ท่านแม่บอกให้ให้สตางค์ลูกไว้ใช้ และสั่งว่าคืนนี้ ให้มาฝึกญาณ ๘ กับครูพรนุช เธอก็มาอีก และฝึกได้ทั้งหมด ผู้เขียนมาถึงบางอ้อ เมื่อหลวงพ่อโปรดคุณอ้วนนี่เอง ท่านมาเกาะใต้เพื่อจะมาโปรดลูกสาวของท่าน

ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่า หลวงพ่อท่านเก็บลูกศิษย์ดะไปหมด ความจริงแล้ว หลวงพ่อท่านเลือกโปรดเฉพาะคนที่ท่านสอนได้เท่านั้น ขอยกตัวอย่างสัก ๒ – ๓ คนที่หลวงพ่อท่านไม่สอน คนแรกคือพี่ชายผู้เขียนเอง ตอนนั้นหลวงพ่อไปพักที่ ค่ายทหารที่ปราจีนบุรี พี่ชายผู้เขียนเป็นทหารอยู่ที่นั่น เขาก็มาหาหลวงพ่อ เขาชวนหลวงพ่อคุยสารพัดเรื่อง ถูกบ้าง ผิดบ้างตามประสา หลวงพ่อก็ปล่อยให้คุย ท่านไม่ขัดคอและไม่สอน ท่านบอกว่า “คนไม่เชื่อกัน พูดไปก็เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

คนที่สองคือเพื่อนสนิทของผู้เขียนเอง ถ้าเอ่ยชื่อหลายคนคงร้องอ๋อ ตอนนั้นเธอบวชอยู่ที่วัดแถวปากคลองสาน แต่อยากมากราบหลวงพ่อ ผู้เขียนก็นึกว่า จะพามาทิ้งไว้ที่วัดท่าซุงสัก ๒ – ๓ คืน และผู้เขียนจะกลับขึ้นเชียงใหม่ทันทีที่แวะส่งเธอแล้ว พอพาเธอมากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกว่า “คุณ...การบวชเป็นของยาก เมื่อบวชแล้วก็ควรจะได้กำไรมาๆ ไม่ใช่ได้บุญแค่บาทแค่สลึง คุณไปบวชในวัดที่พูดกัน แต่เรื่องการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง มันจะไปได้อะไร

(ท่านรู้ได้อย่างไร...พระเพื่อนของผู้เขียนสงสัยมาก เพราะที่วัดนั้นเขากำลังติดตามเรื่องการเลื่อนสมณศักดิ์กันอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะหลวงพี่ที่เป็นพระพี่เลี้ยงของเพื่อนผู้เขียนเอง) เอาอย่างนี้ คุณขึ้นไปอยู่กับหลวงพ่อสิม ที่ถ้ำผาปล่องโน่น” แล้วท่านก็หันมาสั่งผู้เขียน “ปริญญา...คืนนี้แกค้างที่นี่ พรุ่งนี้พาพระไปส่งหลวงพ่อสิม แล้วบอกท่านด้วยว่าฉันฝาก”

ตอนนั้นหลวงพ่อยังไม่ได้พบกับหลวงพ่อสิมเลย แต่ท่านก็เอาพระไปฝาก ให้หลวงพ่อสิมอบรม สั่งสอนเสียแล้ว ทั้งๆ ที่พระเองอยากจะมาอยู่กับหลวงพ่อ เพื่อนผู้เขียนอีกคนหนึ่งมากราบและสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ พอหลวงพ่อเป่าเสร็จ ท่านก็บอกว่า “คุณนี่...เป็นสายครูบาศรีวิชัย ต้องไปนับลูกประคำตามสายโน้น”

แต่ท่านผู้ใดเป็นลูกหลานหรือเชื้อสายท่านแล้วละก็ ขอให้อ่านข้อความต่อไปนี้
“ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดและพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิต จดจำลูกหลานของฉันไว้ ว่าบุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม

และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวัง ที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นาน คิดว่าจะทำไม่ได้ แต่เวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว” ชื่นใจไหมครับ

ความศักดิ์สิทธ์
ของทุกชนิดที่เนื่องด้วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีอานุภาพมีความศักดิ์สิทธ์อย่างที่คาดไม่ถึง ท่านได้แสดงให้ปรากฏเด่นชัดปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นว่า สังโฆเมสรณังวรัง พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐยิ่ง สามารถป้องกันสรรพอันตรายทั้งหลาย ทั้งปวง ให้แก่ผู้ที่เคารพเชื่อถือและบริวาร ลูกหลานได้ ทั้งหมด และสามารถคุ้มครอง ภยันตรายต่างๆ ให้ได้

ตั้งแต่ก่อนเกิด จนหมดอายุขัย และหลังจากตายแล้ว ท่านก็ยังสามารถตามไปอนุเคราะห์ สงเคราะห์ให้ได้ประโยชน์ ให้ได้ความสุข ในสัมปรายภพอีกด้วย นอกจากนี้ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ก็สั่งสอนอบรม แนะนำ ทาน ศีล ภาวนา และให้ยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์จนจิตมีอารมณ์รักพระนิพพานและยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัยอย่างสม่ำเสมอ

ผู้เขียนจะขอเล่าถึง เรื่องอานุภาพของพระ วัตถุมงคล น้ำมนต์ และเทพยดาต่างๆ ที่เนื่องด้วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ผู้เขียนประสบมาเอง มากพอที่จะสรุปได้ว่าของของท่านยอดทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือจะขออะไรเป็นได้สมปรารถนาทุกครั้งไป

พระรุ่นร้อยปีหลวงพ่อปาน
ในงานฉลองครบรอบร้อยปีเกิดหลวงปู่ปาน หลวงพ่อสร้างพระขึ้นมา ๓ แบบด้วยกัน คือ เหรียญหลวงปู่ (สีทอง) เหรียญหลวงพ่อ (สีเงิน) และพระรอด (ดินเผา) วันหนึ่งผู้เขียนช่วยแกะถุงห่อพระเพื่อเอาพระใส่พาน ในกุฏิพี่นนทา เมื่อแกะถุงและเทพระออกหมดแล้ว ผู้เขียนก็เก็บถุงทั้งหมด ไปใส่ถังขยะตรงมุมห้องข้างประตูห้องน้ำหลวงพ่อ

ทันใดนั้นเอง เหรียญหลวงปู่สีทองกระโดดออกมาจากถังขยะ ผู้เขียนตกใจรีบก้มลงกราบ ทุกคนที่ดูอยู่ก็สงสัยว่า ผู้เขียนไปกราบถังขยะปลกๆ อยู่ทำไม ผู้เขียนก็เก็บเหรียญขึ้นมาและเล่าให้ฟัง หลวงพ่อท่าน นั่งอยู่ที่นั่นด้วยก็บอกว่า ท่านรู้ว่าเราไม่เห็นว่า มีพระติดถุงอยู่ จะเอาพระไปทิ้งจึงแสดงให้ปรากฏ

ครั้งหนึ่ง ในราวปลายปี ๒๕๑๘ ผู้เขียนพาครอบครัวไปพักผ่อนที่พัทยา ตอนนั้นลูกยังเล็กๆ อยู่ แกชอบเล่นน้ำในสระของโรงแรม เล่นตอนเย็นแล้วยังไม่พอ ตอนเช้ากินข้าวเสร็จแล้วก็รีบลงสระทันที บังเอิญตอนเช้าวันนั้น พนักงานสระว่ายน้ำพึ่งเอาน้ำยาคลอรีนมาเติมลงในสระ เพื่อฆ่าเชื้อโรค พอพนักงานเดินลับไป ลูกสาวผู้เขียนก็โดดลงสระและก็เจ้ากรรมทำให้ลูกโดดลงตรงที่เขาพึ่งเทน้ำยาลงไป พอโดดลงไปแล้วก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมา ร้องไห้จ้าว่าแสบตา ลืมตาไม่ขึ้น ผู้เขียนยังกินข้าวอยู่ข้างสระ ก็รีบไปดึงตัวแกขึ้นมาจากสระ

ลูกก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เพราะแสบตา ผู้เขียนไม่รู้จะทำอย่างไร ในยามคับขันกลัวลูกจะตาบอด จึงถอดสร้อยคอเอาพระร้อยปีหลวงปู่ปานมาอาราธนาจุ่มลงในแก้วน้ำทำน้ำมนต์ในทันที แล้วก็ให้ลูกลืมตาในน้ำมนต์นั้น พอลูกลืมตาในน้ำมนต์พระจุ่มก็เห็นผลในทันทีทันใดเหมือนกัน แกเงยหน้าขึ้นมาจากแก้วหยุดร้องไห้ และบอกว่าหายแสบตาแล้ว เมื่อผู้เขียนมากราบหลวงพ่อ ก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็บอกว่า “ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นตาจะบอด”

เสี่ยงเซียมซีวิธีพิเศษ
ในระหว่างงานฉลองร้อยปีเกิดหลวงปู่ปาน ผู้เขียนก็ไปช่วยเกะกะอยู่ที่วัดและบังเอิญมีเรื่องข้องขับในอารมณ์ผู้เขียนขึ้น โดยไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรดี ตอนนั้นเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ผู้เขียนก็เลยไปปรึกษาหลวงปู่ปานที่ศาลาพระสี่พระองค์นั่นแหละ กราบเรียนถามท่านว่าเรื่องนี้ผู้เขียนควรทำอย่างไรดี ถ้าผู้เขียนควรอยู่เฉยๆ ก็ขอให้จับเซียมซีได้เบอร์หนึ่ง (มันมืดแล้วอ่านใบเซียมซีไม่เห็น)

ถ้าจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ขอให้จับได้เบอร์อื่น กราบเรียนท่านเสร็จแล้วก็หยิบติ้วเซียมซีจากกระบอกขึ้นมาหนึ่งอัน เชื่อไหมครับ ได้เบอร์หนึ่งจริงๆ ความรู้สึกเหมือนกับหลวงปู่ช่วยยกภูเขาออกจากอก มันโล่งโปร่งใจไปหมด ไอ้ความคิดร้อยแปดในสมองหายไปเป็นปลิดทิ้ง และก็มีความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสเมตตาของหลวงปู่จริงๆ ใครว่าเซียมซีที่ไหนไม่เม่น ลองเสี่ยงเซียมซีวัดท่าซุงดูซิครับ แม่นร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ

ตัดต้นไม้ข้างโบสถ์
พระนวกะรุ่นที่บวชถวายกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่เจริญพระชนมายุครบหกสิบพรรา ได้พร้อมใจกันทำความสะอาดพระอุโบสถและรอบบริเวณพระอุโบสถตลอดไปจนถึงหน้ากุฏิริมน้ำของหลวงพ่อก่อนสึก ผู้เขียนบวชกับเขาด้วย แต่อาศัยว่าอายุมากกว่าคนอื่นๆ จึงมีโอกาสเลือกทำงานที่พอทำไหว งานที่เลือกทำคือ ตัดแต่งต้นไม้รอบโบสถ์ (ร่วมกับท่านอื่นๆ) ผู้เขียนได้หมายตาไว้แล้วตั้งแต่ตอนแห่นาครอบโบสถ์ก่อนบวชว่า

ต้นพิกุลตรงมุมโบสถ์ด้านตะวันออกเฉียงใต้นั้นกิ่งยื่นเกะกะ ควรตัดออก เมื่อได้มีดเหมาะมือ ผู้เขียนก็ลงมือฟันทันที โดยไม่ได้นึกถึงอะไรทั้งสิ้น นึกแต่ว่ากิ่งนี้เกะกะติดสัปทน เวลาแห่นาครอบโบสถ์ต้องเอาออก ฉับแรกเท่านั้นเองผู้เขียนสะท้านไปทั้งแขนจนจรดหัวไหล่ ความรู้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนกันว่า เทวดาเขาอยู่นะก็เลยรีบขออนุญาตท่านตัดกิ่งนั้นออก หลังจากนั้นมาเมื่อมีโอกาสก็เล่าให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านฟัง ท่านบอกว่า “เทวดาเขาแสดงให้รู้”

อานุภาพเสด็จในกรมฯ
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จในกรมฯ” นั้น ท่านเป็นเทพยดาที่มีอานุภาพมาก ใครก็ตามที่มาหาหลวงพ่อ ถ้าเป็นเรื่องของหายหรือตามคนแล้ว พระเดชพระคุณท่านจะต้องแนะนำให้บนเสด็จในกรมฯ เสมอ ผู้เขียนเคยเห็นท่านแนะนำลูกศิษย์หลายครั้งหลายหน จนถึงตาผู้เขียนจะต้องบนท่านบ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อราวๆ ปลายปี ๒๕๒๖ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยได้มาขอยืมสถานที่ของวัดจัดประชุมประจำปี ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็อนุญาตให้ใช้สถานที่พัก และให้ใช้ศาลาสองไร่เป็นที่ประชุมได้ แต่การจัดประชุมทั้งหมดเป็นเรื่องของผู้จัด ไม่เกี่ยวกับวัด ในการประชุมครั้งนี้ ผู้จัดได้นิมนต์ท่านเจ้าคุณ นักเทศน์ผู้มีชื่อเสียงจากกรุงเทพฯ ให้มาแสดงปาฐกถาให้ผู้เข้าร่วมประชุมฟังด้วย ท่านเจ้าคุณท่านนี้มีชื่อเสียงทางด้านต่อต้านเทวดา พรหม พระภูมิ ฯลฯ

ผู้เขียนได้ทราบข่าวในคืนก่อนจะเริ่มการประชุมก็มาพิจารณาเอาเองคนเดียวว่า สถานที่วัดท่าซุงแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราจะปล่อยให้พ่อค้าคำพูด (สำนวนนี้ ผู้เขียนขอยืมมาจากท่านเจ้าคุณพระราชกวี (อ่ำ) วัดโสมนัสที่ท่านเขียนไว้ดังนี้“.....ลัทธิ “ผี” ของไทย (มคธบาลีว่าเทวดา) นั้น มีความถูกต้องอย่างสมบูรณ์ที่สุด ถึงกระนั้นก็มีพระไทยปากสวะพูดชวนไทยโง่ๆ เป็นอันมาก ให้ล้มเลิกของไทยตลอดกาล...เช่น ให้รื้อศาลพระภูมิทิ้ง รื้อศาลปู่จ้าว เลิกประเพณีทำบุญให้ผี ฯลฯ

โดยอาศัยพระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสื่อพูด เพื่ออาชีพขายหนังสือคำพูด ขายวิชาพูดแก่นักเรียน มีสาวกรับลัทธินี้เทิดทูนอาชีพค้าเป็นอันมาก ข้าพเจ้า (พระราชกวี) รู้และทุกคนควรรู้จักพวกนี้ว่า “พ่อค้าคำพูด” มาใช้สถานที่นี้สอนคนผิดๆ ถูกๆ เห็นจะยอมไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย เมื่อท่านปฏิเสธเทวดา เราก็จะขออานุภาพเทวดาให้จัดการเรื่องนี้ คิดดังนั้นแล้ว ผู้เขียนก็ไปบนเสด็จในกรมฯ ที่พระรูปของท่านที่หน้าพระจุฬามณี

ในเช้าวันที่จะมีปาฐกถานั้นเอง การบนก็ประนมมือตั้งจิตนึกถึงท่านด้วยความเคารพ ขอให้ท่านจัดการอย่าให้เจ้าคุณมาปาฐกถาที่วัดได้ในวันนี้ เมื่อสำเร็จแล้วจะถวายสังฆทานให้ท่านแล้วผู้เขียนก็ไม่ได้บอกใคร ในตอนกลางวันข่าวที่ว่า ท่านเจ้าคุณจะมาปาฐกถาที่วัดตอนบ่ายก็แพร่ไปทั่ว มีการติดต่อทั้งทางโทรศัพท์และวิทยุ รายงานการเดินทางออกจากวัดของท่านหลังฉันเพลแล้ว ให้ผู้ที่สนใจได้ทราบและรอฟังปาฐกถาอย่างใจจดใจจ่อ

แต่ห้าโมงเย็น หกโมงเย็นก็แล้ว ทุ่มหนึ่งก็แล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าคุณจะโผล่มาที่วัด ทางผู้จัดก็ร้อนใจทั้งวิทยุ ทั้งโทรศัพท์ติดต่อกันให้วุ่นไปหมด ฝ่ายผู้เขียนก็ไม่รู้ไม่ชี้ด้วย ตอนค่ำก็ไปนั่งกรรมฐานกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อตามปกติที่อาคารธัมมวิโมกข์ พอเลิกจากกรรมฐาน เวลาประมาณ สองทุ่มเศษ ผู้เขียนก็รีบถวายสังฆทานแก้บนแล้วก็ออกมาดูที่ศาลาสองไร่ ก็ไม่เห็นมีปาฐกถาจึงกลับไปหาหลวงพ่อ พอหลวงพ่อเห็นหน้าอีกครั้ง

ท่านก็หัวเราะและพูดว่า “ว่าไง แกไปดูผลงานของแกมาหรือ” ผู้เขียนไม่ได้บอกใครเลยว่าไปทำอะไรไว้บ้าง แต่พระเดชพระคุณท่านก็รู้ แถมยังบอกอีกด้วยว่า เทวดา นางฟ้า เขาดีใจกันใหญ่ ผู้เขียนก็รับว่าครับ แต่ไม่ได้ กราบเรียนท่านหรอกว่า บนเสด็จในกรมฯ เอาไว้ ท่านรู้ของท่านเอง พอวันรุ่งขึ้น ผู้เขียนกลับมาถึงกรุงเทพฯ

ก็ให้เลขาฯ โทรฯ ไปถามที่วัดเจ้าคุณว่า เขานิมนต์ไปปาฐกถางานใหญ่ รับนิมนต์เขาแล้ว ทำไมถึงไม่ไป พระที่วัดตอบมาว่า ท่านไปแต่ดูเหมือนจะไปที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโน่น อีกครั้งหนึ่ง เรื่องเกิดขึ้นที่อเมริกา คราวที่หลวงพ่อไปอเมริกาครั้งสุดท้าย ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ผู้เขียนตั้งตนเป็นผู้ดูแลท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายและผู้น้อยบางคนที่ร่วมขบวนไปด้วย อาทิเช่น พล ต.ท.น.พ.สมศักดิ์ สืบสงวน ม.ร.ว.สุวรรณาภา สังขดุล พ.อ.(พิเศษ) พ.ญ.วิวรรณ คำนวณกิจ

คุณกานดา อมาตยกุล คุณเดือนฉาย คอมันตร์ คุณพิมพา วงศ์งามนิจ คุณศิริพร มงคลชัยดิษญ์ และคุณโศภิษฐ์ สดสี เป็นต้น เหตุเกิดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ผู้เขียนทำหน้าที่ขับรถพาท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายเที่ยว ตอนประมาณสิบโมงเช้า เราขึ้นเขาไปที่เวทีกลางแจ้งที่เมืองเรดร็อคทางตะวันตกของเดนเวอร์ ทุกคนทิ้งกระเป๋าเงินไว้ในรถ (ในการเที่ยวนี้ทุกคนถูกเก็บเงินทีละร้อยเหรียญ แล้วให้เหมี่ยว (โศภิษฐ์) เป็นผู้ติดตามจ่ายเงินค่าอาหาร ค่าเติมน้ำมัน และอื่นๆ เมื่อเงินหมดก็เก็บกันใหม่)

เพราะนึกว่าลงไปดูทิวทัศน์ประเดี๋ยวเดียว ทั้งๆ ที่บริเวณจอดรถมีป้ายเตือนว่า อย่าทิ้งของมีค่าไว้ในรถเพราะขโมยชุม พอลงไปได้สัก ๕ นาที ผู้เขียนเกิดเฉลียวใจจึงวิ่งกลับมาที่รถก่อน ก็เห็นผู้ชายรีบถีบจักรยานผละไปจากรถอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนเปิดประตูรถดู ก็เห็นว่ากระเป๋าสตางค์หายไปหนึ่งใบ จึงรีบสตาร์ทเครื่องรถขับตามไป แต่ตามไม่ทัน ปรากฏว่า กระเป๋าสตางค์ที่หายไปคือกระเป๋าสตางค์เหมี่ยว

พร้อมด้วยเงินกองกลางประมาณหนึ่งพันเหรียญ และบัตรเครดิตต่างๆ หลายชนิด ทำให้ต้องรีบไปแจ้งความเรื่องกระเป๋าสตางค์และบัตรหายโดยรีบด่วน ตอนไปแจ้งความเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. แล้วน้าน้อย (กานดา อมาตยกุล) ก็บอกว่า บนเสด็จในกรมฯ ซิ เหมี่ยวก็เลยบนเสด็จในกรมฯ ขอกระเป๋าและบัตรเครดิตคืน เงินไม่ได้คืนก็ไม่เป็นไร แล้วจะถวายสังฆทานให้ท่าน แล้วเราก็ไปเที่ยวกันต่อ

กลับมาถึงที่พัก ๕ โมงเย็น เล้ง (ศิริพร) ก็เห็นว่าที่ห้องมีไฟขึ้นที่โทรศัพท์บอกให้รู้ว่า มีข่าวจะแจ้งให้ทราบ แต่ก็นึกว่าเป็นเรื่องของทางโรงแรมที่พักจึงไม่สนใจออกไปกินข้าวเย็นกันต่อ กลับมาอีกที ๒ ทุ่มครึ่ง ไฟแจ้งข่าวที่โทรศัพท์ก็ยังติดอยู่ พอยกหูโทรศัพท์ติดต่อกลับไป ก็ได้รับข่าวว่า กระเป๋าสตางค์พร้อมบัตรเครดิตมีผู้เก็บได้ให้ไปเอาคืน เรื่องที่น่าตื่นเต้นมากก็คือ ผู้ที่เก็บกระเป๋าได้นั้นเก็บได้ตอนกลางวันประมาณ ๑๑ โมงกว่าๆ กระเป๋าถูกโยนไว้ข้างทาง สตางค์ไม่มีเลย

มีแต่บัตรเครดิตและนามบัตรที่อยู่ของเพื่อนผู้เขียนชาวอเมริกัน ชื่อ เอ๊ด อาร์โนลด์ พร้อมเบอร์โทรศัพท์อยู่ด้วย ผู้ที่เก็บได้จึงโทรไปหาเอ๊ด บอกว่าเขาเก็บกระเป๋าสตางค์ของโศภิษฐ์ได้ ช่วยติดต่อบอกโศภิษฐ์ให้ที เผอิญผู้เขียนได้ติดต่อกับเอ๊ดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าไปถึงอเมริกาจะโทรไปคุยด้วย เอ๊ดก็เลยบอกผู้เก็บกระเป๋าว่า อย่าพึ่งแจ้งตำรวจเพราะเรื่องจะยาว เขาจะตามหาโศภิษฐ์ให้เอง เสร็จแล้วเอ๊ดก็โทรศัพท์มาที่ที่ทำงานผู้เขียนที่กรุงเทพฯ

ตอนที่เอ๊ดโทรมานั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวันที่เดนเวอร์ เวลาที่เดนเวอร์กับกรุงเทพฯ ต่างกัน ๑๒ ชั่วโมงพอดี เพราะฉะนั้น เวลาที่กรุงเทพฯ ก็คือเที่ยงคืน แต่เอ๊ดก็สามารถติดต่อกับเลขาฯ ผู้เขียนที่ที่ทำงานของผู้เขียนได้ และเลขาฯ ผู้เขียนก็บอกที่อยู่ของผู้เขียนที่เดนเวอร์และที่ลอสแอนเจลิสให้เอ๊ดไป เอ๊ดจึงโทรไปส่งข่าวเรื่องกระเป๋าให้ที่โรงแรมที่พักทั้งสองเมือง และเหมี่ยวก็ได้กระเป๋าพร้อมบัตรคืน รุ่งขึ้น เราก็รีบไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ พร้อมกับเล่าเรื่องให้ท่านฟัง

พอผู้เขียนกลับถึงกรุงเทพฯ ก็มาถามเลขาฯ ว่าคืนนั้นใครมาทำงานบ้าง ปรากฏว่าไม่มีเลย พอถามต่อว่า แล้วเอ๊ดโทรมาจากอเมริกาหรือเปล่า เลขาฯ ก็บอกว่า โทร แต่โทรตอนสิบโมงเช้า ท่านผู้อ่านลองจับเรื่องต่อกันดูซิครับว่า เป็นไปได้อย่างไร
๑.เวลาเจ้านายไม่อยู่เป็นอาทิตย์ งานเร่งด่วนก็ไม่มีจะให้เลขามาทำงานกลางคืนนั้นเป็นไปไม่ได้
๒. เลขาทั้งสองคนก็ยืนยันว่า ไม่ได้มา แต่มีคนรับโทรศัพท์เอ๊ด ตอนสองยาม

๓. เพื่อไม่ให้ใครสงสัย ก็มีโทรศัพท์มาจากอเมริกาจริงๆ แต่คราวนี้โทรมาจากอเมริกา ตอน ๔ ทุ่ม เลขาได้รับตอน ๔ โมงเช้า
๔. ลองนึกดูว่า ถ้าเป็นเราเป็นท่าน เมื่อได้ข่าวว่าเพื่อนมาทำกระเป๋าสตางค์หายในเมืองไทย จะมีแก่ใจโทรศัพท์ทางไกลไปอเมริกาเพื่อถามหาที่อยู่และตามตัวให้พบหรือไม่ เอ๊ด อาร์โนลด์ ไปเอากำลังใจมาจากไหน เพราะวันนั้นก็เป็นวันทำงาน และเจ้าตัวก็เป็นใหญ่เป็นโตในกรมธรณีวิทยาของอเมริกา งานของเขาก็มาก

๕. กระเป๋าสตางค์หายตอนสิบโมงเช้า บนตอนสิบเอ็ดโมงเช้าสองทุ่มครึ่งก็ได้กระเป๋าคืน (ที่จริงข่าวมาตั้งแต่ก่อนห้าโมงเย็น แต่เที่ยวกันจนเพลิน)
พอผู้เขียนเล่าเรื่องเสด็จในกรมฯ รับโทรศัพท์ และพูดโทรศัพท์ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฟัง ท่านบอกว่า “อย่าว่าแต่รับโทรศัพท์เลย แม้แต่พิมพ์ดีดตอบจดหมาย และส่งไปรษณีย์แทนฉัน ท่านยังทำเลย ฉันเคยไม่อยู่วัดเป็นเดือน พอโผล่ไปอีกวัดหนึ่ง ก็มีจดหมายของฉันรับนิมนต์งานวัดนั้นรออยู่แล้ว ฝีมือเสด็จในกรมฯ ทำหน้าที่ตอบจดหมายให้เสร็จ”

ลูกศิษย์หลวงพ่อทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า เสด็จในกรมฯ ท่านมีความสำคัญอย่างไร ท่านผู้ใดอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่าน ก็ขอให้บนตอนเช้า (๗.๕๐ น.) โดยตั้งโต๊ะกลางแจ้ง ปูผ้าขาว เครื่องบนก็มี ขนมจีนน้ำพริก หรือน้ำยา และของหวาน คือทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง หรือจะเพิ่มอาหารอื่นๆ ก็ได้

แต่อย่างน้อย ควรจะมีอาหารที่ว่านั้นยืนพื้น และธูปเทียน ดอกไม้ ถ้าไม่เหลือวิสัยที่ท่านจะช่วยได้ก็จะสำเร็จ และให้แก้บนตอนเช้าเหมือนกัน ด้วยอาหารดังกล่าว หรือสังฆทาน หรือบนบวชตัวเอง ก็ตามใจ ผู้เขียนเขียนวิธีบนเอาเองตามที่จำได้ อาจมีบกพร่องบ้าง ถ้าอยากให้แน่ใจขอให้ไปหาหนังสือธัมมวิโมกข์เล่มเก่าๆ อ่านดูมีรายละเอียดอยู่ในนั้น

อานุภาพน้ำมนต์
หลังจากได้แผ่นเงิน และเหรียญทำน้ำมนต์ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทำขึ้นเพื่อสงเคราะห์ลูกหลาน มาจากวัดแล้ว ผู้เขียนก็นำแผ่นเงินทำน้ำมนต์มาทำน้ำมนต์ไว้สองโถใหญ่ โดยนำน้ำมนต์รุ่นต่างๆ จากวัดมารวมกันทั้งหมด อยู่มาวันหนึ่งลูกชายปวดท้อง ตั้งแต่กลางคืน เขาก็หายาแก้โรคกระเพาะกิน ก็ไม่หาย นอนซมอยู่ตลอดวัน รุ่งขึ้นอีกวัน

พอตอนเย็น ผู้เขียนกลับจากทำงานเห็นลูกปวดท้องไม่หาย ก็ให้ไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่า ไส้ติ่งอักเสบ ให้รอดูอีกหนึ่งคืน ถ้าไม่หายจะผ่าและให้ยามากินด้วย พอลูกกลับมาบอก ผู้เขียนก็บอกให้ลูกไปกินน้ำมนต์ อธิษฐานขอให้ ไส้ติ่งอักเสบหาย ลูกกินน้ำมนต์ไม่ถึง ๕ นาที อาการปวดท้องหายเป็นปลิดทิ้ง เผอิญตอนนั้น หลวงพ่อมาซอยสายลมพอดี ก็เลยเล่าให้ท่านฟัง ท่านว่า “เออดี จะได้ไม่ต้องผ่า”

หลังจากนั้นมาอีกไม่กี่สัปดาห์ ผู้เขียนเกิดอาการปวดไตตรงกระเบนเหน็บ ปวดจนบางครั้งขยับตัวไม่ได้ ก็ลองทนดูตลอดบ่าย และกลางคืนอาการก็ปวดๆ หายๆ แล้วแต่จังหวะลุกนั่ง นอน รุ่งขึ้นอีกตอนเช้า อาการมีมาขึ้น มีแต่ปวด ไม่ยอมหายแล้วคราวนี้ ทนอยู่อีกจนถึงประมาณบ่ายสองโมง ก็มานึกว่าจะไปหาหมอดีไหม ไปเดี๋ยวก็จะถูกหมอจับผ่า อย่าเลย อธิษฐานกินน้ำมนต์หลวงพ่อดีกว่า จึงอธิษฐานขอให้หายปวด แล้วก็กินน้ำมนต์ หายจริงๆ ครับ เป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

ลูกศิษย์ท่านใดยังไม่มีน้ำมนต์หลวงพ่อติดบ้าน รีบหามาไว้เสีย เหรียญทำน้ำมนต์ก็ยังพอมีอยู่ที่วัด และถ้าอยากได้น้ำมนต์ก็รอตอนงานเสดาะเคราะห์ (๑๔ เมษายน ๒๕๓๔) หรืองานเป่ายันต์เกราะเพชร (๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๔) นี้ก็ได้ เรื่องนี้ก็ยังไม่จบอยู่ดี ขอต่อในหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ ซึ่งจะออกในเดือนมีนาคม ๒๕๓๕ นะครับ

ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top