Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 18/6/10 at 04:37 [ QUOTE ]

หนังสืออ่านเล่น เล่มที่ 2 โดย.. ส. สังข์สุวรรณ




หนังสืออ่านเล่น

เล่มที่ ๒

โดย ส. สังข์สุวรรณ


(ฉบับอินเทอร์เน็ต : จัดพิมพ์โดย..พระเจ้าหน้าที่สำนักพิมพ์เวฬุวัน)



เนื้อหาของสารบัญ เล่มที่ ๒

1.
คุยกันก่อน
2. คนถูกแกล้งไปสวรรค์
3. ดูหมู่บ้านจัดสรร
4. บัณฑุเทพบุตรวิมาน
5.
พระสารีบุตรถวายทาน ๑
6.
พระสารีบุตรช่วยมารดา ๒
7. ผลของทาน
8. เรื่องของนางฟ้าบุปผาชาติ
9. บันทึกเรื่องภายนอก
10. อัตตโนบุพกรรม
11. พบหญิงแก่
12. ยักษ์ครึ่งตัว
13. พระยายม
14. ตัดสินใจพิเศษ
15. เรื่องผี , บวงสรวง
16. ท้าวมหาราช
17. พบพระอินทร์
18. พระภูมิมีจริงไหม ?



1

คุยกันก่อน

ขณะที่เขียนนี้ ต้นฉบับบันทึกประจำวัน เจ้าหน้าที่เอาไปคัดลอกเพื่อลงพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอมาขอคำนำคิดว่าเรื่องคำนำนี้ มีความสำคัญเฉพาะคนส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่าน เช่นผู้เขียนนี่เองเป็นตัวอย่าง เมื่ออ่านคำนำ พอเริ่มต้นอ่านถ้าเห็นว่าข้อความเข้าท่าเข้าทางก็อ่านต่อไป ถ้าเป็นคำนำยาว ๆ และร่ายเวทย์แบบเพลงยาวก็ผ่านไปเลย ไม่อ่าน ฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายการจัดพิมพ์มาขอคำนำ จึงเว้นคำนำมาชวนคุยกันดีกว่า

เริ่มต้นการคุยก็คือ หนังสือที่อ่านนี้ไม่ใช่หนังสืออาชีพ เป็นบันทึกเพื่อทบทวนความจำประจำวันเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะพิมพ์เผยแพร่ ในเมื่อคนภายในที่คัดลอกเพราะเขียนเองอ่านไม่ออก จึงต้องใช้พิมพ์คัดลอกข้อความไว้ เธอเห็นว่าควรพิมพ์เป็นเล่ม ก็จัดพิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือสำนวนตามใจคนเขียน ไม่ใช่หนังสือตามใจคนอ่าน วันหนึ่ง ๆ มีอะไรบ้างก็บันทึกย่อไว้ทั้งเรื่องนอกคือเรื่องของกาย และเรื่องในคืออารมณ์เกิดจากใจ ที่เรียกว่า"นิมิต"

นิมิตที่ปรากฏเป็นเมตตาของท่าน ท่านปรากฏให้เห็น ไม่ใช่มีอำนาจไปดึงมาเพื่อเห็น การเห็นแบบนี้เป็นกำลังที่มีสมาธิตํ่ามากเพียงแค่อุปจารสมาธิไม่ถึงฌานสมาบัติ นิมิตเมื่อปรากฏตอนต้น ๆ ของการฝึกสมาธิ เห็นเพียงแวบเดียวภาพนั้นก็หายไป จิตเคลื่อนจากสมาธิระดับนั้นจึงไม่เห็น เลยโมเมว่าภาพหายไป

การฝึกเพื่อใช้นิมิตให้ทรงตัวอยู่ได้นาน ๆ สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวให้ตลอดได้ ต้องเริ่มต้นด้วยการรักษาลมหายใจเข้าออกและระงับนิวรณ์ห้าประการได้ชั่วคราว เวลาภาวนาหรือรู้ลมหายใจต้องไม่คิดอยากรู้อะไร นิมิตจะเกิดขึ้นเมื่อจิตสงัดจากอารมณ์วุ่นวายแบบนี้เป็นหมอดูไม่ได้เพราะถ้าท่านไม่มาบอก หรือไม่มาให้เห็นก็ไม่รู้ไม่เห็น นิมิตที่ปรากฏไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เป็นภาพร้ายที่ทำให้เกิดความลำบากก็มี เช่น

เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๑ เวลาประมาณ ๙.๓๐ น. พักจากงานประจำเล็กน้อย เพราะเริ่มโหมงานมาตั้งแต่ตีสี่ หยุดเมื่อกินข้าวเล็กน้อยแล้วทำต่อไป ที่ต้องเริ่มโหมงานก็เพราะเกรงว่าจะลืม เมื่อเวลาใกล้ ๙.๓๐ น. หมดภาระเบื้องต้น เลยเอนกายลงไปพอหัวถึงหมอนก็จับลมหายใจเข้าออก พร้อมกับภาวนาว่า "นิพพานะ สุขัง" ประเดี๋ยวหนึ่งจิตเริ่มคลายเหนื่อยและสงัดไป

ขณะนั้นมีนิมิตคล้ายฝันแต่ไม่ใช่ฝันว่ามีคนเข้ามาในห้องมากมาย เข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต มีเก้าอี้นวมขนาดใหญ่เข้ามาตั้ง มีคนวัยแก่รูปร่างอ้วนใหญ่ แต่งตัวสมัยใหม่เรียบร้อยเข้ามานั่งเก้าอี้ มีบริวารเข้ามามากมาย แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าของห้องจึงบอกให้พวกเธอออกไป แต่ทว่าในนิมิตเวลานั้นนอนและเหนื่อยมากลุกไม่ขึ้น ไล่พวกเธอ เธอทั้งหลายก็เฉยทำเหมือนไม่มีเราอยู่ในที่นั้น จึงออกแรงตวาดไปเป็นครั้งสุดท้าย นอนตวาดเพราะลุกไม่ขึ้น พวกเธอจึงค่อย ๆ ออกไป เมื่อพวกเก่าไปหมดแล้วก็มีพวกใหม่เข้ามาอีก พวกนี้พูดมาก ฟังเสียงพูดเหมือนภาษาไทยแต่ไม่รู้เรื่องสักคำ จึงออกแรงใช้เสียงตวาดอีก เธอก็ออกไป

เมื่อพวกเธอออกไปหมดแล้ว ก็รู้สึกคืนสภาพปกติยังไม่ลืมตายังจำว่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่เป็นจริงในปัจจุบัน คิดว่าพวกธนาคารที่มาให้เซ็นชื่อออกไปแล้ว เราไม่ได้ใส่กลอนจึงมีคนเข้ามารบกวนได้ พอลืมตาขึ้นปรากฏว่าประตูใส่กลอนแล้ว ผู้คนหรือร่องรอยอะไรก็ไม่มีเลย จึงคิดว่าคงเป็นผีอำ มันเหนื่อยมากจึงเอนกายลงนอน เริ่มจับ "นิพพานะ สุขัง" จิตเป็นสุขก็เห็นชายสี่คน นั่งใกล้หนึ่งคนยืนใกล้ ๆ หนึ่งคน นั่งห่างออกไปสองคนแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้าและท่าทางเป็นมิตรทุกอย่าง

จึงถามว่าท่านคือใคร ท่านที่นั่งใกล้ท่านตอบว่า ผมคือ เวสสุวรรณ ครับ ท่านที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ตอบว่า ผมคือ ธตรฐ ครับ อีกสองท่านตอบว่า ผมคือวิรุฬหก และ วิรูปักษ์ ครับ เมื่อเห็นท่านผู้ทรงเดชานุภาพอย่างนั้นอยู่ใกล้ ๆ ก็สงสัยว่าเทวดาทำไมปล่อยให้ผีมาอำได้ ท่านเวสสุวรรณท่านตอบว่า เทวดากันได้แต่ผีภายนอกแต่กันผีภายในไม่ได้ ถามท่านว่า ผีภายนอกหมายถึงผีประเภทไหน ท่านบอกว่า ผีภายนอกคือพวกวิญญาณต่าง ๆ ที่จะมารบกวน ผีประเภทนี้เทวดากันได้

เมื่อถามถึงผีภายในว่าหมายถึงอะไร ท่านตอบว่า ผีภายในคือเลือดลมไม่ดี มีอาการคั่งในร่างกายไม่คล่องตัว เหมือนที่ท่านเป็นเมื่อสักครู่นี้ ท่านป่วยมาก ล้างท้องเพลียแต่ไม่พักงาน ประสาทก็หวั่นไหวปั่นป่วนเป็นเหตุทำให้เหมือนมีภาพหลอนขึ้นมา เป็นเรื่องราวที่ตนเองสู้ไม่ได้ ผีคือประสาทประเภทนี้เทวดายอมแพ้ พูดแล้วท่านก็พากันหัวเราะชอบใจ

เป็นอันว่านิมิตอย่างนี้ เป็นสมาธิกำลังต่ำไม่ใช่ฌานสมาบัติเป็นเพียงอุปจารสมาธิเท่านั้น และต้องมีผลมาจากท่านเมตตาให้เห็นไม่เหมือน มโนมยิทธิ มีฤทธิ์ทางใจ อย่างนั้นฝึกเข้าฌาน สามารถบังคับอารมณ์ให้รู้ได้เห็นได้ตามชอบใจ มีหลายท่านอ่านแล้วสงสัยว่าจะฝึกได้อย่างไรจึงจะมีนิมิตอย่างนี้ ขอตอบว่า รักษากำลังใจให้เทวดาชอบใจเป็นใช้ได้.

๒๐ ตุลาคม ๒๕๓๑

ส. สังข์สุวรรณ




เริ่มเรื่องหนังสืออ่านเล่น เล่มที่ ๒


วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๓๑


วันนี้วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๓๑ ขอคุยเรื่องของวันที่ ๑๕ กันยายน ตอนดึกสักเล็กน้อย เวลาก่อนหลับนอนพิจารณาและภาวนาเห็นพระหลายท่าน ที่เห็นเป็นชุดแรกก็คือ พระสารีบุตร กับ พระโมคคัลลาน์ ต่อมาก็เห็น พระมหากัจจายนะและ พระอนุรุธ พระอานนท์ พระมหากัสสป และคณะ พระบิณโฑภารัชชวาชะ ต่อมาเห็นพระพุทธเจ้าแล้วก็หลับไป ตื่นเมื่อเวลา ๓ น.เศษ ๆ ภาวนาต่อหลับไป

ตื่นใหม่ ๔ น.เศษ คราวนี้ทำอุจจาระกิจคือไปส้วม กลับมาแล้วนอนภาวนาสงบกำลังใจไปหาพระในที่ของท่าน ไหว้ท่านรับฟังโอวาทจากท่านเสร็จแล้ว เข้าบ้านของตนตรวจดูทรัพย์สินเห็นอยู่ครบตามเดิม ลงมาที่ดาวดึงส์ไหว้พ่อไหว้แม่และท่านผู้มีพระคุณทั้งหมด หลวงพ่อปาน ท่านเตือนเรื่องอาหาร ท่านบอกว่าที่ไม่ปกติคืนนี้เพราะกินฝรั่งมากไปท้องจึงอืด กินน้อยไม่เป็นไร ท่านเตือนว่าร่างกายยังดีไม่พอ ไม่ควรใช้พิมพ์ดีดให้ใช้เขียนไปพรางก่อน เมื่อท่านเตือนเสร็จแล้วก็ลาท่านกลับ

เมื่อมาถึงเทวดา นางฟ้า ที่เมตตาสงเคราะห์มากท่าน จึงยกมือไหว้ขอบคุณทุกท่านที่เมตตา ถามท่านเวสสุวรรณ ถึงภัยอันตรายท่านบอกว่าไม่มี ถามถึงแขกที่จะมาหา ท่านบอกว่า วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ๔ วันนี้แขกมาก แต่ไม่ใช่ล้นวัด แขกที่มาทุกคนมีศรัทธาดี มองดูเวลา ๖ น. พอดี กำลังจะลุกขึ้นเก็บที่นอนและผ้าห่มพอดีลุงพุฒมาคนเดียว วันนี้ท่านนุ่งผ้าพื้นโจงกระเบนเป็นผ้าไหมสวยมาก ท่านบอกว่า คุณ ไปบ้านผมหน่อยซิ บอกท่านว่า ลุงตอนนี้ ๖ โมงเช้าแล้ว ประเดี๋ยวเด็กจะมาขนของลงข้างล่าง ท่านบอกว่าไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับได้ พอดีท่านพ่อ ท่านมาบอกว่า ไปเถอะคุณ คุณไปไหว้พระ ไหว้ท่านผู้มีคุณแล้ว ลุงท่านมีเรื่องด่วนจึงได้มาเวลากระชั้น จึงตกลงตามลุงท่านไป

พอไปถึงท่านก็เข้าประจำที่ ท่านเรียกชายคนหนึ่งเข้ามาขอสมมุติชื่อว่า นายจันทร์ คนนี้การสอบสวนแปลก เพราะไม่ผ่านเจ้าหน้าที่สอบสวน ลุงท่านเรียกมาหาท่านโดยตรง คงจะเป็นเพราะเวลาน้อย ชายคนนี้ภาพที่เห็น ผอม หน้าตาซีดเซียว ท่าทางอิดโรยมากแต่พบตอนหลังที่เธอเป็นเทวดาแล้วเธอทำภาพเมื่อเป็นมนุษย์ให้ดูเป็นชายล่ำสัน ลักษณะแบบผิวเนื้อสองสีค่อนข้างขาว มีขี้แมลงวันขนาดเล็กมากอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสอง แต่ใกล้คิ้วขวามาก เรื่องไฝหรือขี้แมลงวันใกล้คิ้วขวานี้เป็นสัญญลักษณ์บอกว่า เป็นคนที่ได้รับความเมตตาจากผู้หญิงมาก ถ้ามีไฝหรือขี้แมลงวันทางคิ้วขวา ตามีเสน่ห์มองหญิงแล้วหญิงงงทุกราย ตาเจ้าชู้หรือตายุให้หญิงมาร่วมชู้ ชายคนนี้ก็มีกรรมอย่างนี้เหมือนกัน

มาคุยเรื่องของเธอ เธอตายเมื่อ วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๓๑ บ้านอยู่อีสานแต่มาทำงานกรุงเทพฯ เธอไม่ได้บอกที่ตายของเธอ เธอตายเพราะอุบัติเหตุคือถูกตียัดกระสอบตาย เพราะความมีเสน่ห์ของเธอ ปกติสาวชอบมาหาเธอก็เมตตาทุกราย และที่เหตุร้ายเกิดขึ้นถึงตาย ก็เพราะเธอไปยุ่งกับสาวคือเมียนายเข้า จึงต้องตาย และศพก็สูญหายเพราะใส่กระสอบฝังดินกลางทุ่งนา ไกลตาคนไปพบเห็นเสน่ห์มากมันก็มีภัยอย่างนี้ ถามเธอว่า ทำไมรุ่มร่ามอย่างนั้น

เธอบอกว่า เห็นใจหญิงเธอมีความต้องการ ถ้าไม่ได้ตามความประสงค์เธอก็กลุ้ม ถามว่าเข้ามากรุงเทพฯ ทำงานอะไร เธอบอกว่าทำทุกประเภท เมื่อก่อนตายทำงานรับจ้างเป็นงานก่อสร้าง นายเธอไม่ใช่ผู้รับเหมา นายรับช่วงของงาน เห็นจะเป็นหัวหน้าหน่วยงาน นายเอาเธอไปใช้ที่บ้าน เห็นทำงานคล่องและสุภาพเรียบร้อย ความสุภาพและงานดีทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ หญิงในบ้านนั้นทุกคนเมตตา มีความสุขในที่สุดเมียนายก็เมตตาด้วยเป็นเหตุให้ได้สตางค์ใช้มากขึ้น เพราะเมียนายเมตตานี่เอง ในที่สุดก็กลายเป็นผี

ประวัตินี้เธอเล่าให้ฟังเมื่อเป็นเทวดาแล้ว มาคุยกันเรื่องการสอบสวนต่อไป เมื่อท่านลุงเรียกเข้าไป รูปร่างเธอมีลักษณะหน้าตาเลอะเทอะ เหมือนถูกทุบตีแบบยับเยิน ลุงถามว่า เอ็งชอบไปยุ่งกับลูกเขาเมียเขาใช่ไหม เธอตอบว่า ใช่ ท่านลุงถามว่า ทำไมถึงทำอย่างนั้น เธอบอกว่า เห็นใจหญิง เมื่อเธอมาหาแล้วก็ไม่อยากให้เธอผิดหวัง ลุงบอกว่า เอ็งมีบาป แต่เวลาเอ็งไปฝึกกรรมฐานเอ็งบอกให้ฉันเป็นพยานทุกคราว ต่อไปถ้าขอให้ข้าเป็นพยานละก็จงอย่าทำบาปนะ มันผิดระเบียบของเขา แต่เมื่อให้เป็นพยานก็เป็นพยานให้ ท่านพูดต่อไปว่า

๑.เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ต้นเดือน เอ็งไปรับศีลแปดและปฏิบัติศีลแปดตลอด ๓ วันใช่ไหม เธอตอบว่าใช่
๒.เธอถวายสังฆทานถังเล็กถังละ ๑๐๐ บาท รวม ๑๗ ถัง ใช่ไหม เธอตอบว่าใช่ จากนั้นภาพสังฆทานถังเล็กก็ปรากฏตั้งเป็นแถว

ท่านลุงบอกว่า เท่านี้พอแล้วเอ็งดีมาก แต่เอ็งระยำวันอื่น นอกจากนั้นเล่นกาเมนอกบ้านทุกวัน ถ้าเกิดใหม่จะไปไหนเอาเมียไปด้วยนะ จะได้ไม่หิวกินไม่เลือกอย่างที่แล้วมา เอ็งมีบาปมาก สัตว์คือ ปลา กบ เขียด งู ไก่ เอ็งเคยฆ่า โกหกก็เก่ง พบสาวโสดหรือสาวมีผัวรูปร่างต้องใจเมื่อไรเป็นโกหกทุกที กลับมาบ้านยังโกหกเมียอีก ลักขโมยเธอไม่เป็น สุราเมรัยดื่มนิดหน่อย แต่มันก็เป็นบาปเขาต้องเอาลงนรก
ท่านลุงพูดจบ ดูเหมือนเธอทำท่าจะล้ม ท่านลุงเตือนให้ยืนตรง ๆ ท่านบอกว่า ข้ายังพูดไม่จบเลยทำท่าจะตายแล้ว ให้ข้าพูดจบก่อนซิ แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า

เมื่อเอ็งให้ข้าเป็นพยานบุญ ข้าก็ต้องเป็นและเบิกความให้ข้าเป็นพยานให้แล้ว เอ็งไปรับผลของความดีก่อน ถวายสังฆทานและรักษาศีลแปดเดือนละ ๓ วัน ศีลขาดเดือนละ ๒๗ วัน เจริญกรรมฐานเดือนละ ๓ วัน ทำกาเมเดือนละ ๒๗ วัน ไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืน ในเมื่อมีอารมณ์เศร้าหมองสลับกับอารมณ์แจ่มใส บุญอย่างนี้ปกติไปอยู่ชั้นนิมมานรดี แต่เพราะศีลขาดมากกว่าศีลดี จิตผ่องใสน้อยกว่าจิตเจ้าชู้ วิมานเอ็งอยู่แค่ดาวดึงส์ตามกำลังบุญของเอ็งก็แล้วกัน เมื่อเธอได้ฟังอย่างนั้น รู้สึกว่าร่างกายผ่องใสขึ้นทันที สวยขึ้น ๆ ในที่สุดก็แต่งกายเป็นเทวดาสวยงามมาก ท่านลุงจึงให้เทวทูตนำไปส่งวิมานของเธอ

เมื่อเสร็จภารกิจของท่านลุงแล้ว ท่านก็หันมาพูดว่า ที่ผมไปตามคุณยามเช้าใกล้ไปธุระ ก็เพราะเจ้านี่มันเนื่องกับคุณ มันเป็นลูกศิษย์เหมือนอาจารย์ ใจบุญแต่เจ้าชู้ สาวชอบมาหาเหมือนกันคุณถ้าไม่บวชผมคิดว่าคงไปขึ้นต้นงิ้วสนุกแน่ เมื่อท่านพูดจบท่านก็อนุญาตให้กลับ กลับมาถึงที่นอนเวลา ๖.๓๐ น. สักประเดี๋ยวหนึ่งเด็กก็ขึ้นไปรับของขนลงมาเพื่อจะไปทำงานกลางวัน เป็นอันว่าจบเรื่องตอนเช้าเพียงเท่านี้

ตอนกลางวัน พ.อ.อ.ประมวล ราชอินทร์ กับ ภรรยา เอาอาหารมาเลี้ยงได้ฝากหนังสือประกาศงานของ หลวงพ่อลักษณ์ ไปให้ท่าน ท่านให้ช่วยร่างให้ หลังอาหารกลางวันมีความรู้สึกว่าเงียบเหงา ถามท่านเวสสุวรรณว่า วันนี้พอมีแขกไหม คิดว่าถ้ามีก็ลงรับแขก ถ้าไม่มีแขกจะนอนพักผ่อนให้เป็นสุข ท่านเวสสุวรรณ ท่านบอกว่ามีแขกหลายคน ถามท่านว่า คนมาด้วยศรัทธามีมาไหม ท่านบอกว่า วันนี้ทุกคนมาด้วยศรัทธาแท้เหมือนกันหมด ขึ้นไปถามท่านพ่อท่านแม่ไปถามพระ ท่านตอบเหมือนกับท่านเวสสุวรรณ เวลา ๑๓.๑๕ น. โทรไปถามที่รับแขก คุณบัญชา ตอบมาว่ายังไม่มีใครมาเลย จึงบอกว่าถ้าอย่างนั้น เวลา ๑๔.๐๐ น. จะมีคนมาหรือไม่มาก็ตาม จะลงไปที่รับแขกตามระเบียบ

ถึงเวลา ๑๓.๔๕ น. ถามไปอีกได้รับตอบว่า ไม่มีใครเลย คิดในใจว่า พระก็ดี เทวดา ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่เคยบอกอะไรผิด วันนี้ถ้าผิดก็แสดงว่าอารมณ์เราเฝือไป แต่พอถึงเวลา ๑๔.๐๐ น. ก็ลงไปที่รับแขก ปรากฏว่ามีรถยนต์จอดอยู่หลายคัน พอขึ้นไปบนที่รับแขกมีคนหลายคนมาจากกรุงเทพฯ ราชบุรี อุทัยธานี ลพบุรี แม่สอด เป็นอันว่าท่านพยากรณ์ของท่านตรง วันนี้มีคนทำบุญทั้งหมด ๒,๒๔๐ บาท เงินทำบุญที่สร้างวัดได้ ก็เป็นเงินทำบุญจากกรุงเทพฯ ที่ซอยสายลมเป็นทุนก่อสร้างหลัก รองลงมาก็เป่ายันต์เกราะเพชร รองลงมาอีกก็เป็นเงินทำบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ส่วนเงินประจำวันได้บ้างเล็กน้อยตามที่เขียนมา

วันนี้ได้รับเงินทำบุญ ๒,๒๔๐ บาท แต่สั่งเครื่องทำนํ้าแข็งแบบอนามัย ขนาดเล็ก ๑ เครื่อง ราคา ๖๕,๐๐๐ บาท เพื่อทำนํ้าแข็งถวายพระบ้าง เลี้ยงเด็กบ้าง เลี้ยงคนที่มาทำงานวัดบ้าง และเลี้ยงคนที่มาในงานวัดบ้าง เป็นอันว่าได้น้อยจ่ายมาก ยังมีเงินจ่ายเป็นรายเดือนโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและค่าอาหารอีก วันละ ๔,๐๐๐ บาทสำหรับปี ๒๕๓๑ นี้อีก เรื่องที่คุยกันวันนี้ก็มีเรื่องธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ คุยธรรมผสมเหตุการณ์ปัจจุบัน รู้สึกว่าฟังง่าย สบายใจผู้ฟัง เรื่องอื่นพิเศษมีเหมือนกัน แต่จะงดไม่คุยให้ฟังเพราะเกรงว่าจะเฟ้อไป
เวลา ๑๘.๓๐ น. พ.อ.สถาพร และ ศิริพร พงษ์พิทักษ์ เอาเงินมาให้อีก ๔,๑๐๐ บาท รวมรับวันนี้ ๖,๓๔๐ บาท รอดตัวไปได้อีกวันหนึ่ง พ.อ.สถาพร ช่วยนวดให้ เพราะเป็นหมอนวดสมัครใจบรรเทาอาการปวดเมื่อยไปมาก

วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๑

เช้าวันนี้ขอคุยเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาสักเล็กน้อย ตอนหัวค่ำ พ.อ.สถาพร มานวดให้ รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก นอนหลับสบายภาวนานิดเดียวหลับไปเลย ขณะภาวนาดูภาพพระในนิมิตในอกไม่ทันคุยอะไรหลับไป ตื่นเอา ๐๔.๐๐ น. รู้สึกสบายมาก ก่อนนอน ท่านย่า มาขอให้กินยาแก้อักเสบ และขอให้กินต่อไปอีก ๒ วัน ๆ ละ ๒ เวลา

ยานี้เป็นยาที่ หมอจรูญ และคณะปรึกษากันแล้ว ตกลงเอายาขนานนี้มาถวายเพื่อฉันแก้อาการอักเสบ เป็นยาดีมากได้ผลชะงัด เมื่อคืนขึ้นไปหาพระกลับลงมาไหว้ท่านผู้มีคุณ ก่อนขึ้นก็ขอบคุณท่านท้าวมหาราช และเทวดานางฟ้าที่ท่านสงเคราะห์ ท่านเมตตาจริง ๆ อยู่ไม่ห่าง เสร็จแล้วไปไหว้ท่านพ่อท่านแม่ แต่ก่อนขึ้น ท่านลุงทั้งสองท่านมาชวนไปบ้านของท่าน ได้บอกท่านว่า จะรีบไปไหว้พระก่อน เมื่อไปหาพระแล้วพระท่านก็บอกว่า รีบลงไปเถอะเพราะลุงมีธุระด่วนก็รีบลงมา

เมื่อมาถึงแล้ว ลุงพาไปบ้านท่าน วันนี้ทั้งสองลุงแต่งตัวสวยมาก นุ่งผ้าโจงกระเบนไหม ใส่เสื้อสวย พอไปถึงที่ทำงานท่านก็เข้าประจำที่ทำงานทันที เพราะเวลา ๐๕.๐๐ น.เศษแล้ว ท่านเรียกชายสองคนให้เข้ามาหา หัวโล้นคล้ายพระแต่ไม่ได้ห่มผ้าเหลือง เมื่อเข้ามาแล้ว ลุงแจ้งให้ทราบว่า เธอเป็นนักบวชแต่ไม่เคารพในระเบียบวินัย ไม่มีความประพฤติตามระเบียบของนักบวชไม่รู้สึกว่าบวช ทำตนเหมือนชาวบ้านที่เลว โทษของเธอคือ อเวจีมหานรก แล้วก็สั่งให้เจ้าหน้าที่นำไป

เมื่อเสร็จภาระของท่าน ท่านทั้งสองออกมาคุยด้วย ท่านบอกว่า ที่ต้องให้คุณมาเพื่อจะได้ทราบว่า นักบวชที่ลงนรกมีมาก เมื่อถามท่านว่า สองนักบวชนั้นอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อย่ารู้เลย เขาอยู่สำนักใหญ่ เรียนสูงสุด แต่ประพฤติเลวสุด คนที่ติดกระดาษบูชาเขามาก เขาเลยเหลิง ทำชั่วทุกประเภท โทษกาเมมีเป็นปกติ โทษหลอกชาวบ้าน มีเป็นปกติ ทำตัวเรียบร้อย พูดดีมีเหตุผล แต่ใจเลวที่สุด เขาไปแล้วช่างเขาเถอะ

ว่าแต่คุณเรื่องพิมพ์ดีดก็ดี บันทึกเสียงก็ดี ขอให้งดไปสองเดือน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๑ จึงจะทำได้ อาการที่ลำไส้อักเสบคราวนี้เป็นเพราะพิมพ์ดีด คราวก่อนเป็นเพราะบันทึกเสียง เป็นอันว่ายังทำไม่ได้ขอให้งดไว้ก่อน แล้วท่านก็กลับไปทำงานของท่าน

เมื่อท่านไปแล้วก็กลับมา มีเวลาเหลือ เพราะเพิ่ง ๖.๐๐ น.จึงจับอานาปา กราบพระทั้งสององค์ในกาย พระองค์ที่หนึ่ง ท่านบอกว่า ร่างกายไม่ดี พักเรื่องพิมพ์ดีดและบันทึกเสียงไว้ก่อนเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๑ จึงค่อยใช้ ท่านแนะนำให้ดูร่างกายว่ามันไม่ดี มีแต่ความสกปรก มีการพังไปในที่สุด

ต่อจากนั้นไปเข้าไปหาองค์ที่สอง ท่านบอกว่า วันนี้แขกมีหลายคน แต่ผลทางธรรมดี ปัจจัยเล็กน้อย สำหรับเรื่องปัจจัยนี้ไม่เคยคิดเพราะต้องการศรัทธา และธรรมมากที่สุด พอดีเด็กขึ้นมาขนของลงข้างล่าง ได้บอกให้ ปรีชา ไปบอก พระสุรจิต ว่าจะไปตรวจงานวันนี้ ขอให้เปิดประตูไว้ให้ด้วย

วันนี้เวลาสาย ๘.๓๐ น. ออกตรวจงานก่อสร้างมี คุณสุรจิต ผู้ควบคุมฝ่ายก่อสร้าง คุณนิรัตน์ เลาหสุรโยธิน ผู้ควบคุมงานก่อสร้างและเจ้าหน้าที่สั่งวัตถุก่อสร้าง มีคุณบัญชา คุณวิรัช เจ้าหน้าที่รับแขกและเตรียมการ การบัญชี ด.ต.ตระกูล เปาริก พลฯ วิม และ กำนันสมนึก กำนันวัดท่าซุง และ จ.ส.ต.พเยาว์ ร่วมทางไปด้วยกัน

เมื่อตรวจงานและสั่งงานเสร็จ ก็เข้าที่พัก เวลา ๙.๔๐ น. พ.ต.ท.ไพโรจน์ และภรรยา มาเยี่ยม และถวายสังฆทานเวลา ๑๐.๑๐ น.คุณพจน์ ภู่อารีย์ และ คุณลออ ภู่อารีย์ ภรรยา มาลากลับเพราะเกษียณอายุราชการ ท่านเอาอาหารมาให้ พร้อมขนมจีนนํ้าพริก ผ้าไตร เป็นต้น เวลา ๑๐.๓๕ น. ท่านลากลับ เพื่อไปถวายของแด่ท่านเจ้าคุณพระราชอุทัยกวี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี

ท่านถวายเงินไว้ ๒,๐๐๐ บาท แต่หน้าซองเป็นชื่อเจ้าคณะจังหวัด เข้าใจว่าหยิบผิดซองจึงเก็บไว้รอท่านมาทวงหรือมาเปลี่ยน ถ้าไม่ทวงไม่เปลี่ยนเกินสิ้นเดือนถือว่าเป็นของที่ท่านให้แล้ว คุณพจน์ ภู่อารีย์ เป็นผู้ว่าฯ คนแรกของจังหวัดอุทัยธานีที่เข้าถึงบ้านถึงวัด ฐานะทางบ้านท่านดีมาก ทราบว่าภรรยาซื้อขายที่ดินผู้จัดการธนาคารกรุงไทยสาขาอุทัยธานีเคยบอกให้ฟังเสมอว่า ถ้ามีการจ่ายอะไรก็ตามที่เป็นส่วนสาธารณประโยชน์ถ้าเงินไม่พอ ท่านผู้ว่าฯปิดรายการเสมอ เคยคิดว่าไม่มีข่าวโกงกิน เอาเงินที่ไหนมา เพิ่งทราบวันนี้เองว่า (๑๗ ก.ย.๓๑) ฐานะทางบ้านท่านซื้อขายที่ดินรวยมากพอสมควร

วันนี้แขกมามาก ตามที่ท่านเวสสุวรรณบอกไว้ มาจากบุรีรัมย์ ลพบุรีบ้านหมี่ กรุงเทพฯ กำแพงเพชร นครสวรรค์ อ่างทองและที่อื่นอีก จำไม่ได้สองแห่ง ทั้งหมดท่านให้เงินไว้ ๑,๗๗๐ บาท รวมของท่านผู้ว่าฯ พจน์ ภู่อารีย์ อีก ๒,๐๐๐ บาท เป็นเงินที่รับวันนี้ ๓,๓๗๐ บาท เรื่องความเป็นมาของวันนี้หมดไป มาคุยกันถึงเรื่องพระในสมัยต้นยุคพระพุทธศาสนาดีกว่า



2

คนถูกแกล้ง ไปสวรรค์

เมื่อ พระโมคคัลลาน์ ท่านทำสมาธิสบายใจแล้ว พระอรหันต์ท่านใช้เวลานาทีเดียว สมาธิและวิปัสสนา อภิญญาก็ครบถ้วน แล้วท่านก็ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปพบนางฟ้าคนหนึ่ง รูปสวย วิมานสวย สวนดอกไม้สวย ทุกอย่างสวยหมด เครื่องประดับก็สวย แสงสว่างก็มาก สว่างไสวทั่วจักรวาล ท่านจึงถามเธอว่า สมัยเป็นมนุษย์ทำอะไรไว้จึงสวยงามอย่างนี้

นางฟ้าจึงกราบเรียนท่านว่า เมื่อมีชีวิต มีสามีแต่แม่ผัวขี้เหนียวเป็นมิจฉาทิฏฐิ วันหนึ่งแม่ผัวให้อ้อยหนึ่งท่อน เวลานั้นมีพระมาบิณฑบาต เธอจึงถวายอ้อยท่อนนั้นแด่พระสงฆ์องค์นั้นด้วยศรัทธาแท้ ต่อมาแม่ผัวถามว่าอ้อยไปไหน เธอตอบว่า ถวายพระไปแล้ว แม่ผัวโกรธมาก ทุบตีเธอจนทนไม่ไหวถึงตาย ผลบุญที่ถวายอ้อยท่อนเดียวด้วยความเลื่อมใส เป็นเหตุให้มีผลตามที่พระคุณเจ้าเห็นแล้ว

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่ถูกฆ่าตายที่ชอบเรียกว่า ตายโหง ไม่ได้เป็น สัมภเวสี เสมอไป ไปสวรรค์ ไปนรก ได้เหมือนกัน เหมือนหญิงคนนี้
เวลา ๒๐.๐๐ น.เศษ นนทา โทร.มาแจ้งว่า ซองเงินของผู้ว่าฯพจน์ ภู่อารีย์ ท่านถวายเลยไม่ต้องเปลี่ยน เป็นอันว่าหมดเรื่องกันไป

วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้พอมาถึงที่ทำงาน พระเจริญ เอาเงินมาให้ ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) รู้สึกแปลกใจเธอเอาเงินมาจากไหน เพราะที่วัดท่าซุงไม่มีรายได้ขนาดนั้น สอบถามได้ความว่า มีคนมาถามเรื่องมีดหมอที่ทำแจกเมื่อคราวฝังลูกนิมิตพระอุโบสถ พ.ศ.๒๕๒๐ เธอบอกว่า มีคนเขาขอซื้อ เธอแกล้งบอกราคาแพงคือ ๑๐,๐๐๐ บาท คนนั้นเกิดเอาจริง ๆ ก็เลยต้องให้เขาไป เธอเลยเอาเงินมาให้ มีดหมอชุดนี้ไม่ขออธิบายคุณภาพ

เมื่อคืนวันที่ ๑๗ ก.ย. คืนนี้ทุลักทุเลมาก เพราะท้องปั่นป่วนมาก ทำเอานอนง่ายแต่หลับยาก เพราะมันปั่นป่วนกวนประสาท ก่อนหลับภาวนาพิจารณาตามปกติ นิมิตเกิดเห็นภาพพระ คืนนี้เห็นเฉพาะพระพุทธเจ้า เห็นในอก ๒ องค์ พระพุทธเจ้าหนึ่งองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าหนึ่งองค์ ในอกนั้นคือ พระสมณโคดม ต่อมาเห็นที่ศีรษะภายนอกอีกหนึ่งองค์ ลอยในอากาศหลายองค์ จะออกไปนมัสการท่าน ท่านบอกว่า จับลมตามสายลมเดินเพื่อหลับเถิด ทำตามท่านประเดี๋ยวก็หลับ

เวลา ๒.๐๐ น. ตื่นตามปกติ คราวนี้เข้าส้วม ออกมาจากส้วมดื่มน้ำอุ่นแล้วจะเข้านอน เสียงบอกว่าท้องจะถ่ายเลยไปส้วมอีก เมื่อถ่ายเสร็จแล้วกลับมาจะนอน เมื่อนอนในอานาปาแต่เธอไม่ยอมหลับตามที่เคยสังเกตมา ถ้าท้องมันยังจะถ่ายละก็มันจะไม่ยอมหลับ เมื่อมันไม่หลับก็ไม่กลุ้ม ภาวนาบ้างพิจารณาบ้าง ทำเพื่อกันอารมณ์ฟุ้งซ่าน เมื่อเห็นนานเข้าไม่ยอมหลับ เลยตั้งท่าออกเที่ยว

อันดับแรกซ้อมตาไม่มีเนื้อก่อน จับอานาปา จับรูปพระในอกยกตัวในอกขึ้นมากราบท่าน ขอพรจากท่าน ท่านแนะนำพอสมควร ข้อที่ท่านแนะนำที่พอจะพูดได้ก็คือ ไม่ต้องวิตกกังวลร่างกายมากนัก แต่พยายามหลีกสิ่งที่ทำให้ร่างกายสะเทือน คืออย่าพิมพ์ดีดและอย่าบันทึกเสียง จนกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นก็หันมาทางพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านแนะนำเรื่องทุน และเรื่องสุขภาพ หลังจากนั้นก็ขึ้นมาที่สมอง นมัสการ พระพุทธกัสสป และ พระพุทธทีปังกร แล้วออกไปนมัสการพระพุทธเจ้าองค์ปฐมที่อยู่บนศีรษะ แล้วนมัสการพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ในอากาศเสร็จ

แล้วไปดาวดึงส์ หาท่านพ่อท่านแม่ ไหว้ท่านแล้วลาท่านไปที่อยู่ คราวนี้ขอไปตรวจสถานที่เพราะไม่ไว้ใจร่างกาย เมื่อไปถึงแล้ว ร่างกายก็สวย เครื่องแต่งกายก็สวย ตัวเบาไม่มีนํ้าหนัก บ้านก็สวย ตรวจบริเวณสถานที่อยู่แล้วไปวิมานพระพุทธเจ้า ของท่านสวยสว่างมาก มีพระอรหันต์อยู่ที่นั่นมากพบองค์แรกคือ พระสารีบุตร พระมหากัสสป และยังมีอีกมาก นมัสการพระพุทธเจ้า นมัสการพระอรหันต์แล้ว นั่งฟังพระพุทธโอวาทพอได้เวลาสมควรก็กลับที่อยู่ เมื่อมาถึงที่อยู่ปรากฏว่าพระสารีบุตรท่านตามมา ท่านแนะนำเรื่องผลการปฏิบัติ ตอนหนึ่งท่านบอกว่าอะไรก็ตาม เมื่อยังไม่ถึงกำหนดก็ยังไม่ได้ เมื่อถึงกำหนดแล้วได้เองทุกอย่างไม่ต้องเร่งรัด ทำไปตามสบาย ๆ

ท่านอธิบายถึง อภิญญา และปฏิสัมภิทาญาณว่า ที่ท่านได้กันไม่ใช่เร่งรัดจนเหนื่อย เมื่อจิตสะอาดสมควรได้แล้ว แต่เวลายังไม่ถึงก็ไม่ได้ พอเวลาถึงมันปรากฏเอง ท่านแนะนำแล้วท่านก็กลับไป ตอนนี้ชักสงสัยว่า เวลานี้สอนตอนกสิณ มีใครเร่งรัดอยากมีฤทธิ์กันบ้างหรือเปล่า ถ้าอยากมีฤทธิ์กัน ก็รักษา ทาน ศีล ภาวนา ให้ปกติ ระวังนิวรณ์ห้า อย่าเป็นทาสมัน แต่อย่าอยากได้เกินไป ทำเพื่อจิตเป็นสุขแล้วเมื่อถึงเวลาฤทธิ์จะมาเอง



3

ดูหมู่บ้านจัดสรร

หมู่บ้านจัดสรรนี้อยู่ที่นิพพาน เมื่อพระสารีบุตรท่านกลับก็นั่งเล่นสบายใจคนเดียว อารมณ์ไม่มีกังวล สุขเยือกเย็นสบายมากดูรอบ ๆ ตัวเป็นสุขมาก อาคารมีสามหลัง นั่งหลังโปร่ง เรือนพักฤดูร้อนของเมืองมนุษย์พักอยู่สักครู่หนึ่ง ก็มีสาวสวยโผล่เข้ามาคนแรกคือ แม่ศรี มาในชุดหญิง เธอมานั่งใกล้ ๆ เข้าใจว่าแกล้งยั่วจึงบอกว่า แม่ศรี เปลี่ยนเป็นชุดนิพพานเถอะ ชุดหญิงนี้ไร้ค่าเสียแล้วอารมณ์ไม่เกิด เธอเปลี่ยนทันที ชุดนี้มองแล้วสุขใจ เพราะชุดนิพพานหรือชุดพรหม ไม่มีหญิง ไม่มีชาย มีแบบพิเศษคือ แบบพรหมหรือแบบนิพพานโดยตรง จะเรียกว่าชุดกะเทยก็ไม่ใช่ เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งนั้นไม่มีเพศ

ต่อมาเมื่อนั่งคุยกันครู่หนึ่ง ออกเดินจะไปหมู่บ้านจัดสรร พบ คุณอ๋อย คุณบุญช่วย มาในรูปเดิมจึงบอกว่าชุดกระสอบทรายนี่เลิกใช้เสียเถอะ มาในรูปปกติเถอะฉันรู้จัก ไม่ต้องใช้ชุดกระสอบทรายต่อไป ทั้งสองท่านก็เปลี่ยนเป็นชุดประจำถิ่นไปดูหมู่บ้านจัดสรรสวยจริง ๆ แพรวพราวทุกหลัง ถนนเรียบสวยเหมือนแก้ว หรือเพชรสะท้อนแสง อาทิตย์ ที่ประทับใจมากก็คือ มีบ้านว่างสร้างใหม่มากมาย เจ้าของยังเซ้งบ้านเก่าให้สัปเหร่อไม่ได้ บ้านใหม่จึงยังว่างคนอยู่มากมายเหลือเกิน นับได้เป็นแสน ๆ หลัง ดีใจคิดว่าต่อไปคนจะมีความสุขเยอะ

เมื่อได้เวลาก็กลับมาพบ ท่านสหัมบดีพรหม ท่านพาเข้าที่ประชุมผู้มีคุณ คุยกับท่านเล็กน้อยก็ลาท่านกลับมาหาร่างเหยื่อสัปเหร่อเห็นมันนอนไม่หลับ ก็ไม่ได้สนใจในมัน มองดูเวลา ๓.๒๐ น. พอจะหวนขึ้นไปอีกเสียงบอกว่า ประเดี๋ยวจะหลับอย่าไปเลย ถูกเตือนแบบนี้สองครั้ง เวลา ๓.๓๕ น. เข้าถ่ายท้องที่ส้วม ออกมาคราวนี้หลับตื่นเวลา ๖.๐๐ น. จบกันที แต่ท้องปั่นป่วนมาก ท้องมันผูกขี้ไม่ออก

วันนี้เวลาบ่าย ๑๓.๓๐ น. ลงรับแขก เป็นวันอาทิตย์ผู้คนมามาก วันนี้มากไปด้วยชาวกรุงเทพฯ คนต่างจังหวัดมีเล็กน้อยเช่น สุพรรณบุรี นครสวรรค์ นครนายก เป็นต้น รับเงินบำเพ็ญกุศลทั้งหมดวันนี้ ๑๓,๐๕๐ บาท รวมทั้งที่พระเจริญถวายตอนเช้า ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินรับวันนี้ทั้งสิ้น ๒๓,๐๕๐ บาท

วันนี้แจกเครื่องแต่งกายนักเรียน โรงเรียนชุมชนบ้านท่าซุง โรงเรียนชั้นประถมของรัฐบาลจำนวน ๒๓๔ คน รวมเป็นเงิน ๑๘,๕๐๐ บาท เป็นเงินที่ท่านสาธุชนให้มาเพื่อการศึกษา เด็กชั้นประถมนี้วัดไม่ได้ควบคุม ท่านที่มาอาจจะเห็นว่า มารยาทต่างจากโรงเรียนมัธยม (คือโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา) มาก เพราะวัดควบคุม นักเรียนชั้นประถมที่มารับเสื้อผ้านี้ แกคุยกันเสียงดังกลบเสียงพูด จนต้องใช้เครื่องขยายเสียงบอกให้เธอหยุด เธอยังไม่หยุดแสดงว่าครูใจดีมากเกินไป ปล่อยเป็นอิสระไม่เลือกสถานที่ ควรอบรมผู้ควบคุมเสียใหม่จะดีมาก ส่วนโรงเรียนของวัดคือโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา สุภาพเรียบร้อย สงบ สงัด มากกว่าเยอะเมื่อรวมตัวกันแบบนี้ ถ้าคุยกัน นั่นแสดงว่าถูกลงโทษแน่ มารยาทสมัยเก่าดีกว่าสมัยใหม่เยอะ

ขอขอบคุณคณะพระประแดง ที่ยกคณะมาลอกสระที่ตึกกลางน้ำ ถกหญ้าที่แสนจะลำบากมันรกมาก ทำตั้งแต่วันเสาร์ ถึงบ่ายวันอาทิตย์ วันเสาร์เลิกค่ำ วันอาทิตย์เริ่มแต่เช้าตรู่ มาด้วยกันทั้งหมด ๔๐ คนเศษ ออกค่ารถกันเอง เอาอาหารมารับประทานเอง วัดไม่ได้จ่ายอะไรเลย ทำอย่างนี้เป็นเวลาแรมปีแล้ว สระรกเมื่อไรมาเมื่อนั้น ท่านดีจริง ๆ ขออนุโมทนา และขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

การสนทนาในวันนี้ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร มีคนมาแจ้งว่าถูกกระทำสองราย มาขอของป้องกันและขอให้รักษา การรักษาไม่มีความรู้ การป้องกันพอไหว แต่ผู้รับของไปต้องมีใจมั่นคง ถ้าจิตใจไม่มั่นคงก็ป้องกันไม่ได้เหมือนกัน เปรมจิต มาจากนิวซีแลนด์ เธอมาวัดตั้งแต่วันเสาร์ กลับวันอาทิตย์ คือวันนี้ เธอเดินมาชมวัดเสียเหนื่อย ไม่ทราบว่านับส้วมไปครบหรือไม่ เธอตั้งใจจะสร้างห้องกรรมฐาน ๑ ห้อง ๕๐,๐๐๐ บาท

วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๑ ขอคุยกันในเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนวันที่ ๑๘ ก่อน เมื่อเสร็จภารกิจในเวลากลางคืน มองดูเวลา ๒๓.๐๐ น.เศษ ก็ออกจงกรม วันนี้ร่างกายค่อยดีขึ้น พอคล่องตัวบ้างแต่ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะทางท้องยังผูกมาก เมื่อเวลา ๒๔.๐๐ น.เศษ เลิกจงกรมเข้าที่นอน กินยาช่วยหลับแต่ทว่ามันไม่ยอมหลับ คืนนี้อาการแปลกมาก เพราะตามปกติเวลาเท่านี้อยากหลับคืนนี้ใจโพรง แม้ยาออกฤทธิ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อมันไม่หลับก็ภาวนา

เมื่อภาวนาก็หวังทรงอารมณ์เฉย ๆ ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักสองนาที อารมณ์รู้ก็เกิดขึ้นมีความรู้สึกว่าพระใหญ่ท่านมาและมาหลายองค์ ในขั้นแรก กดอารมณ์เห็นไว้คิดว่าทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็กลับคิดไว้ว่า อาการอย่างนั้นไม่สมควรคนก่อนตายถ้าเห็นพระแล้ว อย่างเบาตายแล้วไม่ไปอบายภูมิ เราไม่ควรตัดความดีและความเมตตาของพระท่าน จึงปล่อยอารมณ์ตามสมควร อารมณ์เห็นก็เกิดขึ้น เห็นพระท่านลอยอยู่หลายองค์สวยงามสว่างไสวแพรวพราวเป็นระยับมาก วันนี้รู้และเห็นเฉย ๆ ไม่ได้พูดคุยกับท่าน

เมื่อภาพพระลอยอยู่นานพอสมควรและท่านหายไปแล้ว ภาพหญิงก็เกิดขึ้นคนหนึ่งอายุประมาณ ๔๐ ปี อีกคนหนึ่งคราวแม่ของเธอ เนื้อเต็มพองาม ถามเธอว่า เธอคือใคร เธอตอบว่า ฉันเอง จำเสียงได้เพราะรูปร่างไม่เหมือนวันก่อน ๆ ถามเธอว่า รูปร่างแบบนี้เหมือนสมัยไหน เธอตอบว่า เหมือนสมัยเชียงใหม่ (พรรณวดีศรีโสภาค) ถามเธอว่า อายุ ๕๐ สวยขนาดนี้ สมัยเมื่อเตรียมการแต่งงานสวยขนาดไหน เธอก็ทำภาพให้ดูภาพเป็นอีกทรงหนึ่ง สวยเย็นตามาก

อีกคนหนึ่งคือ ท่านแม่ ถามท่านว่า ท่านมาธุระอะไร ท่านบอกว่า มาช่วยให้หลับ แสดงว่าคืนนี้คงหลับไม่สะดวก เมื่อคุยกับท่านกลิ่นหอมเต็มห้องไปหมดหอมแรงมาก มีอารมณ์ติดขัดขึ้นมาวูบหนึ่งคิดว่า อาการที่ถึงเวลานอนแล้วนอนไม่หลับ ท่านท้าวมหาราชเคยบอกว่า อาจมีอันตรายก็ได้ท่านเลยทำให้ไม่หลับ เพื่อความคล่องตัวในการหลบหลีก คิดว่าเราป่วยและแก่ด้วย ถ้าอันตรายเกิดขึ้นเราจะทำอย่างไร แต่คิดแล้วก็ปลงตกว่า เมื่อมันเป็นกฎของกรรมบวกกับกฎของคนแก่ และรวมกับเราป่วย เราก็ไม่หลบเราไม่หนี ไม่ว่าอันตรายแบบไหนจะเกิดขึ้นเราจะอยู่ตรงนี้ และเราอาจจะตายตรงนี้

เมื่อคิดเท่านี้ภาพท่านท้าวมหาราชและคณะก็ปรากฏขึ้น วันนี้ท่านใหญ่โตมาก เข่าของท่านสูงเลยหัวฉันขณะยืนมาก เวลาผ่านไป ๒.๐๐ น.เศษ รู้สึกปวดท้องนิด ๆ จึงไปส้วม ตอนนี้ถ่ายมาก เมื่ออุจจาระออกเลยง่วงนอนทันที เจ้าขี้นี่มันแกล้งไม่ให้หลับได้เมื่อมานอนก็หลับ ตื่นขึ้นเมื่อเวลา ๓.๐๐ น. นอนต่อ ตื่น ๖.๐๐ น. พอดี คืนนี้เห็นลุงท่านมาในขณะที่ท่านแม่มาคุย ลุงเป็นลูกชายคนโตของแม่ ที่เรียกลุงนั้นเรียกนำลูก ความจริงแล้วท่านเป็นพี่ชาย สำหรับนายบัญชีนั้นท่านเป็นลุงจริง ๆ ท่านเป็นพี่ชายของพ่อ

เรื่องของวันที่ ๑๙

ตอนเช้าเพลียมากนอนไม่อยากตื่น ท้องปั่นป่วน เลยเขียนหนังสือระงับความเครียดของประสาท มองดูเวลา ๑๐.๐๐ น. แล้วพักไว้ก่อนตอนเย็นเขียนใหม่
หลังอาหารกลางวันแล้ว เข้าที่พักเพื่อลงรับแขกตามปกติ เมื่อว่างงานจิตก็มีกังวล จึงหางานให้จิตทำคือนึกถึงพระไตรปิฎกด้วยเมื่อคืนวันที่ ๑๘ หลับยาก จึงเอาหนังสือพระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ มาอ่าน พอดีไปพบเรื่องที่ถูกใจเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง เทวดากบ เรื่องมีมาในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ หน้า ๗๔ ดังนี้



4

บัณฑุเทพบุตรวิมาน

ขอให้นามว่า กบเทวดา หรือ เทวดากบ ตามบาลีท่านว่าพระพุทธเจ้าตรัสถามเทวดากบว่า นั่นใครมีผิวพรรณสวยงามมาก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์และยศสว่างทั่วจักรวาล ไหว้เท้าทั้งสองของตถาคตอยู่

เทวดากบกราบทูลว่า เมื่อชาติก่อนข้าพระองค์เป็นกบเที่ยวหาอาหารอยู่ในถ้ำ เมื่อข้าพระองค์ฟังธรรมของพระองค์อยู่ คนเลี้ยงโคได้ฆ่าข้าพระองค์ ข้าพระองค์ตายจากความเป็นกบไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวรรณะ ยศ ฤทธิ์ เยี่ยงนี้ เพราะมีจิตเลื่อมใส ฟังธรรมะของพระองค์เพียงครู่เดียว สำหรับท่านที่มีโอกาสฟังนาน ๆ มีหวังไปนิพพานสิ้นทุกข์ เป็นดินแดนสิ้นโศก สิ้นความเร่าร้อนพระเจ้าข้า

เป็นอันว่าเรื่องนี้ยืนยันว่า สัตว์เดรัจฉานก็ทำบุญได้ ตามที่นักเทศน์ชอบเทศน์กันว่า เทวดา พรหม สัตว์ ทำบุญไม่ได้ เป็นอันว่าท่านลืมอ่านพระไตรปิฎกที่เขียนมาแล้วนี้ ซึ่งเขียนตามบาลีในพระไตรปิฎก ต่อเติมเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความชัด ต่อนี้ไปเป็นตอนหนังสืออ่านเล่น เชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้สาระคงไม่มีอะไรมากนัก

เมื่อกินข้าวเสร็จนอนคอยเวลา จึงนึกถึงเทวดากบท่าน คิดว่าท่านเป็นกบ ท่านเป็นเทวดาได้ เราเป็นคนลำบากเกือบตายสู้กบไม่ได้ อยากจะทราบว่าท่านนิพพานแล้วหรือยัง ถ้ายังท่านมีวิมานและทิพยสมบัติเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงท่านก็ปรากฏทั้งกายทั้งวิมาน ท่านทำให้เห็นชัดเท่าเห็นคนธรรมดา ท่านสวย วิมานก็สวย แสงสว่างก็มากแต่ท่านไม่สวมชฎา จึงถามท่านว่าทำไมจึงไม่สวมชฎา ท่านบอกว่าท่านมาหาพระ ท่านไม่รีบกลับจึงไม่สวมชฎา ขอให้ท่านสวมชฎา

เมื่อชฎาปรากฏบนศีรษะ ไม่ได้หยิบสวมเหมือนคนปรากฎขึ้นเอง ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง แล้วชฎาก็สลายไป ถามท่านว่า เมื่อถูกคนเลี้ยงโคแทงแล้วตายทันทีหรือเปล่า ท่านบอกว่ายังไม่ตาย เขาเอาเหล็กแทงเอาเชือกร้อยแล้วลากไปกับพื้นดิน เพราะเขาหากบต่อไป มันเจ็บปวดที่สุด เมื่อถึงบ้านเขาวางตากแดดไว้ที่ชานบ้าน มันเจ็บปวดแล้วร้อนแดดเพิ่มเข้าอีก ในที่สุดก็ตาย ทุกข์มากเหลือเกิน

ถามท่านว่า เมื่อมาเป็นเทวดาแล้วคิดอยากเกิดเป็นกบหรืออยากเกิดเป็นมนุษย์อีกไหม ท่านยิ้มแล้วตอบว่า ไม่อยากเกิดเป็นอะไรเลยครับ มนุษย์ก็ทุกข์ สัตว์ก็ทุกข์ แม้เทวดา ผมก็ไม่อยากเป็นอีก อยากไปนิพพาน ถามท่านว่า ท่านฟังเทศน์สมัยพระพุทธเจ้าเป็นเทวดาแล้วได้ฟังต่ออีกไหม ท่านบอกว่า ฟังอีกหลายครั้ง ถามท่านว่า เป็นพระโสดาบันหรือยัง ท่านบอกว่า เวลานี้ผมเป็นพระสกิทาคามีผลขอรับ คนถามหน้าแหงเลย เพราะความโง่คิดว่าเทวดาโง่เท่าตัวเอง

เมื่อถามว่า เพราะกรรมอะไรจึงเกิดเป็นกบ ภาพที่ปรากฏก็คือ ท่านเองเป็นชายสูงโปร่ง ผิวดำเป็นลูกชาวนา เมื่อไถนาเสร็จแล้วก็เที่ยวหากบ ได้แล้วก็เอาเหล็กแหลมแทง ร้อยเชือกลากกบไปเหมือนที่เขาทำกับท่าน ท่านบอกว่าเศษบาป ผมยังชำระไม่หมด ถ้าไปเกิดใหม่ต้องชำระหนี้อีกมากจึงอยากจะไปนิพพานเลย

เมื่อคุยกับกบเทวดาสักครู่หนึ่ง ท่านย่า กับ แม่ศรี ก็มาท่านรู้จักกับเทวดากบดี ท่านเทวดากบเคารพท่านย่าและแม่ศรีมาก แม่ศรีบอกว่า เทวดากบเคยเกิดเป็นลูกมาหลายชาติ ท่านนึกกันออกรู้ได้เหมือนกันทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายผู้เขียนสบายใจมาก เพราะไม่รู้เรื่องเลย เวลาเดียวกันนั้น ลุงพุฒ มา ท่านมาคนเดียว แต่งตัวสวยในชุดสอบสวน ท่านมาบอกว่าคุณไปบ้านผมหน่อยซิมีเรื่องด่วน แต่ขอให้ไปในรูปนอก เพราะถ้าไปเฉพาะรูปใน พวกรอการสอบสวนเขาเห็นยาก จึงถามท่านย่า แม่ศรี เทวดากบ ไปพร้อมกันไหม ท่านก็ไปด้วยกัน

เมื่อไปถึงเห็นในห้องสอบสวน มีคนทั้งหญิงและชาย ๓๐ คนอยู่ในห้องสอบสวน แปลกใจเพราะเคยเห็นคนเดียวสอบสวนทีละคน แต่คราวนี้ทำไมมาก เมื่อเขานั่ง พวกนั้นพากันกราบ ตอนนี้แปลกอีก คนที่ถูกสอบสวนไม่เคยทำอะไรได้เลย ลุงท่านบอกว่า พวกนี้สอบสวนเสร็จแล้วครับ ให้คอยคุณอยู่เพราะพวกนี้ก่อนตายเขาทำบุญกับคุณไว้มาก ไม่เคยเห็นตัวจริงคุณเลยเห็นแต่รูปถ่าย ไม่เคยถวายของกับตัวท่าน แต่เขาส่งถวายทางธนาณัติเหมือนกันทุกคน เป็นคนในกรุงเทพ ๓ คน คนอีสาน ๑๐ คน คนภาคกลาง ๑๗ คน

เมื่อทำบุญแล้วเขาบูชาพระเขาขอให้ผมเป็นพยาน ผมก็เป็นพยานให้ไม่ต้องสอบสวน พวกนี้ไปชั้นยามา ๒ คน เพราะชอบสวดมนต์ สมาธิทำเหมือนกันแต่ยังไม่กระดิกหู ไปดาวดึงส์ ๘ คน นอกนั้นอยู่ชั้นจาตุมหาราช เมื่อท่านลุงให้คนทั้งหมดเข้ามาหาแล้ว และเสร็จจากการสนทนากันเล็กน้อยก็กลับมาที่อยู่ คราวนี้แปลกหน่อยไปทั้งเปลือก

อย่าลืมว่าตอนนี้เป็นตอนอ่านเล่นนะอย่าโมเมเกินไป ขออนุโมทนาท่านผู้เมตตา บำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนาทุกท่านขอทุกท่านจงมีความปรารถนาสมหวัง ตามที่ทุกท่านปรารถนาทุกประการ ดังนี้

๑. พระมีชัย วัดท่าซุง ทำบุญซ่อมพระพุทธรูป และสร้างรถยนต์ธรรมทาน ๒,๐๐๐ บาท
๒. คุณโยม สุกิจ - พจน์ ดิลกโกมล ถวายน้ำหวาน ๒ ลัง ของอย่างอื่นอีกมากสองท่านนี้เป็นศิษย์ หลวงพ่อลักษณ์ ถวายเงินเพื่อสังฆทาน และวิหารทาน รวม ๕,๕๐๐ บาท
๓. คุณวัฒนา สุขมณี คุณอำไพ สังข์แก้ว คุณวิไลพร ชำนาญรบ ร่วมกันถวายเงินสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕,๑๐๐ บาท
๔. คุณสุจินต์ สถิรบุตร สัตหีบ ถวายเงินร่วมสังฆทานและวิหารทาน ๒,๐๐๐ บาท
๕. ท่านที่บริจาคโดยไม่แจ้งชื่อหลายท่านรวม ๑,๘๖๓.๗๕ บาท
๖. ถวายเป็นค่ายารักษาโรคไม่ออกชื่อ ๑,๖๐๐ บาท
๗. มีผู้ถวายเงินตราต่างประเทศ เงินดอลล่าร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทย ๒,๘๗๕ บาท
รวมรับเงินวันนี้ทั้งหมด ๒๐,๙๓๘.๗๕ บาท

วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๑ ขอพูดเรื่องคืนวันที่ ๑๙ ก่อน คืนนี้เป็นคืนที่สองที่ง่วงนอนตั้งแต่ ๒๒.๐๐ น. พอนอนกลับใจสว่างไม่ยอมหลับ คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็พอดีฟังวิทยุเสียงตำรวจพูดกันว่าน้ำท่วมมีคนตายที่ อ.บ้านไร่ ขอเรือท้องแบน และที่ปากช่องน้ำบนเขาใหญ่บ่าลงมา ทำให้น้ำบนถนนสูงมาก ขนาดรถเก๋งยังลอยไปตามกระแสน้ำเมื่อฟังแล้วก็หนักใจ ขณะที่เขียนอยู่นี้วิทยุแจ้งว่ารถโดยสารแน่นไปด้วยผู้โดยสาร เพราะรถไฟตกรางเนื่องจากน้ำท่วม ข่าวจากนครสวรรค์ รถในขบวนที่ตกราง มี ๒๐ คัน ข่าวเวลา ๐๗.๓๐ น. ของวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๑

เวลานี้ผู้เขียนเองก็ป่วยมาเป็นปีที่สอง เรื่องกองทุนไม่ได้บอกบุญไว้ เพราะผู้จัดคือผู้เขียนบันทึกนี้ป่วยเลยไม่มีอะไรช่วยได้ สิ่งที่มีอยู่บ้างก็ช่วยในยามปกติหมด
เรื่องนอนผิดปกติเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องมีเรื่องที่ต้องสัมพันธ์ถึงเกิดขึ้น เมื่อวันที่ ๑๙ โยมปิ่น มาคุยเรื่องถูกนักบวชเลวทำไสยศาสตร์ต้องต่อสู้กัน นักบวชประเภทนี้ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย เป็นเรื่องเลวมาก แต่ก็ยังมีคนสนับสนุนคนพวกนี้ มาคุยกันตามพระสูตรดีกว่า

ก่อนคุยเรื่องพระสูตรขอแจ้งว่า เมื่อคืนวันที่ ๑๙ ก่อนหลับเห็นพระตามปกติ เมื่อนอนไม่หลับก็อ่านพระไตรปิฎก เวลา ๒๔.๐๐ น.เศษ จึงหลับ ก่อนหลับหรือตอนนอนใหม่ ๆ เห็นพระตามปกติจะอธิบายให้ฟังเกรงว่าจะรำคาญ..!

◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 18/6/10 at 04:39 [ QUOTE ]


5

พระสารีบุตรถวายทาน ๑

คืนหนึ่ง พระสารีบุตร ไปแดนเปรต พบเปรตหญิงคนหนึ่งซูบผอมหิวโหยมาก ท่านจึงถามว่า เมื่อเป็นมนุษย์เธอทำความชั่วทางกาย วาจา ใจ อย่างไรหรือ จึงอดอยากหิวโหยอย่างนี้ เปรต กราบเรียนว่า เมื่อเป็นมนุษย์ไม่เคยให้ทานเลย จึงเกิดมาเป็นเปรตอดอยากอย่างนี้ ถ้าพระคุณเจ้าจะสงเคราะห์ โปรดถวายทานแด่พระสงฆ์แล้วอุทิศให้ฉัน ฉันจะมีความสุข มิฉะนั้นฉันจะต้องทุกข์อย่างนี้ไป ๕๐๐ ปี

พระสารีบุตร รับจะสงเคราะห์เธอ รุ่งขึ้นจึงถวายข้าวหน่อยหนึ่งประมาณเท่าฝ่ามือ น้ำหนึ่งขัน ถวายแด่พระรูปหนึ่ง แล้วอุทิศให้เธอ เมื่อท่านอุทิศแล้ว รูปกายเธอสวยทันที มีวิมานสวย มีเครื่องแต่งกายมากมายเธอเข้ามาหาพระสารีบุตร ด้วยภาพของนางฟ้าที่สวยงาม พร้อมเครื่องประดับแพรวพราว
พระสารีบุตร ถามเธอว่า เธอมาจากไหน วิมานสวย เครื่องประดับสวย รูปสวย เธอทำบุญอะไรไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์

เธอตอบว่า ฉันเป็นหญิงเปรต ที่พระคุณเจ้าไปพบที่แดนเปรตเมื่อคืนวานนี้ และเมื่อเช้านี้ พระคุณเจ้าได้ถวายทานแด่พระสงฆ์รูปหนึ่ง ด้วยข้าวฝ่ามือหนึ่ง น้ำขันหนึ่ง อุทิศส่วนกุศลให้ฉัน ด้วยบุญเพียงเท่านี้ เป็นเหตุให้ฉันมีรูปเป็นทิพย์ มีวิมานทิพย์ที่สวยงามมีเครื่องประดับอันเป็นทิพย์เจ้าค่ะ เมื่อกราบเรียนแล้วเธอก็ลากลับไป

เรื่องนี้แสดงว่า การให้ทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ถ้าผู้ให้บริสุทธิ์คือมีศีล สมาธิ ปัญญา ดี วัตถุทานบริสุทธิ์ คือของที่หามาได้โดยชอบธรรม ผู้รับบริสุทธิ์เป็นพระอรหันต์ มีผลสมบูรณ์แบบนี้ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งย่อหย่อนผลที่จะพึงได้ ก็บรรเทาเบาบางลงไปบ้าง แต่คิดว่าไม่ไร้ผลเสียเลย แต่ถ้าให้แก่คนไร้ศีล จะอยู่ในเพศไหนก็ตามไม่ให้เลยดีกว่า เพราะไม่มีอานิสงส์ให้ผู้รับ การถวายทานกับพระ ไม่จำกัดว่ามีของมากหรือของน้อยมีอานิสงส์ทั้งหมด เว้นไว้แต่พระที่รับไม่มีศีล ถ้าเป็นอย่างนั้นท่านไม่มีผลแน่นอน จากพระไตรปิฎก เล่ม ๒๖ หน้า ๑๕๙



6

พระสารีบุตรช่วยมารดา ๒

จากพระไตรปิฎก เล่ม ๒๖ หน้า ๑๖๑

เมื่อพระสารีบุตรท่านเจริญพระกรรมฐานเป็นที่สบายอารมณ์แล้ว ท่านไปแดนเปรตเห็นหญิงเปรตคนหนึ่งผอมมีแต่ซี่โครง เปลือยกายมีเส้นเอ็นสะพรั่ง ท่านจึงถามว่า เธอเป็นใคร การถามแบบนี้จะเห็นว่าแปลกจากเรื่องก่อน แสดงว่าท่านทราบว่าเปรตนั้นเป็นใคร แต่ระเบียบของพระรู้แล้วต้องทำเป็นไม่รู้ ระเบียบนี้พระพุทธเจ้าทรงใช้เป็นปกติ

เปรตตอบท่านว่า เมื่อก่อนฉันเป็นมารดาของท่าน ในชาติอื่นที่ผ่านมาแล้ว ๑๐๐ ชาติ เวลานี้ฉันหิวมาก มีความกระหายในอาหารเมื่อความหิวเกิดขึ้นก็กินน้ำลาย เสมหะ น้ำมูก ที่เขาถ่มทิ้ง กินไขมันเหลวจากซากศพที่เขาเผา กินโลหิตของหญิงทั้งหลายที่คลอดบุตร เป็นต้น ลูกเอ๋ยลูกจงให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้แม่บ้าง แม่จะได้เลิกหิวเสียที

พระสารีบุตรท่านตั้งใจจะช่วยมารดา เมื่อท่านรับรองว่าจะช่วยแล้วท่านก็มาปรึกษากับ พระโมคคัลลาน์ พระอนุรุธ พระกัปปินะ หรือที่ชาวบ้านหรือพระนักเทศน์เรียกว่า พระกบิน ท่านทั้งหมดช่วยกันสร้างกุฏิ ๔ หลัง ในสี่ทิศ (สร้างกุฏิเพิงหมาแหงน) และถวายข้าว น้ำแด่พระสงฆ์

(ในที่บางแห่งท่านบอกว่า ถวายข้าวหยิบมือหนึ่ง กับข้าวหยิบมือหนึ่ง ใส่ใบไม้ และน้ำหนึ่งฝาบาตร ผ้ากว้างคืบ ยาวคืบ หนึ่งผืน) และสร้างกุฏิเพิงหมาแหงน ถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานและวิหารทาน แล้วร่วมกันอุทิศส่วนกุศลให้มารดาพระสารีบุตร (มารดาคนนี้เคยเป็นมารดาท่านพระสารีบุตรเมื่อร้อยชาติที่แล้วมา ไม่ใช่มารดาในชาติปัจจุบันของท่าน ซึ่งก่อนตายท่านเป็นพระโสดาบัน)

เมื่ออุทิศแล้ว อานิสงส์ถวาย ข้าว และ น้ำ ทำให้เธอได้ร่างกายที่เป็นทิพย์ ผ้า เป็นเหตุให้เธอได้เครื่องประดับที่เป็นทิพย์ เพิงหมาแหงน เป็นเหตุให้เธอได้วิมานที่สวยงามมาก น้ำหนึ่งฝาบาตร เป็นเหตุให้เธอได้สระโบกขรณี เมื่อยามราตรีเธอก็ปรากฏกายพร้อมทั้งวิมานและสระโบกขรณีให้พระโมคคัลลาน์เห็น พระโมคคัลลาน์ถามเธอว่า เป็นใคร เธอตอบว่า ฉันคือมารดาพระสารีบุตรที่เป็นเปรต ที่พระสารีบุตรถวายสังฆทานและพระคุณเจ้าช่วยกันสร้างกุฏิถวายสงฆ์แล้วอุทิศให้ แสดงว่า คนฉลาดรู้จักทำบุญไม่ต้องสิ้นเปลืองมากก็ได้รับอานิสงส์สูง เมื่อให้เขา เขาได้รับ เราผู้ทำก็มีผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ใครก็ตามมีผลไม่บกพร่อง



7

ผลของทาน

๑. อาหาร เป็นเหตุให้ได้ร่างกายเป็นทิพย์ ถ้ามาเกิดเป็นคนอีกเป็นเหตุให้มีร่างกายที่ได้ส่วนที่สวยงาม
๒. ผ้า เป็นเหตุให้ได้รูปร่างที่สวยงาม มีเครื่องประดับคือเครื่องแต่งกายสวย และมีมาก
๓. ถวายพระพุทธรูป เป็นเทวดาหรือนางฟ้า พรหม มีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าเกิดเป็นคนจะมีรูปสวย ผิวสวย ส่วนของร่างกายครบบริบูรณ์ สวยงามมาก

การถวายเงิน ร่วมแม้แต่เพียงเล็กน้อย ตั้งใจร่วมการก่อสร้างจะมีวิมานสวย เกิดเป็นคนก็มีบ้านสวย มีคนให้ไม่ต้องสร้างเอง การถวายสังฆทาน ถ้ามีทรัพย์ไม่มาก จะถวายเงินหนึ่งบาทหรือสองบาทก็ได้ แจ้งแก่พระว่าถวายสังฆทานและวิหารทาน เท่านี้มีผลเลิศ หรือมีอาหารเล็กน้อย ตั้งใจถวายเป็นสังฆทานได้เลยเช่น ซื้อแกงมาหนึ่งถ้วย ข้าวหนึ่งถ้วย น้ำเล็กน้อย ถวายพระที่กำลังฉันหรือก่อนฉัน เท่านี้เป็นการถวายทานแก่พระมีผลมาก ถ้าถวายพระในวัดจะมีกี่องค์ก็ช่าง ท่านฉันรวมกันอย่างนี้ เป็นสังฆทานมีอานิสงส์เลิศ

วันนี้ เวลา ๑๓.๓๐ น. ลงรับแขกตามปกติ ร่างกายอิดโรยมาก เพราะอดนอนมาสองคืน ฝนตกหนักตอนกลางคืน วิทยุตำรวจแจ้งว่า ที่อำเภอบ้านไร่ น้ำท่วม มีคนตาย วิทยุประเทศไทยตอนหกโมงเช้าแจ้งว่าที่ปากช่องน้ำท่วมสูงมาก และน้ำไหลแรงมากขนาดรถเก๋งน้ำยังพัดลอยไปติดกำแพง วิทยุตำรวจแจ้งว่า รถไฟที่นครสวรรค์ตกราง เหนือตาคลี รถไฟตกราง วันนี้เป็นวันอังคารดูทุกอย่างเต็มไปด้วยความร้ายแรง เข้าใจว่า ทำไมนอนไม่หลับ เพราะถ้ามีเรื่องอะไรผิดปกติ มันจะนอนไม่หลับตามเวลา เป็นอันว่าเรื่องนี้ผ่านไป

เมื่อลงไปรับแขก เห็นรถแท๊กซี่จากกรุงเทพฯ หนึ่งคันจอดอยู่ เมื่อขึ้นไปที่รับแขก พบชาวนครศรีธรรมราช ๔ คน กรุงเทพฯ ๒ คน คนกรุงเทพฯ เป็นคนพามาถามได้ความว่า มาเพราะข่าวเขาลือกันมาเดินชมวัดแล้วแวะขอพร ในที่สุดเธอถวายพวงมาลัยสองพวง

คณะที่สอง เป็นชาวกรุงเทพฯ สามคน ถวายเงินสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ บาท
คณะที่สาม เป็นชาวระยอง พรรคพวกท่านผู้ใหญ่ วัดเขาไพร ท่านผู้ใหญ่เป็นทายกวัดเขาไพรบอกให้มาแวะหาหลวงพ่อให้ได้ ความจริงคณะนี้พาหนุ่มไปหมั้นสาวที่ตลาดอำเภอหนองฉาง ถวายเงินไว้ ๒,๔๓๐ บาท
คณะที่สี่ ชาวพิษณุโลก ๒ คน มารักษาศีลเจริญกรรมฐาน อายุยังน้อย ถวายสังฆทานและถวายเงินไว้ ๒๐๐ บาท รวมรับเงินวันนี้ทั้งสิ้น ๓,๑๓๐ บาท

ขออนุโมทนาทุกท่านจงมีความสุขปรารถนาสมหวัง รวยมาก ๆ ด้วยกันทุกคนเถิด
เมื่อกลับถึงรังนอนก็อาเจียนตามปกติเพลียมาก หยิบพระไตรปิฎกขึ้นมาอ่าน ดูอานิสงส์ถวายพวงมาลัย



8

เรื่องของนางฟ้าบุปผาชาติ

จากพระไตรปิฎก เล่ม ๒๖ หน้า ๕๕

พระโมคคัลลาน์ ท่านไปบนสวรรค์ พระไตรปิฎกไม่บอกสวรรค์ชั้นที่พระโมคคัลลาน์ไปคราวนี้ไว้ และท่านก็ไม่ได้ชมวิมาน แสดงว่านางฟ้าคนนี้ไม่มีวิมาน เป็นเทพธิดาบริวารพระอินทร์ ท่านชมว่าเธอเอาดอกปาริฉัตรมาร้อยเป็นพวงมาลัย เธอสวยเครื่องประดับก็สวย เสียงขับร้องก็ไพเราะ ฟ้อนรำก็สวย ขอชมแต่เพียงย่อ ๆ ก็แล้วกัน ถ้าว่าตามท่านชมก็ยาวเหยียด ท่านถามเธอว่า เมื่อเป็นมนุษย์เธอทำบุญอะไรไว้ เธอตอบว่า เมื่อเป็นมนุษย์ถวายดอกอโศกกับพระ จึงมีอานิสงส์ขนาดนี้

นางฟ้าคนที่สอง คนนี้มีวิมาน วิมานเป็นแก้วผลึก มีพื้นเต็มไปด้วยทรายทอง มีบริวารมากมาย มีป่าไม้รังเป็นบริเวณดอกรังหอมระรื่น เมื่อต้องการดอก ต้นไม้จะเอนกิ่งลงมาให้เก็บดอกได้สะดวก ท่านชมความงามไว้มาก ท่านถามว่า เมื่อเป็นมนุษย์เธอทำบุญอะไรไว้ จึงมีวิมานสวย ตัวสวย เครื่องประดับสวย พื้นบริเวณก็เป็นทองหมด เธอตอบว่า เธอเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าได้เอาดอกรังโปรยในอาสนะ คือที่นั่งของท่าน มีอานิสงส์ตามที่กล่าวมาแล้ว

นางฟ้าอีกคนหนึ่งมีมาในพระธรรมบท ชื่อ สาตกีเทพธิดา เธอเป็นคนจน ไม่มีทรัพย์ทำบุญ เธอตั้งใจเอาดอกบวบขมไปบูชาเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ แต่ออกไปไม่พ้นเขตบ้านถูกนางยักษิณีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนขวิดเธอตาย เมื่อจิตออกจากร่างเธอไปอยู่ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองคำ เครื่องแต่งตัวเหลือง วิมานเหลือง เครื่องใช้เหลืองหมด เพราะก่อนตายเธอเอาดอกบวบขมสีเหลืองคล้ายจีวรพระไปบูชาพระธาตุ

เป็นอันว่า คนที่ถวายดอกไม้ด้วยศรัทธาแท้ มีอานิสงส์ตามที่เขียนมาแล้ว วันนี้เพลียมากขอพักเพียงเท่านี้

วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๓๑ ขอพูดเรื่องเมื่อคืนวันที่ ๒๐ สักเล็กน้อย คืนวันที่ ๑๙ และ ๒๐ สองคืนนี้เสียท่าอากาศ เพราะตั้งแต่ ๒๒.๐๐ น.เป็นต้นไปร้อนจัด ไปบรรเทาความร้อนเอา ๒๔.๐๐ น.เศษ ร่างกายตอนแก่นี่แย่ ร้อนมันทนไม่ไหวเลยนอนไม่หลับ ไปหลับเอา ๒๔.๐๐ น.เศษบ้าง มันเลยรวน เวลาเดินทำท่าจะล้ม

มาเมื่อตอนกลางวันวันที่ ๒๑ พระสารีบุตรท่านบอกว่า ตอนหัวค่ำเมื่ออากาศเย็นอย่าลดความเย็นของเครื่องปรับอากาศมากนัก รักษาความเย็นไว้ เมื่อถึงเวลา ๒๑.๐๐ น.ให้ออกจากห้องไปเดินจงกรม ในห้องเร่งเครื่องปรับอากาศให้เย็นที่สุด ๒๒.๐๐ น.เศษจึงเข้าห้องความเย็นจะพอดี เพราะอากาศภายนอกร้อนจัดทำตามท่านได้ผล เวลา ๒๑.๐๐ น. เร่งเครื่องปรับอากาศ แล้วออกไปเดินนอกห้อง

ตอนแรกอากาศเย็นดี พอเวลาเลยไปหน่อยเริ่มอุ่นและอุ่นเรื่อย ๆ ขึ้นในที่สุด ๒๒.๐๐ น.ก็ร้อนจนทนอยู่ไม่ได้ต้องเข้ามาในห้อง พอเข้าห้องที่เร่งเครื่องปรับอากาศไว้ให้เย็นมาก ๆ คราวนี้เย็นพอดีนอนหลับได้ ก่อนหลับเริ่มภาวนาและพิจารณาเล็กน้อย นิมิตปรากฏว่า ไปข้างบนพบพระนมัสการพระแล้ว เห็น พระสารีบุตร ท่านนั่งอยู่ท่านแนะนำเรื่อง ปัญญา เพราะท่านเป็นผู้ควบคุมด้านนี้และพบ พระมหากัจจายนะ ท่านแนะนำเรื่อง ปฏิภาณ ด้วยท่านคุมด้านนี้ ได้ขอความเมตตาจากท่านว่าเมื่อเวลาใช้ ปัญญา และ ปฏิภาณ ขอให้ท่านช่วย ท่านทั้งสองก็รับว่าช่วย

เมื่อก่อนหลับไหว้พระภายใน คือพระนิมิตในร่างกายที่อกมีพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านเด่นออกมามาก มีความรู้สึกว่า ท่านจะพูดอะไร เมื่อไหว้พระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านจะพูดอะไร จึงเข้าไปไหว้พระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อไหว้ท่านท่านตรัสทันทีว่า พรุ่งนี้มีแขกมาหลายคนนะ เรื่องคนถวายทานมีเรื่อย ๆ ยังไม่ขาดสาย เรื่องงานก่อสร้างไม่ต้องวิตกกังวลทำไปเท่าที่มี ถ้าเงินขาดงานก็หยุดก็แล้วกัน เงินไม่ขาดงานอย่าหยุดเพราะจะเป็นการทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

ต่อจากนั้นไปที่สมองมีนิมิตพระพุทธเจ้า ๒ องค์ คือ พระพุทธกัสสป และ สมเด็จพระพุทธทีปังกร กราบท่านแล้วท่านตรัสว่า ไม่เป็นไรพ่อช่วยทุกอย่าง หลังจากนั้นก็มีนิมิตภาพ เทวดา นางฟ้า พรหมมากมาย ไหว้ขอบคุณท่านแล้วหลับไป คืนนี้อาศัยความเมตตาของพระสารีบุตร เป็นเหตุให้เกิดปัญญา และ พระมหากัจจายนะ เป็นเหตุให้เกิดปฏิภาณ นอนดีมาก ตื่นเวลา ๒.๒๐ น. ทำกรรมฐานแล้วหลับต่อไป ตื่น ๕.๓๐ น. จบเรื่องการนอน



9

บันทึกเรื่องภายนอก

เรื่องนอนไม่หลับ อาศัยเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้น เรื่องจะเกิดขึ้นกับประเทศหรือโลกเป็นเหตุ อาการอย่างนี้เป็นปกติ คราวนี้อาศัยน้ำจะท่วมอำเภอบ้านไร่ อำเภอห้วยคต เลยนอนไม่หลับ แต่ต่อด้วยวุฒิสมาชิกยับยั้ง พ.ร.บ.กระจายเสียงของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ สะเทือนใจคนทั้งประเทศ ส่วนเหตุผลนั้นไม่ทราบสุดแล้วแต่ความเห็น เรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุให้มีสภาเดียวต่อไปในวันหน้าก็ได้

วันนี้พม่ากำลังยุ่ง นักศึกษาปฏิวัติรัฐบาลเก่าลาออก ดูเหมือนจะเป็นรัฐบาล เส่งละวิน ต่อมาตั้ง หม่อง หม่อง ขึ้นมาแทน นักศึกษาไม่เอาอีก ต่อมา ซอ อะไรไม่ทราบยึดอำนาจอีก คนนี้เป็นพลเอกแต่ดูเหมือนจะยึดอำนาจเฉพาะชื่อ ตัวเองไปนอนโรงพยาบาล เพราะถูกคนบังคับให้ปฏิวัติ คนที่บังคับนั้น หนังสือพิมพ์เขาเขียนว่าเป็นลูกสาวของเนวิน ขณะนี้ทหารใช้ปืนยิงประชาชน และนักศึกษาบางจุด คิดว่าพม่าต้องมีการปะทะกันอีกถ้าหากคณะปฏิวัติไม่ลดลง แต่ก็ละได้อยากเสียแล้ว มีเพียงว่าฆ่านักศึกษา ประชาชน พระบางกลุ่มที่เป็นหัวหน้า เรื่องอาจยุติ แต่ยากหน่อย เพราะมีประเทศที่สามร่วมมือกับนักศึกษา ประชาชน พระ ถ้าทหารยิงพระด้วยเรื่องจะไปกันใหญ่ เรื่องราวของพม่าจะเป็นอย่างไร ฟังกันไปก่อน

มาคุยกันเรื่อง พระสารีบุตร และ พระมหากัจจายนะ อีกนิด พระสารีบุตรท่านบอกว่า การเขียนตามพระสูตรนั้นดี แต่ถ้าไม่แทรกสำนวนอ่านเล่นลงไป หนังสือจะจืด การแทรกสำนวนอ่านเล่นต้องใช้ทั้ง ปัญญา และ ปฏิภาณ ซึ่งท่านทั้งสองจะช่วย ท่านให้เอาความจริงที่พบมา เขียนเป็นสำนวนอ่านเล่น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เอาพระสูตรมาเขียนไว้ ไม่มีตอนอ่านเล่นต่อท้าย หวังจะให้ผู้อ่านได้รู้ตามพระไตรปิฎก ท่านบอกว่าจืดไป ตอนต่อไปเขียนตามใจท่าน

เวลา ๘.๓๐ น. เลิกจากบันทึกที่อ่านมาแล้วนี้ พักเพื่อคลายความเพลีย รักษาอารมณ์อานาปา เพื่อทรงสติสัมปชัญญะ แต่เมื่อตั้งอารมณ์ทรงตัว อาศัยความเคยชินของจิตหรือที่ท่านเรียกว่า นวสี คือการคล่องตัว จิตก็ล่องลอยไปตามกำลัง ตอนนี้ขอเรียกว่า นิมิต เพื่อกันคนทะเลาะกัน เพราะนิมิตเป็นภาพธรรมดาของผู้เข้าถึงอุปจารสมาธิ เมื่อจิตลอยไปตามกำลัง ก็ไปหยุดที่แดนของพระที่นี่มีแต่พระ ไม่มีเทวดาหรือพรหม

เมื่อเข้าไปนมัสการพระแล้ว ท่านพูดด้วยตามควร ท่านบอกว่า เพื่อกันอารมณ์เหงาให้หาทางคุยกับเทวดาหรือพรหม เมื่อคุยกันถามประวัติของท่านจะได้ทราบปฏิปทาของท่านที่รับผลความดีแล้วเป็นเทวดา พรหมหรือพระอริยะ แล้วท่านก็เรียกท่านสหัมบดีพรหมขึ้นไป ท่านให้ถามประวัติของท่านสหัมบดีพรหมว่า สมัยเป็นมนุษย์ปฏิบัติอย่างไรจึงเป็นพระอนาคามี

ท่านสหัมบดีพรหมท่านตอบว่า เมื่อท่านเป็นมนุษย์ท่านเป็นคนรวย เพราะไม่กินเหล้าไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้ แต่มีเมีย ๔ คน เป็นคนในบ้านเดียวกัน เมื่อภรรยาเดิมเห็นว่าสมควร จึงเรียกน้องสาวของภรรยามา (ภรรยาเป็นคนเรียก) และหลานสาว โตเท่าน้าสาวอีก ๒ คน ให้มอบตัวเป็นภรรยา ทั้งสามคนเห็นชอบเลยมีภรรยาเพิ่มอีก ๓ โดยภรรยาจัดให้

ท่านบอกว่า ท่านต้องหนักทั้งงานภายใน งานภายนอกอีกมาก แต่อาศัยที่เป็นคนรวยไม่มีอะไรหนักใจ เมื่ออายุ ๓๒ ปี บวช ตั้งใจบวชพรรษาเดียว แต่มันมีความสุขเลยมอบสมบัติทั้งหมดให้ภรรยาแล้วทำกรรมฐานเรื่อยมา การทำกรรมฐานไม่ได้เร่งรัดนักทำแบบธรรมดา ๆ จิตค่อย ๆ ลดตัวลงอย่างไม่เดือดร้อน อายุ ๗๒ ปีได้พระอนาคามี ตายอายุ ๘๐ ปี เข้าพรหมชั้น ๑๔ แล้วก็เรื่อยมาชั้น ๑๖

เมื่อท่านพูดมาถึงตอนนี้ ก็เห็นพรหมสองท่าน เดินตรงเข้าไปอย่างรีบร้อน พระท่านบอกว่า พระยายมกับนายบัญชีมาตามแล้ว คงมีเรื่องร้อนมาก เมื่อท่านมาถึงท่านบอกว่า ขอให้ไปบ้านผมด่วน เด็กบ่นหาท่าน พระและท่านสหัมบดีพรหมบอกว่า ควรไป และท่านสหัมบดีพรหมก็ไปด้วย เมื่อไปถึงสำนักพระยายมเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุ ๗ ปี รูปร่างขาวโปร่ง เป็นคนทางทิศตะวันออก เธอเห็นเข้าเธอก็วิ่งมาหา กราบลงไปที่เท้าและเกาะไว้ไม่ยอมปล่อย ลืมบอกไปว่าเมื่อก่อนถึงสำนักของท่าน ท่านบอกว่าคุณไปในรูปนอกนะเด็กและคนที่เห็นจะได้จำได้ ถ้าไปในรูปใน เขามองไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัดและอาจจำไม่ได้

ถามเธอว่า ตายเพราะอะไร
เธอตอบว่า เป็นโรคอหิวาต์ตาย
ถามเธอว่า ตายเมื่อไร
เธอตอบว่า เดือนกันยายน ๒๕๓๑ นี่เอง
ถามเธอว่า ก่อนตายนึกอย่างไร

เธอตอบว่า เมื่อสามปีที่แล้วมา เธอมาที่วัดท่าซุงกับพ่อและแม่ เมื่อพ่อแม่ให้ไปไหว้หลวงพ่อ หนูจะเข้าไปกราบที่ตักหลวงพ่อบอกว่าไม่ต้องกราบบนตัก กราบใกล้ ๆ ก็ใช้ได้ เธอกราบแล้วนั่งตรงนั้นตลอดเวลาจนกว่าจะกลับ เมื่อกลับบ้านแล้วเห็นหลวงพ่อตลอดวัน (พระท่านบอกว่า ได้ฌานในสังฆานุสสติ) พอตื่นนอนก็เห็นหลวงพ่อ เวลาจะทำอะไรถ้าถามหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อยิ้ม แสดงว่าให้ทำได้ ถ้าไม่ยิ้มแสดงว่า ห้ามทำ เมื่อก่อนมาหา เธอได้ตีแมลงตัวเล็ก ๆ ที่บินมาตายบ้างไม่ตายบ้าง พอกลับมาบ้านแล้ว จะตีแมลงตอนเย็น มองดูหน้าหลวงพ่อไม่ยิ้ม เลยเลิกตี เมื่อป่วยท้องเดิน ร้อนภายในมากแต่เห็นหลวงพ่อยิ้มและสวยขึ้น ๆ หนูเลยใจสบาย เมื่อจะตายเห็นแมลงฝูงใหญ่บินมาจะเข้าตา เลยตกใจ..!

ตอนนี้เอง คน ๔ คนนุ่งแดงที่ยืนอยู่นี่แหละ เธอชี้ไปที่คนนุ่งแดง ๔ คนยืนอยู่ ท่านทั้งสี่ยิ้มชอบใจ คนแดงสี่คนไปชวนหนูมา หนูจะไม่มา หลวงพ่อบอกว่า ไปเถอะพ่อจะไปด้วย หนูจึงมา เมื่อมาถึงลุงแล้ว หลวงพ่อออกปากฝากลุงแล้วหลวงพ่อก็หายไป หนูเหงาเลยขอให้ลุงเอาหลวงพ่อหนูคืนมา เมื่อกี้นี้ลุงทั้งสองคนหายไปคงไปตามหลวงพ่อมา

ได้ถามลุงว่า สอบสวนแล้วหรือยัง ท่านลุงตอบว่า เด็กได้ฌานในสังฆานุสสติ ฌานพลัดนิดเดียวที่เห็นแมลง เป็นการตายนอกฌาน เธอไปสวรรค์ได้เลย และท่านมาฝากผมจะต้องสอบอะไรกันอีก..?

ในที่สุดทั้งหมดก็พาหนูน้อยไปดาวดึงส์ เธอบอกว่า เธอตายนอกฌานไปพรหมไม่ได้ เธอจะไปอยู่กับท่านปู่ ถามท่านนายบัญชีว่าทำไมเอามาแต่อายุยังน้อย ท่านกางบัญชีให้ดู ท่านอ่านให้ฟังว่ามีสิทธิเป็นมนุษย์ ๗ ปี แล้วกลับที่เดิม คือดาวดึงส์ เมื่อถึงดาวดึงส์เธอเข้าไปหาท่านปู่ สนิทสนมแบบคนรู้จักกันดี เธอสวย เครื่องประดับก็สวยมาก แสงสว่างมากด้วยอำนาจ "สังฆานุสสติ"

วันนี้มีคนทำบุญด้วยทั้งหมด ๑,๕๙๘ บาท
คุณอนงค์ ปราจีนบุรี ถวายเงินสร้างตู้น้ำแข็ง ๕๐๐ บาท
เงินวิระทะโย ๖๘ บาท
ถวายตามอัธยาศัย ๑,๐๓๐ บาท
คณะคุณพเยาว์ จันทร์หอมกุล มาถวายอาหารพระทั้งวัดจ่าย ๑,๖๐๐ บาท
จบเรื่องวันนี้ ๒๑ ก.ย. ๓๑

วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑

วันนี้วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๑ ทราบข่าวจากยามประจำวัดและเจ้าหน้าที่สายตรวจของสถานีตำรวจ ประจำอำเภอเมืองอุทัย ฯ ว่าที่บริเวณ ๑๐๐ ไร่ ยืนบนถนนนั้นน้ำเลยเข่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อตอนเย็นน้ำยังไม่เข้าพื้นที่ รุ่งเช้าจึงได้ออกไปดูบริเวณน้ำต้นทาง ถนนสายวัดสิงห์ - อุทัยธานี เห็นน้ำไม่ล้นถนน แต่ในที่บางจุดที่ถนนต่ำก็มีกระสอบทรายของชลประทานขวางอยู่ มีรอยน้ำท่วมล้นถนน แต่เช้าวันที่ ๒๒ ก.ย.นี้ลดลงไปมาก

แสดงว่าต้นน้ำจากอำเภอบ้านไร่ลดตัวลงแล้ว เหลือแต่ปลายทางคือบริเวณริมแม่น้ำ เมื่อน้ำไหลลงสู่แม่น้ำไม่ทันก็ท่วมอยู่ก่อน เมื่อเห็นน้ำลดลงทางต้นทางน้ำอย่างนั้นก็สบายใจคิดว่าไม่เกิน ๑๐ วัน บริเวณวัดก็ทำงานได้ต่อไป กลับมาแวะดูที่ ๑๐๐ ไร่ เห็นที่วิหาร ๑๐๐ เมตรมีน้ำท่วมเกือบชนท้องคาน และบริเวณลานมีน้ำท่วมเจิ่งแต่ก็ดีใจที่คิดว่าน้ำจะลดเร็ว

เรื่องของนักเรียน

นักเรียนที่ โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา เป็นเด็กที่มาจาก บ้านไร่ ห้วยคต ลานสัก ทุ่งนา เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีเด็กที่อื่นบ้างเล็กน้อย คิดว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสงเคราะห์ แต่ก็เก็บค่าอาหารนักเรียนหอพัก นอกนั้นทางมูลนิธิฯ และกองทุนจ่ายให้ทั้งหมดฐานะทางครอบครัวเธอยากจนอยู่แล้ว เมื่อน้ำมาล้างทุ่งแบบนี้ ทุนที่ลงไปแล้วก็เสียหายหมด ทุนใหม่ก็จะไม่มี ถ้าเก็บเงินค่าอาหารเธอคงไม่มีจ่าย เห็นอกคนจน

เมื่อจนอยู่แล้วกลับถูกน้ำมาซ้ำเติมแบบนี้จะลำบากแค่ไหน ในฐานะที่เคยจนมาแล้วมันทุกข์เหลือทน แต่ก็ต้องทนจึงคิดจะผ่อนคลายทุกข์ของพวกเธอโดยเฉพาะนักเรียน จึงจะขอความเห็นจากกรรมการมูลนิธิฯและกองทุน หาทุนสงเคราะห์เฉพาะปี ๒๕๓๒ โดยออกค่าอาหารให้เธออีกแต่ต้องหาเงินมาก มูลนิธิฯดอกเบี้ยก็น้อยกองทุนก็มีเงินไม่มาก แต่คิดว่าต้องทำ

สำหรับนักเรียนเข้าใหม่ลดพิเศษ คือค่าเทอมปีแรกเก็บ ๕๐๐ บาท เมื่อปีที่สองไปแล้วถ้าตั้งใจเรียนจริงมีความประพฤติดี ทางกองทุนและมูลนิธิฯ จ่ายให้เธอฟรีทั้งหมด เว้นไว้แต่ถ้าเป็นนักเรียนประจำต้องจ่ายค่าอาหาร ครูผู้ควบคุม ครูคุมอาหารพร้อมพนักงานทำอาหาร ค่าไฟฟ้า น้ำประปา (หอพักอยู่ฟรีไม่ต้องเสียเงิน) วันละ ๒๐ บาท เก็บ ๑๐ เดือน ปีละ ๖,๐๐๐ บาท แต่ พ.ศ. ๒๕๓๒ ลดพิเศษเก็บเพียง ๓,๐๐๐ บาท แต่ต้องจ่ายคราวเดียวหมดเมื่อเข้าเรียน

หากท่านที่มีเมตตาจิตประสงค์จะสงเคราะห์นักเรียนยากจน สงเคราะห์ตรงหรือธนาณัติก็ได้ส่งไปที่ พระสุธรรมยานเถระ วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อรับแล้วจะส่งใบโมทนาไปให้ท่านทราบ
วันนี้มีแขกมาจากกรุงเทพฯมาก ถามใครก็มาจากกรุงเทพฯ มีนครสวรรค์มาสามคน เป็นผู้ใหญ่ ๒ เด็ก ๑ คน คุยกันเรื่อง ทิพจักขุญาณ หมดเวลาพรมน้ำมนต์ให้พรเป็นเสร็จพิธี กลับ

เมื่อวันที่ ๒๑ ก.ย. ๓๑ ทางบริษัทเอาเครื่องทำน้ำแข็งมาส่งให้ เขาแจ้งราคามาว่า ๖๕,๐๐๐ บาท สูงกว่าที่คุณแม่เธอบอกไว้ ๕,๐๐๐ บาท ผ่อนส่ง ๓ งวด ค่อยสบายใจหน่อย ไม่เร่งร้อนนัก
วันนี้มีญาติโยมทำบุญไว้ ๕,๔๕๐ บาท และมีญาติโยมจากตลาดอยุธยาคือคุณทองอยู่ จินดายะพานิช ค่าอาหารพระ ๖๒๐ บาท คุณชวลิต-วรนุช เลี้ยงสุขสันต์ ถวายค่าอาหารพระ ๖๙๐ บาท ถวายเพลพระทั้งวัด

ขออนุโมทนา ท่านเจ้าของอาหารและท่านที่บำเพ็ญกุศลทุกท่านจงร่ำรวยมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจจงทุกประการเถิด..!

วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑

วันนี้มีแขกมาจากกรุงเทพฯ นนทบุรี พัทยา พังงา พิษณุโลก ทำบุญไว้ ๒,๕๗๐ บาท เรื่องคุยกับแขกไม่มีอะไรมาก คุยกันเรื่องกรรมฐานเบื้องต้น เพราะมีคนฝึกกรรมฐานที่อยู่ประจำมากกว่าแขกที่มา แต่ที่คุยกันมากและใช้เวลานานก็คือพระ วันนี้มีพระผู้ใหญ่ท่านมาเยี่ยม ๔ องค์ เป็นพระราชาคณะ ๒ องค์ เป็นพระครู ๒ องค์ เป็นพระราชาคณะที่เคยพบมาก่อน แต่ประสาทแย่มากนึกชื่อท่านไม่ออก ท่านอุตส่าห์ทบทวนให้จึงจำได้

ทั้งนี้เพราะวันนี้อาการป่วยเครียดมาก มันป่วยเป็นอาชีพประจำวัน ท่านบอกว่าท่านตั้งใจมาที่นี่ตรง ท่านใช้คำว่า มาชมบารมี ถ้อยคำอย่างนี้มีทุกวันฟังจนชินไปแล้ว เมื่อคุยกันสักครู่หนึ่ง ท่านหัวหน้าที่มาก็ปรารภเรื่องไปสอบเป็นพระอุปัชฌาย์ จึงเรียนท่านว่า ผมไม่ไปอบรมหรอกครับเสียเวลาทำงานของผม อีกประการหนึ่งผมป่วยอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ ทำอะไรก็ไม่ไหวไปไหนก็ไม่สะดวก มารับแขกก็เหนื่อยจะเอาอุปัชฌาย์มาทำอะไร

เมื่อสองปี ๒ คราวที่ผ่านมา ท่านบอกว่า ให้ไปนั่งฟังเขาสักหน่อย แต่ผมไม่เห็นด้วย เป็นอันว่า เรื่องเรียนหรือสอบเป็นพระอุปัชฌาย์เลิกกัน อีกท่านหนึ่งแนะนำว่า ในฐานะที่เป็นพระราชาคณะ ขอให้ไปวันเปิด และขอให้นั่งฟังสมเด็จฯ กล่าวเปิดสักหนึ่งชั่วโมงแล้วไปวันปิดอีกครั้งหนึ่ง จึงรับปากท่านว่า ถ้าอย่างนี้ผมพอรับได้ แต่วันเปิดวันปิดต้องไม่ตรงกับวันงานที่สำคัญของผมก็แล้วกัน

ท่านถามเรื่องการสร้างวัด ก็ถวายท่านไปตามความเป็นจริงว่า วัดนี้มีที่ดินเดิม ๖ ไร่ เวลานี้ซื้อเพิ่มอีก ๒๐๐ ไร่เศษ รายจ่ายค่าก่อสร้าง กิน ซื้อของใช้ เสียค่าไฟฟ้า ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ เป็นต้นมา ถึงวันนี้ ๒๓ ก.ย. ๓๑ รวมเป็นเงิน ๓๐๐ ล้านเศษ ๆ เมื่อคุยกันนานพอสมควร ท่านก็ลากลับ เพื่อไปวัดพระนอนจักรสีห์ และไปหา หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง.

◄ll กลับสู่สารบัญ

((( โปรดติดตามตอน "อัตตโนปุพพกรรม" ต่อไป )))


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 27/6/10 at 06:19 [ QUOTE ]


10

อัตตโนปุพพกรรม

ตอนนี้ขึ้นต้นด้วยภาษาบาลีเล่นครึ้ม ๆ เพราะเรื่องเข้าจุดพอดี คำว่าอัตตโนปุพพกรรม แปลว่า กรรมของตนเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา ๘.๓๐ น.เศษ เกือบถึง ๑๐.๐๐ น.ของวันนี้ ตอนเช้าอาการของร่างกายก็ดี แต่ตอน ๗.๐๐ น. รู้สึกมึนศีรษะมาก เมื่อมาถึงที่ทำงานก็รีบทำเพราะไม่ไว้ใจร่างกาย ทำเฉพาะงานสำคัญประจำวัน งานที่ไม่หนักพักเอาไว้ก่อนเพราะมึนศีรษะมาก

เมื่องานเสร็จเอนกายลงนอนพิจารณาแล้วภาวนา อารมณ์ก็ดีปกติทุกอย่าง แต่พอประมาณ ๙.๐๐ น. รู้สึกเคลิ้มแล้วมีความรู้สึกว่า นายดาบตระกูล และใครอีกคนไม่ทราบอยู่เป็นเพื่อน สถานที่นั้นเป็นตึกใหญ่มาก หน้าต่างกระจกอยู่เฉย ๆ มีลมพัดมาแรง มองไปดูไม่เห็นหน้าต่างเปิด แต่ว่าผ้าม่านปลิวไสว

สักประเดี๋ยวหนึ่งมีหญิงวัยกลางคนสองคนมานั่งใกล้ ๆ คนหนึ่งเธอเปิดกระเป๋าเงินหยิบสร้อยทองคำออกมา ดูเหมือนว่าจะทำบุญหล่อพระในเวลาเดียวกัน เธอไวมาก คนหนึ่งมาจับขาสองข้างบีบจนเจ็บ อีกคนหนึ่งจับหัวเอามือบีบที่ขมับรู้สึกเจ็บ และเธอมีกำลังมากขยับตัวไม่ไหวพูดไม่ออก นึกถึงคาถาบทหนึ่งแต่ไม่ใช่พุทโธ เป่าเธอไปเธอทำเฉยไม่กลัว ทุลักทุเลอยู่พักหนึ่งเธอทั้งสองจึงปล่อยแล้วก็หายไป เมื่อเธอหายไปแล้ว อาการปวดศีรษะมึนงงยังมีอยู่ จึงลุกจากที่นอนอาการต่าง ๆ คลายไป

จึงถามท่านเวสสุวรรณว่า ทำไมจึงปล่อยให้ผีเข้ามารบกวนและทำอันตรายถึงตัว เมื่อฉันเองยังช่วยตัวเองไม่ได้อย่างนี้ฉันจะช่วยใครได้ ท่านเวสสุวรรณบอกว่า ไม่ใช่ผี ผีเข้ามาไม่ได้ อาการที่เกิดเป็นเรื่องของเลือดลมในร่างกายมันมีอาการผิดปกติทำให้ประสาทเฟือน มีความรู้สึกและเห็นเป็นผีมาทำร้าย เทวดากันได้แต่ผีภายนอกเท่านั้น ผีเลือดลมหรือประสาทเทวดาป้องกันไม่ได้

เมื่อเห็นสมเด็จฯท่าน ถามท่านก็บอกว่า เป็นเรื่องของเลือดลม วันนี้ร่างกายเลวมากต้องหยุดงานทุกอย่าง ไปรับแขกเดินนิดเดียวก็เหนื่อยเกือบตายแล้วท่านจะให้ไปอบรมเป็นพระอุปัชฌาย์ จะไปอบรมได้อย่างไรและเมื่อท่านตั้งให้แล้ว จะนั่งบวชพระได้หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ

ถึงเวลากลางคืน ทนความมึนงง ต่อสู้อาการป่วย บันทึกประกาศ เรื่องสงเคราะห์นักเรียน เพราะพ่อแม่ถูกน้ำท่วมไร่นาเสียหายหมด โรงเรียนงดไม่เก็บค่าอะไรทั้งหมดปีครึ่ง คือตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๓๑ เป็นต้นไป จนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๓๓ แต่ทว่าการสงเคราะห์ครั้งนี้ วัด กองทุน มูลนิธิฯ ยังไม่มีทุนส่วนนี้ ด้วยต้องใช้เงินถึง ๓,๒๒๑,๖๐๕ บาท (สามล้านสองแสนสองหมื่นหนึ่งพันหกร้อยห้าบาท)

เมื่อเขียนเสร็จก็ออกไปจงกรม แล้วก็เข้าที่เพื่อนอน ก่อนนอนไปหาพระท่านกราบเรียนท่านว่า ถ้าโรคร้ายเบียดเบียนอย่างนี้ไม่มีทางดีขึ้น ก็ของดภาระต่าง ๆ คือไปให้พ้นร่างกายนี้ ที่มีทุกข์ก็เพราะอยู่กับร่างกาย พระท่านบอกว่า ท่านพยายามจะกำจัดเวทนาประเภทนี้ ให้ค่อย ๆ หายไปให้เร็วที่สุด พระสาวกผู้ใหญ่หลายท่านมา ท่านบอกว่า เดือนยี่จะให้ความรู้พิเศษ

จึงกราบเรียนท่านว่า เรื่องความรู้ที่ต้องเกาะร่างกายไม่ได้สนใจเลย เพราะเบื่อร่างกายมาก ท่านบอกว่า ความรู้ใหม่นี้ถ้ามีแล้วจะมีการคล่องตัวในการเคลื่อนไหว แต่ขอร้องให้ใช้เฉพาะในงานที่สมควร ฟังท่านแล้วใจมันเฉยไม่อยากได้อะไร อยากไปให้พ้นร่างกายดีกว่า เมื่อยังไม่ตายถ้าร่างกายไม่ดีอย่างนี้เรื่อย ๆ ก็จะงดทุกอย่าง

เมื่อจะนอน เห็นเทวดาพรหมมามาก ท่านรับรองว่า อาการอย่างนั้นจะไม่ให้มีอีก ท่านพ่อทั้งสององค์ก็มาด้วย เมื่อใกล้หลับเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผิวขาวรูปสวยเนื้อเต็ม เธอซัดอะไรออกไปไม่ทันเห็นถนัด มีอาการคล้ายพุ่งหอกออกไป ถามท่านเวสสุวรรณว่า เธอทำอะไร

ท่านตอบว่า นางฟ้าคนนี้อยู่ชั้นจาตุฯ มีฤทธิ์มาก เธอมีหน้าที่ปราบผี เธอซัดกับผีให้ออกไปไกล ๆ เมื่อท่านเวสสุวรรณพูดจบผู้เขียนก็เข้าสมาบัติหลับสนิท (นอนหลับสนิท) ตื่น ๔.๐๐ น. พอดี หลับเมื่อ ๒๓.๐๐ น. คืนนี้หลับดีมากหมดเรื่องกันแล้วขอลาก่อน

วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑

วันนี้มีแขกมาจากกรุงเทพฯ พิษณุโลก ๒ คณะสุโขทัย ๑ คณะสากเหล็ก นนทบุรี นครสวรรค์ ท่านร่วมกันทำบุญไว้ ๑๑,๙๓๔.๕๐ บาท แยกประเภทดังนี้
๑. ตามอัธยาศัย ๑,๒๙๒.๕๐ บาท
๒. สร้างรถทัวร์ธรรมทาน ๓,๒๔๒ บาท
๓. ซื้อที่ดิน ๗,๑๐๐ บาท
๔. ค่าน้ำ-ไฟฟ้า ชำระหนี้สงฆ์
เพราะมาค้างเจริญกรรมฐาน ๓๐๐ บาท

วันนี้ตอนเช้าไม่มีพยากรณ์พิเศษ เพราะผู้เขียนป่วยไม่สนใจอย่างอื่น ใช้อารมณ์เกาะนิพพานอย่างเดียว ตอนรับแขกไม่มีอะไรพิเศษ แต่มีญาติโยมบางคนถามถึงคนตาย เมื่อไม่รู้หรือไม่อยากรู้จึงไม่ตอบ เพราะการพยากรณ์คนตายเอาเรื่องจบได้ยาก ท่านถามที่นี่แล้วก็ไปถามที่โน่น มีมาแล้วหลายราย ถามไปถามมา ท่านผู้ตอบบอกว่า ผู้ตายเป็นเทวดาแต่ไม่มีวิมานอยู่ลำบากมาก ขอให้เอาเงินมาสามหมื่นจะสร้างวิมานให้ สร้างให้ใครก็ไม่ทราบ

ฉะนั้นท่านที่อยากรู้ว่าคนตายอยู่ที่ไหน จงฝึกกรรมฐานหมวดที่ ๒ หรือ ที่ ๓ แล้วจะคุยกับผู้ตายได้เอง อย่าเพลินถามคนอื่นอยู่เลยเดี๋ยวจะต้องสร้างวิมานให้เทวดาอีก ตอนเช้าและกลางวันหมดเท่านี้ ตอนกลางคืนมีอะไรบ้าง ถ้ามีจะเขียนต่อให้ทราบ ถ้าไม่ต่อแสดงว่าไม่มี

ข่าวหรือเรื่องที่จะบอกตอนกลางคืนไม่มีอะไรมากนัก เพราะอาการทางร่างกายเครียดมาก ก่อนหลับใช้อารมณ์สมาธิปกติ เอาอารมณ์ไปทรงอยู่ที่นิพพาน อยู่ต่อหน้าพระท่านสักครู่หนึ่ง แล้วก็มานั่งอยู่ที่สวรรค์ปล่อยให้ร่างกายหลับไปตื่นขึ้นมาเวลา ๔.๐๐ น.เศษ ออกไปจงกรม เมื่อเสร็จจากจงกรมแล้วเข้าที่พัก ลืมบอกไปว่าก่อนนอนออกไปจงกรมครู่หนึ่งแล้วเข้านอน

ตอนเช้ามืดเมื่อกลับจากจงกรมแล้ว รวบรวมกำลังใจเบา ๆ รวมเบา ๆ ถ้ารวมหนักออกไปไม่ได้เมื่อไปถึงพระนมัสการท่านแล้ว ท่านบอกว่า วันพรุ่งนี้มีลาภใหญ่นะ เพราะ...
๑. ประกาศไม่เก็บค่าอาหารนักเรียนและช่วย ๓ เทอม เป็นเงิน ๓,๒๐๐,๐๐๐ บาทเศษ
๒. ลงสังฆกรรม

ทั้งสองรายการนี้เป็นลาภใหญ่มาก ฉะนั้นจึงขอแบ่งลาภมาให้ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าอยากมีลาภใหญ่ให้ช่วยกันสงเคราะห์นักเรียนยากจนและทางบ้านเธอถูกน้ำท่วมใหญ่ ช่วยกันได้ตามกำลังทรัพย์และศรัทธาจะช่วยเป็นเงิน เสื้อผ้า อาหาร เช่นข้าวสาร ข้าวเปลือก ปลา เนื้อ ผัก ได้ทุกอย่าง ฯลฯ

เมื่อเวลาใกล้สว่างลาพระท่านลงมาแวะที่พรหมชั้น ๑๖ ไหว้พ่อแล้วแวะระหว่าง บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ และ พระจุฬามณี ที่ประชุมใหญ่ของท่านผู้มีพระคุณ เมื่อไหว้ขอบพระคุณท่านแล้วถามท่านว่ามีบ้างไหมในที่ประชุมนี้ที่ไม่เคยเป็นบิดามารดา เคยเป็นครูหรือผู้เกื้อกูล ไม่มีเลย ทุกท่านบอกว่า ท่านเคยเป็นพ่อแม่มาก่อนทั้งนั้น จึงกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งหนึ่ง กลับลงมาถึงที่พัก ๖.๐๐ น.พอดี เรื่องที่ท่านพยากรณ์ประจำวันตรงทุกอย่าง แต่ขออนุญาตไม่บอก จบ...วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๑

วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้เรื่องไม่มากแต่มีหลายเรื่อง แต่ละเรื่องไม่มากจริง แต่อาจจะต้องอ่านมากเพราะมีหลายตอน

ตอนที่ ๑

คุยกันเรื่องอาการป่วยก่อน ตื่นขึ้นเช้ามืดออกไปจงกรม เกือบเดินไม่ไหว เพราะขาขวาเส้นแข็งและปวดมาก ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เมื่อก่อนหลับก็ยังดี เดินไปเดินมาทำท่าจะล้มเลยเลิกเดิน กลับไปนอนก็นอนประเภทหาความสุขไม่ได้ เลยปล่อยให้ร่างกายนอนอยู่ตรงนั้นพูดกับร่างกายว่า เอ็งนอนอยู่ตรงนี้ฉันจะไปหาพ่อหาแม่ของฉัน และฉันจะเลยไปหาพระแล้วไปพักที่บ้านฉัน

พูดแล้วก็เข้าไปพบพระในอก ท่านแนะนำเล็กน้อย พระในอกมีสององค์คือ พระพุทธเจ้า และ พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นภาพพระนิมิตของกรรมฐาน รับคำแนะนำจากท่านพอสมควรแล้วก็เลื่อนมาหาพระที่สมอง มีอีกสององค์พระพุทธเจ้าทั้งคู่นมัสการท่านแล้ว ท่านแนะนำแล้ว ลาท่านออกมาข้างนอกเห็นเจ้าร่างกายมันนอนเหมือนผีตาย

ไม่มีอะไรน่าห่วง ปล่อยมันเจ้าผีตายทุกข์เพราะมัน ถ้าไม่มีมันก็ไม่มีทุกข์ แต่ทว่าความทุกข์ที่เกิดเพราะมัน มันอยู่ที่เรา เพราะเราเสือกเกาะ รัก โลภ โกรธ หลง จึงมีมัน ถ้าไม่มีอาการสี่อย่างนี้ มันก็มีให้เราทุกข์ไม่ได้ เป็นอันว่า เราเลวจึงมีมันที่เลว ทำให้เรามีความทุกข์ ทุกข์เพราะเราโง่ ใคร่ครวญนิดหน่อยแล้วก็ไหว้พระท่าน ที่ท่านครอบอยู่บนศีรษะ

ท่านแนะนำให้ใช้ "สังขารุเปกขาญาณ" แล้วเลยไปหากลุ่มเทวดาที่ท่านอารักขา มีท่านท้าวมหาราช ซึ่งมีท่านเวสสุวรรณเป็นประธาน เห็นท่านอยู่ด้วยกันมาก ขอบคุณท่านแล้วเลยไปหาพ่อกับแม่ ที่นั่นท่านประชุมใหญ่ทันที ลืมไปว่าวันนี้ตอนสว่างเป็นวันพระกลางเดือน ๑๐ ทั้งพรหมและเทวดาท่านประชุมกันพร้อม เข้าไปไหว้ขอบคุณท่าน

ท่านสหัมบดีพรหมท่านแนะนำเล็กน้อย หลวงพ่อปานเข้ามาแนะนำพอสมควร ก็ลาท่านไปหาพระเพราะใกล้สว่าง เมื่อไปถึงพระท่านแนะนำพอสมควรแล้วจึงเลยไปบ้าน ไปอยู่เป็นสุขที่บ้านครู่หนึ่งจึงกลับ ลืมบอกไปว่าก่อนหลับร่างกายไม่สบายมากจึงไม่ไปไหน พิจารณานิดภาวนาหน่อย ขอบคุณเทพเจ้าผู้สงเคราะห์ แล้วไปหาพ่อและแม่ แล้วเลยไปหาพ่อที่ไม่มีแม่ ที่พรหมชั้น ๑๖ เสร็จแล้วไปนมัสการพระแล้วไปบ้านอยู่ที่บ้านถึงตี ๔ จึงกลับมา มันมีสุขกว่าอยู่ในร่างกาย

หลังเที่ยงไปประชุมนักเรียนที่โรงเรียน มีคณะกรรมการการเงินของวัดคือ พระอนันต์ พระสมพงษ์ พระสุรจิต พระบัญชา และ พระวิรัช พร้อมครูและนักเรียน ไปแจ้งให้ทราบว่า น้ำท่วมใหญ่พ่อแม่เสียหายมากงดเก็บค่าเล่าเรียนและค่าอาหารและอย่างอื่นทั้งหมดรวม ๓ เทอม เป็นเงินทั้งที่ช่วยอยู่แล้วและเด็กใหม่ที่ต้องจ่ายรวม ๓,๒๒๑,๖๐๕ บาท เงินสำรองก็ไม่มีเลย แต่ต้องทำเพราะ ท่านย่า และ ท่านแม่ แนะนำให้ทำ ทำเถอะมันเป็นลาภใหญ่นั่นหมายถึง ทุนที่จะซื้อตั๋วไปนิพพาน จึงขอบอกบุญให้ทุกคนร่วมกันซื้อตั๋วด้วยกันจะได้ไปด้วยกัน

เวลา ๑๕.๐๐ น. ลงฟังปาติโมกข์ วันนี้ร่างกายเลวร้ายมาก ขาขวาที่แข็งมันปวดมาก นั่งฟังปาติโมกข์ปกติไปได้ประมาณ ๕ นาที เห็นท่าไม่ดีเลยรวบรวมใจเข้าสมาธิ หูไม่ได้ยินเสียงปาติโมกข์ ใจอยู่กับพระมีความสุขมากเมื่อเลิกสวดแล้ว แนะนำให้พระใช้ญาณแปดให้เป็นปกติ และให้พระรู้เรื่องบุญและบาปที่ปรากฏในบัญชี และเรื่องของพยานบุญ พยานบาป ตามในหนังสืออ่านเล่นเล่ม ๑ จบแล้วกลับที่อยู่

วันนี้ตามเวลาที่เคยอาเจียน ไม่อาเจียน แต่พอมาถึงที่พักมันอาเจียนออกมาเกือบเต็มกระโถน กินยาแล้วนอนไม่รู้เรื่องไปสองชั่วโมง เมื่อรู้เรื่องแล้วก็เขียนลงบัญชีตามปกติบันทึกนี้เขียนตอนสายของวันที่ ๒๖ ก.ย. ๓๑

เมื่อบอกว่าจบแล้วแต่นึกขึ้นได้จึงเขียนใหม่ เพราะลืมบอกว่า วันที่ ๒๕ ก.ย. มีใครมาบ้าง ตามที่ถามแล้วก็มีคณะของ คุณสันต์ ภู่กร พิษณุโลก ไปถวายเพลพระ และนำธูปเทียนเพื่อใช้ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๓๑ มาถวาย คณะอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ คณะจังหวัดสมุทรสาคร คณะเพชรบุรี คณะกาญจนบุรี และพัทยา ทั้งหมดให้เงินทำบุญไว้ ๘,๘๑๐ บาท จบเรื่องของ วันที่ ๒๕ ก.ย. ๓๑

วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้มีเรื่องไม่มากเพราะเป็นวันจันทร์ ปกติวันจันทร์เป็นวันที่มีแขกน้อย ตอนสายได้ยินเสียงหมอจากค่ายจิรประวัติ โทรศัพท์มาถามพระว่า ผู้เขียนอยู่ไหม เสียงพระตอบว่าอยู่ และอยู่ไปถึงวันที่ ๖ ตุลาคม วันที่ ๗ ต.ค. ๓๑ จะเข้ากรุงเทพฯ ขณะนี้รับแขกได้ชั่วโมงเดียวเพราะกำลังป่วยมาก

เป็นอันว่า เวลาป่วยนี่ ถ้าพอจะลงพบแขกได้ก็ลงด้วยเห็นใจที่ท่านเดินทางมาไกล ต้องเสียค่าพาหนะ เสียเวลาจากการงาน ละความสุขจากบ้านเพื่อมาเยี่ยม วันนี้มีแขกมาจากกรุงเทพฯ นครสวรรค์ คณะเจ้ากรมการสัตว์มาจากนครปฐม รับเงินทำบุญไว้ทั้งหมด ๑,๙๖๐ บาท

วันนี้มีข่าวดี ด้วยหมอที่มาจากนครสวรรค์ มีนายแพทย์คนหนึ่ง แพทย์หญิงคนหนึ่ง นายแพทย์ถามถึงอาการป่วย คุณหมอเอายาเคลือบผนังกระเพาะ และยาลดแก๊สมาให้ด้วย เมื่อคุยกันแล้ว คุณหมอก็บอกว่า ยานี้เป็นยาที่เพิ่งสั่งจากอเมริกามาใหม่ เป็นยาเม็ดไม่ใช่ยาลดแก๊ส แต่เป็นยาระงับไม่ให้แก๊สเกิดขึ้น แพทย์หญิงบอกว่า หนูเองก็เป็นโรคนี้ แพทย์ชายผู้สามีบอกว่า เธอกินยาเป็นกระสอบแล้วมันไม่ใคร่ดีขึ้นเลย แต่เมื่อได้ยาขนานนี้แล้ว ดีขึ้นมาก

เมื่อหมอพูดก็มีความรู้สึกว่าตรงกับโรคปัจจุบัน เพราะอาการตามที่คุณหมอพูดเพิ่งจะเกิดขึ้นประมาณ ๔ วันแล้ว มันทรมานมากเหลือเกิน เวลารับแขกมันก็กวน แต่ว่าด้วยมารยาท ป่วยก็ทำเหมือนไม่ป่วย รับแขกไปทั้ง ๆ ที่แก๊สมันทำความปั่นป่วนและปวดท้อง คิดว่าถ้าได้ยาขนานนี้ประโยชน์จะใหญ่มาก และจะมีประโยชน์ไปถึงพระและคนในวัด คนนอกวัด พร้อมเด็กนักเรียนและครูด้วย

สำหรับเด็กนักเรียนคงซื้อยาแจก คนภายนอกคงแจกตำรา หรือ ชื่อยา ไปให้ซื้อเองด้วยโรคนี้ทรมานมากมายนัก ใครเป็นคนนั้นรู้ ใครไม่เป็นก็ได้แต่พยักหน้า ไม่รู้ว่ามันทรมานขนาดไหน เรื่องอื่นไม่มีขอจบเพียงเท่านี้เพราะปวดท้องมาก

วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๑

เวลาตอนสายของวันที่ ๒๗ เขียนเรื่องของเช้ามืดวันที่ ๒๖ ก่อน เดิมคิดว่าไม่มีอะไร เพราะเมื่อก่อนหลับท้องปั่นป่วนมากจนทนเขียนไม่ไหว แต่เวลานอนดีไม่รบกวนเลยหลับง่าย หลับตั้งแต่ ๒๒.๐๐ นาฬิกาเศษ ก่อนหลับขอตื่น ๕.๐๐ น. ก็ตื่นได้ตามเวลา เมื่อตื่นขึ้นมาก็ซ้อมขาเพราะขาเส้นหลังแข็งมาก ขนาดก้มไม่ลงมันปวดมาก ก่อนนอนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เสี่ยง คิดว่ามันตายเสียได้จะดีมากมีแต่ทุกขเวทนา

แต่ในที่สุดเวลานอนจริง ๆ ไม่มีทุกขเวทนาเห็นจะเป็นเพราะ พระ พรหม เทวดา ท่านช่วย เมื่อก้ม ๆ เงยพอบรรเทาความปวดนั่นเอง ออกไปดับไฟรอบตึกล้างหน้าแล้วเข้าที่ทำกรรมฐาน เห็นท่านท้าวมหาราช ขอบคุณท่าน

วันนี้ท่านวิรุฬหกรายงานด้านทิศตะวันออก แล้วท่านเวสสุวรรณรายงานเหตุประจำวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๑ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ที่นั่นท่านประชุมใหญ่ทันที นมัสการบิดามารดาผู้ทรงคุณใหญ่แล้ว คณะท่านแนะนำเรื่องอาการป่วยของร่างกาย หลังจากนั้นขึ้นไปนมัสการพระ

พระท่านแนะนำว่า พระยายมต้องการพบ แต่เวลาใกล้ ๖.๐๐ น.แล้ว ฉันขอให้พระยายมรอ พอเวลาสาย ๘.๐๐ น.เศษจะไป ในที่สุดท่านก็ให้กลับ เมื่อกลับก็เลี้ยวเข้าไปตรวจสมบัติที่อยู่ในบ้านนั้นพอควรแล้วก็เดินทางกลับ

พระท่านแนะนำว่า วันนี้เซ็นชื่อสักร้อยชื่อก่อนนะ แล้วจึงทำกรรมฐานตอนสาย ตอนนี้เซ็นชื่อเสร็จรวบรวมกำลังใจตามแบบฉบับเดิมของพระพุทธศาสนา เมื่อครบแล้วก็กราบเรียนถามพระท่าน ท่านบอกว่า พระยายมกำลังรออยู่ขอให้ไปได้ ตกลงไปในภาพกายเนื้อ เพราะตามสัญญาของพระยายมท่านแนะนำไว้อย่างนั้น



11

พบหญิงแก่

เมื่อไปถึงท่านลุงทั้งสองนั่งประจำที่ แต่ไม่มีการสอบสวน พบหญิงแก่ร่างใหญ่ ผิวเนื้อสองสีชื่อ.........บ้านอยู่รอบนอกของกรุงเทพฯ หน้าตามีกังวลมาก เธอเข้ามาหา เธอบรรยายเรื่องต่าง ๆ ตามแบบฉบับของคนมีกังวล ก็คิดว่าตายแล้วยังไม่ละกังวลอย่างนี้ก็แย่ ถามท่านลุงว่า สอบสวนแล้วหรือ ท่านลุงบอกว่า ไม่มีการสอบสวนเพราะเป็นศิษย์ของคุณ เขาบอกให้ฉันเป็นพยาน เมื่อฉันเป็นพยานก็ไม่ต้องสอบสวน ฉันคอยเธอตั้งแต่ ๔.๐๐ นาฬิกา เห็นเธอหลับสนิทก็เลยให้คอยก่อน ต่อเมื่อพระท่านให้รอถึงเวลานี้ จึงรอเอาไว้ก่อน

เมื่อถามลุงว่า แล้วเธอจะไปไหน
ท่านลุงบอกว่า บุญของเธอมีแต่กังวลมากเหลือเกิน บุญบูชาพระ ทำบุญร่วมกับคุณ ถวายสังฆทานชุดเล็ก เจริญกรรมฐาน แต่เอาดีไม่ได้ เวลาทำอารมณ์ไม่เยือกเย็นเพราะมีกังวลมาก เป็นพวกวิตกจริตและโมหะจริตกังวลไม่มีเวลาจบ เคยรักษาศีลแปดเมื่อเวลามาเจริญกรรมฐาน

เวลากลับบ้านก็เหลือ ๕ บ้าง ๓ บ้าง ศีลกระพร่องกระแพร่งเต็มที แต่ก็มั่นคงในการบูชาพระ พอใจในทานและสังฆทาน ถ้าจิตมั่นคงมากจะได้ไปอยู่ชั้นปรนิมฯ จิตมีกังวลปานกลางจะไปดาวดึงส์ แต่นี่ตายแล้วก็ยังกังวลถึงลูกหลานไม่หยุด จิตขุ่นมัวไปต้องเป็นรุกขเทวดา

ก่อนตาย

เมื่อถามเธอว่า ก่อนตายป่วยเป็นโรคอะไร
เธอตอบว่า ก่อนตายท้องอืดแน่นหน้าอก นึกถึงบุญไม่ออกมันเสียดแทงมาก ร้อนใน อารมณ์ไม่แจ่มใส เมื่ออาการหนักมากจิตก็ห่วงลูกหลานมาก เพราะจน เกรงว่าเธอจะหากินไม่พอกิน เมื่ออาการหนักที่สุดคืนวันที่ ๒๑ ก.ย. ๓๑ ประสาททางร่างกายหยุด จิตออกจากร่างมีคนนุ่งเขียว ๒ คนไปรับ

ตอนนี้พระยายมท่านบอกว่า เธอมีอารมณ์เป็นกุศลก่อนป่วยหนัก เมื่อไม่มีการสอบสวน จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสวรรค์ไปรับ ชุดนี้นุ่งเขียวบ้างสีอื่นบ้าง แต่ไม่แต่งชุดสีแดง ถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อชุดนี้ไปรับจึงไม่ต้องสอบสวน เพราะมีสิทธิ์ไปสวรรค์แน่นอน ที่รับมาก็เพื่อเอามาแนะนำย้ำความจำถึงบุญที่ทำไว้แล้ว ให้จิตสะอาดพอที่จะไปสวรรค์ได้ถ้าไม่ย้ำให้จิตสะอาดจะต้องเป็นสัมภเวสีชั่วคราว เมื่อครบกำหนดจึงไปสวรรค์ได้

เมื่อถามถึง กำหนดเวลาที่เป็นสัมภเวสี ท่านบอกว่า เอาเวลาแน่นอนไม่ได้ สุดแท้แต่จิตเศร้ามากหรือน้อยขอลัดให้เร็วขึ้น ถามเธอว่า วิมานรุกขเทวดา หรือเทวธิดา ก็สวย มองเห็นแล้วพอใจไหม เธอตอบว่า พอใจมากงานน้อย ไปเยี่ยมลูกหลานได้สะดวก

ถามเธอว่า วิมานอยู่ห่างจากบ้านลูกหลานเกิน ๕๐ กิโลเมตร ไม่ไกลหรือ
เธอตอบว่า ไม่ไกลเวลาที่ไปไม่ถึงนาทีก็ถึงแล้ว
เมื่อถามเธอว่า ตั้งแต่ตายมาแล้วไปบ้านบ้างหรือยัง
เธอตอบว่า ยัง เพราะเพิ่งเป็นอิสระด้วยรอการปลดออก
เมื่อถามว่า วันนี้จะไปวิมานก่อนหรือไปบ้านก่อน
เธอตอบว่า ไปวิมานก่อนแต่ก็คงไปบ้านวันนี้

เมื่อถามเธอว่า ลูกหลานทำบุญให้บ้างหรือยัง
เธอตอบว่า ทำให้แล้วแต่จิตคนทำให้ไม่ผ่องใส พระที่รับทานก็มีจิตเศร้าหมองมาก ฉันเองก็ยังไม่เป็นอิสระเขาให้บุญก็ยังโมทนาไม่ได้ วันนี้เป็นอิสระแล้วโมทนาได้แต่ผลไม่สมบูรณ์ รอวันที่ ๘-๙-๑๐ ตุลาคม เขาจะถวายสังฆทานให้อีก วันนั้นมีหวังไปดาวดึงส์

ถามท่านลุงว่า เธอไปได้หรือ
ท่านบอกว่า อานิสงส์โมทนาสังฆทานไปดาวดึงส์ได้สบาย
เมื่อคุยกันเสร็จเธอก็ไปวิมานเธอ ฉันก็กลับวิมานฉันคือบ้าน เรื่องวันที่ ๒๖ ก็จบเท่านี้แต่เล่าให้ฟังเมื่อตอนสายของวันที่ ๒๗ ก.ย. ๓๑

คิดว่าจะจบมันก็ยังไม่จบ เพราะเวลา ๑๑.๐๐ น. พรนุช คืนคงดี เอาเงินที่รับจากธนาณัติที่ท่านสาธุชนส่งมาให้ รวมกันหลาย ๆ วันไปรับครั้งหนึ่ง วันนี้รับ ๓๙,๕๒๒ บาท

เวลารับแขกวันนี้มีท่านพุทธศาสนิกชนทำบุญหลายรายการดังนี้
คุณประจิตต์ คุณวัลลภา คุณศิริพงษ์ ตงพิพัฒน์ แก้บนหลวงพ่อ ๔ พระองค์ ๕,๐๐๐ ดอลล่าร์จากอเมริกาเท่ากับเงินไทย ๑๒๖,๒๐๐ บาท
คุณละเมียด เขมาสวิน (นิโกร) ถวายส่วนตัว ๕,๐๐๐ บาท
คุณวงศ์จิตร วงศ์วสุ สร้างห้องกรรมฐาน ๑,๐๐๐ บาท
คุณเมตตา โอบายวาทย์ สร้างห้องกรรมฐาน ๑,๐๐๐ บาท
คุณฉวีวรรณ บุษยานนท์ ถวายสร้อยทองคำหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ เส้น
ท่านที่ไม่ประสงค์ออกนามทำบุญ ๑,๒๐๐ บาท

รวมรับเงินทุกประเภทวันนี้ ๑๗๔,๓๗๒ บาท แขกที่มาวันนี้มีไม่กี่คน จากที่ต่าง ๆ ดังนี้ กรุงเทพฯ อเมริกา สงขลา ชุมพร นครสวรรค์ หมอที่ค่ายจิรประวัตินำยามาถวายสองขนาน ทันตแพทย์หญิงเตือนใจ กลั่นสุภา บอกว่าเธอเป็นโรคนี้ รับประทานครั้งเดียว อาการหายไปเลย หมอบอกว่า เป็นยาที่สั่งใหม่จากอเมริกา เพิ่งมีในประเทศไทย

ตอนกลางคืน พ.อ.สถาพร-ศิริพร พงษ์พิทักษ์เอาลูกชายมาบวชเณร ๒ องค์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ห้าเสือสงครามโลกครั้งที่ ๒ และร่วมทำบุญ ๑,๐๐๐ บาท พ.อ.สถาพร ช่วยนวดให้เพราะขาแข็งและปวดมาก เธอนวดให้บรรเทาอาการปวดไปมาก

วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้เส้นทางร่างกายที่แข็งมากนั้นแข็งน้อยลง เพราะเมื่อคืนวันที่ ๒๗ พ.อ.สถาพร มานวดให้ เช้าวันนี้ วิวัฒน์ โกศล มาจากกรุงเทพฯมานวดให้อีกบรรเทามาก เงินที่รับเมื่อวานนี้ส่วนใหญ่เป็นเช็คจึงให้ธนาคารมารับไป เรื่องการเงินปกติไม่เก็บที่วัด รับมากหรือน้อยก็เข้าธนาคารเลย จะได้ไม่อีลุ่ยฉุยแฉกเอาไปใช้อย่างอื่น เพราะปลายเดือนก็ต้องจ่ายใหญ่

แต่ตอนนี้คงจ่ายประมาณ ๓๐% ของจำนวนที่จ่ายทุกเดือน เพราะกลางเดือนเคยจ่าย ๗ แสนเศษ เดือนนี้จ่ายเพียง ๓ แสนเศษ ปลายเดือนเคยจ่าย ๓ ล้านเศษ เดือนนี้อาจน้อยลงไปมากเพราะฝนตกมากน้ำท่วมทำงานไม่ใคร่ได้ จึงจ่ายไม่มาก แต่จะจ่ายเท่าไรนั้นต้องรออีก ๒-๓ วัน ฝ่ายจัดซื้อและคุมผลงานคงแจ้งมาให้ทราบ เพื่อจ่ายค่าแรงงานและวัตถุก่อสร้าง

วันนี้เรื่องเมืองผียังไม่มี เพราะเมื่อเวลา ๓.๐๐ น. ตื่นนอนไปห้องน้ำแล้วกลับมาเติมน้ำให้ร่างกาย (กินน้ำ) เมื่อเสร็จแล้วก็เอนกายลงนอน คว้าอานาปาใช้คาถาภาวนาบทสุดท้าย แต่วันนี้อารมณ์แน่นไปไม่พอดีกับอารมณ์รู้ อารมณ์เลยทรงตัวตัดความรู้สึกภายนอก มีแต่ความรู้สึกภายในเขาเรียกว่าอะไร ก็ถามตัวเองเอาก็แล้วกัน เวลา ๖.๐๐ น. ตรงตามที่คิดไว้ก่อนจับอานาปา ก็มีความรู้สึกทั้งตัว

ต่อไปนั้นเป็นเวลาอาหาร ไม่ใช่วิชารู้เรื่องเมืองผี จึงทำงานตามหน้าที่ ไปกินข้าวเสร็จแล้วให้หมอนวด ขณะที่หมอกำลังนวด ธนาคารมารับเช็ค และนำเช็คอัมพาตมาให้ ๑ ใบ เป็นเช็คออสเตรเลีย ๙๐ เหรียญ ปรากฏว่าเจ้าของปิดบัญชีไปแล้วเรื่องเช็คนี้มีแก้อาถรรพณ์ทุกปี มีเด้งปีละใบสองใบจนได้

เวลา ๑๓.๓๐ น. ลงรับแขก วันนี้มีแขกกระจุ๋มกระจิ๋มมากจากหลายที่ แต่ละที่มาไม่มากเช่น กรุงเทพฯ นอกจากที่มาเจริญกรรมฐานประจำอยู่แล้ว วันนี้มา ๓ คน นนทบุรี มา ๓ คน ราชบุรี มา ๓ คน ปราณบุรี มา ๕ คน ท่านทำบุญไว้วันนี้ รวมทั้งสิ้น ๒,๔๖๕ บาท

การเปิดฉากสงเคราะห์นักเรียนน้ำท่วมใหญ่ เริ่มจ่ายครั้งแรกค่าอาหารและอุปกรณ์อาหาร ๖๗,๓๐๐ บาทเป็นการเปิดรายจ่ายเดือนตุลาคม ๒๕๓๑
วันนี้ยาของแพทย์หญิงเตือนใจที่ให้ไว้เริ่มมีผล อาการปั่นป่วนบรรเทาลงมาก พ.อ.สถาพร มานวดให้ตอนกลางคืนดูดีขึ้นมาก

วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้มีข่าวดีจะบอกให้ทราบ ข่าวนี้ก็คือเจ้าหน้าที่ส่งรายการหนี้มาน้อยกว่าทุกเดือน เพราะน้ำท่วมช่างทำงานได้น้อยวัน ค่าแรงงานน้อยลงวัตถุก่อสร้างใช้น้อยลง คงจ่ายจริง ๆ ปลายเดือนนี้ (ไม่รวมที่จ่ายไปแล้วตอนกลางเดือน) เฉพาะจ่ายวันนี้ ๒,๑๖๕,๐๐๗ บาท เป็นรายจ่ายที่ยังไม่ครบ เพราะรายจ่ายภายในที่จ่ายไปแล้วทางฝ่ายการเงินยังไม่แจ้งมา ที่บอกมานี้เฉพาะรายการก่อสร้างเท่านั้น

เป็นอันว่าเบาใจไปนิดหนึ่ง สำหรับรายจ่ายตามความเป็นจริงของเดือนนี้ ถ้าฝ่ายการเงินรายงานขึ้นมาเมื่อไรจะแจ้งให้ทราบใหม่ เอากันแค่เบาะ ๆ ก็หลังแอ้แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับรายรับที่เขียนให้ทราบ ท่านคงคิดว่าอ้อ เท่านั้น แต่คนหาเงินจะบอกว่า แอ้

ขอคุยกันเรื่องวันที่ ๒๗ อีกสักหน่อย เมื่อคืนวันที่ ๒๗ ยิ่งดึกยิ่งร้อน ตอนออกไปจงกรมเห็นท้องฟ้ามืดฟ้าแลบ ทางทิศตะวันตกเสียงฟ้าร้องสะเทือน เพราะเสียงดังหนัก ๆ เหมือนเสียงปืนใหญ่ก่อนแล้วจึงมีเสียงครางคิดในใจว่า ถ้าฝนตกด้านนั้นน้ำที่มีอยู่แล้วจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องขอบคุณฝ่ายชลประทานที่ระบายน้ำไปเรื่อย ๆ ไม่กักน้ำไว้เหมือนบางคราว เข้าใจว่าน้ำคงไม่ท่วมนานนัก

เมื่อร้อนมากก็นอนไม่หลับ จึงภาวนาบ้างพิจารณาบ้าง มันก็ไม่หลับ จึงเอาหนังสือมาอ่านมันก็ไม่หลับ เมื่อมันไม่หลับก็ไปเที่ยวดีกว่า เมื่อตัดสินใจแล้วก็จัดแจงแต่งกายแบบสบายใจชอบ แล้วเตรียมตัวออกเดินทางพบพระท่านก่อน พบหลายองค์ท่านแนะนำเล็กน้อยแล้วก็พบท่านมหาราชทั้ง ๔

หลังจากนั้น ท่านแม่ และแม่ของลูกมากันครบชุด ท่านพ่อ และพ่อทั้งหมด ท่านเมตตามาเยี่ยมถึงที่ ไหว้ท่านแล้วคุยกับท่านตามสมควรแก่เวลา พอดีลุงทั้งสองท่านมา เห็นท่านนุ่งโสร่งตามเดิม จึงถามเพื่อความแน่ใจว่า ลุงนุ่งผ้าพื้นหรือโสร่งกันแน่ ท่านบอกว่า เรียกว่าโสร่งไม่ถูกและลักษณะปล่อยชายเหมือนโสร่ง แต่ก็เป็นผ้าไหมสีเคลือบทอง ควรเรียกว่า "ผ้าปล่อยชาย"

แล้วท่านก็บอกว่า ปกติผมนุ่งผ้าพื้นโจงกระเบน แต่ที่มาหาคุณนุ่งแบบนี้เพื่อให้คุณจำสะดวก เพราะนุ่งผ้าพื้นเหมือนกันมากจะจำยาก เมื่อถามว่ามีธุระอะไรไหม ท่านบอกว่า ไม่มี หลังจากนั้นก็พากันไปนมัสการพระ พระท่านเมตตาแนะนำแล้วก็พากันกลับมาส่ง และคุยกันเล็กน้อย



12

ยักษ์ครึ่งตัว

เห็นยักษ์ตนหนึ่งมีครึ่งตัว เขี้ยวใหญ่ยาวปากใหญ่ มองแล้วเหมือนราหูอมจันทร์ เมื่อเห็นก็คิดว่าเจอยักษ์ปลอมอีกแล้ว เมื่อมองไปอีกครั้งหนึ่งปรากฏว่าภาพยักษ์หายไป กลายเป็นเทวดาสูงโปร่งเครื่องประดับเต็มตัวสวยงามมาก จึงถามท่านว่า เมื่อกี้ยักษ์อะไร ท่านบอกว่า ยักษ์ราหู ถามท่านว่า เขาเขียนไว้ว่า ราหูตัวใหญ่มากหรือ

ท่านบอกว่า ถ้ามนุษย์เห็นเทวดาตามความจริงก็ใหญ่เหมือนกับทุกองค์ สำหรับผมก็ใหญ่เท่าเทวดาธรรมดา แต่ไม่มีเทวดาองค์ไหนใหญ่เท่าท่านพ่อคือ พระอินทร์ ถามท่านว่า เคยอมจันทร์ไหม ท่านหัวเราะ แล้วบอกว่า ผมไม่รู้จะอมก้อนดินไปทำไม ถามท่านว่า ฉันจะเรียกชื่อแทนท่านว่าอย่างไรจึงควร ท่านบอกว่า เรียกว่า พี่ ก็แล้วกัน

เป็นอันรู้กันว่าควรเรียกท่านว่า พี่ ถามท่านว่า ท่านปรากฏตัวเพื่ออะไร ท่านบอกว่า น้องมีงานหนักร่างกายก็ไม่ดี จึงจะมาช่วยงานเพื่อเสริมบารมี เพื่อพระนิพพาน ถามท่านว่า ท่านจะช่วยอย่างไร ท่านบอกว่า ช่วยทุกอย่างตามความสามารถ แต่คงช่วยแบบราหูเทวดาไม่ใช่ราหูยักษ์ ถามท่านว่า เมื่อฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าแล้วท่าน บรรลุอะไร ท่านบอกว่า ท่านเป็นพระโสดาบันเวลานี้เป็นสกิทาคามีผล คุยกันเพียงเท่านี้แล้วท่านก็บอกว่า หลับเถอะก็เลยหลับไป ตื่น ๓.๐๐ น. หลังต่อมาตื่นเอา ๕.๓๐ น.

การรับแขกวันนี้มีแขกไม่มาก มาจากกรุงเทพฯ ตราด ปราณบุรี นนทบุรี มีญาติโยมทำบุญดังนี้
คุณอารีย์ ชื่นมีเชาวน์ เอาขนมจีนและผลไม้มาถวายพระทั้งวัด
คุณบุญมา ประทุมมิตร ถวายก๋วยเตี๋ยว พระทั้งวัด ทั้งสองรายนี้ จ่ายค่าอาหารและผลไม้รวม ๙๐๐ บาท
โยมละม้าย เกิดกัน ถวายเงินสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๒,๐๐๐ บาท ถวายส่วนองค์ ๒,๐๐๐ บาท รวม ๔,๐๐๐ บาท

พรนุช คืนคงดี ได้รับเงินเดือนในฐานะเป็นครูใหญ่โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา ๓,๐๐๐ บาท เธอถวายเป็นส่วนองค์หมดทั้ง ๓,๐๐๐ บาท คนนี้ตั้งแต่เป็นครูมาเงินเดือนของเธอถวายวัดหมดทุกเดือน และเธอถวายเป็นค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า ชำระหนี้สงฆ์ ๑,๐๐๐ บาท ถวายสังฆทาน ๑,๐๐๐ บาท รวมทั้งหมดเธอถวาย ๕,๐๐๐ บาท เกินเงินเดือนไป ๒,๐๐๐ บาท

คณะปราณบุรี จ.ประจวบฯ วราภรณ์ (เกียว) แซ่ลิ้ม และน้อง ๆ ถวายค่าอาหารและค่ายารักษาโรค ๕๐๐ บาท คณะสร้างโคมไฟช่อในวิหาร ๑๐๐ เมตร มี นายจ่ายต๋อย แซ่ลิ้ม บิดา นางซิมหงษ์ แซ่ตั้ง มารดาและลูก ๆ มี เกียว จวง เค็ง เตียง หุย เฮียง เก่ง หลีเค็ง นามสกุลแซ่ลิ้ม ๘ พี่น้อง ร่วมกันสร้างโคมไฟช่อ ๑ ช่อให้เงินไว้ ๕๐,๕๐๐ บาท รับเงินคืนจากการไฟฟ้าฯ อุทัยธานี ค่ามิเตอร์ ๑๑,๑๓๓ บาท และท่านที่ถวายแต่ไม่แจ้งนามอีก

รวมวันนี้รับเงินทั้งสิ้น ๖๕,๗๖๐ บาท

มีแขกพิเศษอยู่คนหนึ่งมา ๒ คน เธอมาขอร้องให้จ่ายเงินช่วยกิจการสงเคราะห์เยาวชน อ้างใครต่อใครเป็นประธานบ้าง เป็นผู้อุปถัมภ์บ้าง อ่านรายการแล้วงานนิดเดียวมีเด็กร้อยคนเศษ ๆ เลี้ยงแบบง่าย ๆ ไม่เหมือนที่ฉันกำลังทำอยู่ เด็กหลายร้อยคนเลี้ยงง่ายแต่ต้องจ่ายตามระเบียบ

แต่ถึงกระไรก็ดีเรื่องการเงินเธอกล้ามากไปเพราะถ้าผู้รับหนังสือเรี่ยไรเกิดสงสัยนิดเดียวเธอจะลำบากมาก เมตตาในเธอ จึงเขียนหนังสือให้เธอทราบว่า ฉันกำลังป่วย (ความจริงเธอไม่น่าขอร้องคนกำลังป่วยให้ช่วยเธอ เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าสมองของเธอบกพร่องมาก)

นอกจากนี้ก็กำลังมีการสร้างวัดอยู่ด้วยมีหนี้เป็นล้าน (ความจริงเธอก็เห็นงานกำลังก่อสร้าง ถ้ามีมันสมองปกติสักนิดเดียวจะไม่เอ่ยปากขอร้อง เพราะงานการก่อสร้างเป็นภาระอันหนัก) ได้แจ้งให้เธอทราบว่า เวลานี้น้ำท่วมล้างทุ่งพ่อแม่เด็กไม่มีทรัพย์สินส่งลูกเรียน วัดรับภาระหมดทั้งโรงเรียน (คนมีปัญญาเขาต้องสืบก่อน เมื่อเห็นมีภาระหนักเขาจะไม่ขอ) และเธอลืมไปว่าเรื่องการเงิน การขอจะสะดวกหรือ ในรายการที่อีกคนหนึ่งมาย่องอ้างชื่อพระผู้ใหญ่ มาตั้งให้ผู้เขียนเป็นกรรมการ ทำเหมือนเด็กเล่นขายของน่าสลดใจ และไม่มีอะไรน่าเชื่อเลย จึงไม่ให้อะไร

วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๑

วันนี้ขอพูดเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาเล็กน้อย เพราะไม่มีเรื่องผีผสม ทั้งนี้ก็เพราะไม่มีเวลาไปหาผี เหนื่อยและมีเรื่องจุกจิกใจเพราะแก๊สเกิดขึ้นในท้อง เลยสู้กับแก๊ส เมื่อยามดึกออกไปจงกรม ความจริงก็ไม่ดึกมาก มันดึกสำหรับเด็กเล็ก เด็กใหญ่ยังไม่ดึก เพราะเป็นเวลา ๒๑.๐๐ นาฬิกาเศษ เดินจงกรมภาวนาคาถาพักจนของท่านไปสักครู่หนึ่ง ประมาณชั่วโมงเศษ ๆ ก็เข้ามารมยาด้วยเครื่องรมยาของหมอวัฒนะ

วันนี้มีผลดีมากเพราะว่าวันนี้เสมหะค่อนข้างแข็งถ้าแข็งอีกหน่อยเดียว เป็นพังผืดออกมา ๔-๕ ชิ้น เอาไปใส่น้ำร้อนแช่นาน เขย่ายังไม่ละลายเลยเททิ้งไป เวลา ๒๓.๐๐ น.เศษเข้านอน เริ่มจับอานาปาเห็นพระหลายองค์ไหว้พระแล้วก็หลับไป ตื่นเวลา ๑ นาฬิกาพอดีเสร็จภารกิจแล้วหลับต่อ ตื่น ๔.๓๐ น. เป็นเสร็จพิธีนอน ภาวนาพิจารณาต่อไป พอสว่างเด็กขึ้นมาขนของลงไปกินข้าว แล้วก็ไปที่ทำงานก่อนไปทำงาน จำปี คืนคงดี เอาเงินมาทำบุญ สร้างห้องกรรมฐาน ๕๐๐ บาท คำน้ำค่าไฟ ๓๐๐ ชำระหนี้สงฆ์ ๒๐๐ รวม ๑,๐๐๐ บาท พอได้สตางค์แล้วก็ไปทำงาน เอาฤกษ์เช้า ได้หรือไม่ได้ก็ไปทำงาน

ลืมไปอีกรายหนึ่งคือ ต้อย หรือ วิไลรัตน์ เอาเงินค่าอาหารนักเรียนหอพักที่นักเรียนค้างชำระในเทอมต้น มาให้ ๔,๖๐๐ บาท เงินจำนวนนี้ของนักเรียน วัดยุ่งด้วยไม่ได้
วันนี้รับแขกมีคนกรุงเทพฯ นนทบุรี สระบุรี แม่ชีวัดต้นสน จังหวัดอ่างทอง คนอำเภอวัดสิงห์จังหวัดชัยนาท ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ท่านร่วมกันทำบุญรวมกันทั้งหมด ๑,๑๙๗ บาท

เมื่อกลับที่พัก อาจารย์บุปผาชาติ (โอ๋) มาถามอาการป่วยและถามผลของยาที่หมอเตือนใจมอบไว้ยาสองขนานนี้มีผลมาก เพราะเวลานี้ตั้งแต่ฉีดยาควินนินมาแล้ว ไม่ต้องฉีดยาแก้ไขอีกเลย และเว้นการล้างท้องมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งในระยะก่อนฉีดยาควินนินต้องล้างท้องทุกอาทิตย์และฉีดยาแก้ไข้ทุกวัน อาการที่อุจจาระค้างมาก ๆ อย่างนี้มีอาการแปลกก็คือ อุจจาระมันหนาและแข็งมากล้างท้องด้วยน้ำสบู่มันไม่ออก

ท่านย่าให้ใช้ยาดำผสมตอนแรก พอมีผล ต่อมาไม่มีผลท่านก็ให้ใช้ดีจระเข้ผสมน้ำสบู่พอมีผล แต่ไม่สามารถชนะมันได้ ระยะแรกท่านให้ล้างติด ๆ กัน ๘ วัน คนที่ไม่เคยเป็นโรคนี้บอกว่าทนไม่ไหว แต่ทว่าน้ำล้างอุจจาระลงไปไม่ถึงเนื้อลำไส้ มีหลายคนที่เป็นโรคอย่างนี้ผู้รักษาบอกว่าเป็นมะเร็ง แต่ท่านโกมารภัจจ์ท่านค้าน ท่านเรียกว่า มะเร็งอุจจาระ คือขี้แห้งติดลำไส้มาก

หมอประจำมี หมอจรูญ เป็นหัวหน้าคณะ ได้ช่วยกันทุกทางและหายามาให้ทุกรูปแบบก็เอาชนะไม่ได้ ต่อเมื่อหายาผสมควินนินได้จึงค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เรื่องแก๊สหรือลมยังไม่ยอมลด ต่อมาเมื่อ น.พ.นพพร และ พ.ญ.เตือนใจ กลั่นสุภา เอายาสองขนานมาให้จนถึงวันนี้กินยาได้ ๓ วัน อาการบรรเทาขึ้นเยอะ จะหายหรือไม่รอให้ถึงคำพยากรณ์ของพระเสียก่อน เป็นอันว่าเวลานี้ มีหมอช่วยกันรักษา ๙ หมอ เรื่องหยุดไว้ก่อน พูดมากคนอ่านรำคาญมาก มาคุยกันเรื่องผีดีกว่า

เวลา ๑๗.๑๐ น. เข้าที่พักนั่งอยู่คนเดียวนอนคนเดียวเปลี่ยวอุรา ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยภาวนาแก้รำคาญ ภาวนาได้สัก ๒ นาที อาจจะไม่ถึง เห็นขาหญิงสาว ๔ ขา เธอเดินมาสองคนเห็นเพียงแค่โคนขา ผิวขาวนวลผิวเรียบไม่ย่นไม่มีตำหนิเนื้อเต็ม ลักษณะทรวดทรงงามมาก เธอนุ่งกางเกง ขากางเกงสั้นเลยเห็นขาคนยาว กางเกงสีเขียวอ่อน ขากางเกงครึ่งโคนขา จากเข่าถึงโคนขามีครึ่งส่วน ขากางเกงแนบติดเนื้อและดูกำลังงาม ไม่ยอมให้เห็นตัว นึกในใจว่าส่วนท่อนขานี่ถ้าจะราคาแพงจึงชอบโชว์กันนัก เลยขอดูทั้งตัวเธอให้เห็นและนั่งลงใกล้ ๆ ตอนนี้อยู่คนเดียวสาวเล่นมาชุดละสอง เล่นเอาตั้งท่าไม่ติดเลย คุยเล่นโก้ ๆ

เมื่อเธอนั่งและให้เห็นตัวก็เห็นส่วนของร่างกายทั้งหมด เธอสวยเรียบ ๆ จริง ๆ ผิวเธอหาที่ตำหนิไม่ได้เลยส่วนของร่างกายเหมาะสมมาก อิ่มทั้งตัวและหน้า ถามเธอว่า เธอมาเฝ้าเพื่อความปลอดภัยหรือ เธอรับว่าใช่ ถามเธอว่าอยู่ชั้นไหน เธอตอบว่า ชั้นปรนิมฯ เจ้าค่ะ สาวชั้นนี้สวยจริง ๆ

เห็นเธอสองคนนี้แล้วรู้สึกว่า ความสวยของสาวในโลกแห้งหมด ภาพที่เห็นนี้แลเห็นเป็นเหมือนเนื้ออย่างคนธรรมดา ไม่ใช่เห็นเป็นเงาโทรทัศน์ เมื่อถามว่า ใครเป็นหัวหน้าส่งเธอให้มา เธอบอกว่า เธอเป็นเทวธิดาของ ท่านพัว หรือ ท่านอุบล เป็นชื่อเมื่ออยู่เมืองมนุษย์ ท่านผู้นี้เป็นน้องสาวคนเล็กของผู้เขียน

เธอตายเมื่ออายุ ๖ ปี เป็นนักบุญ ชอบให้ทาน ชอบฟังเทศน์และชอบภาวนาตั้งแต่ยังพูดไม่ชัด ทั้งสองเธอบอกว่า ท่านพัว เป็นเหมือนมารดา เพราะเธอไปเกิดบนตักของท่าน จึงบอกเธอว่า ขอบใจลูกรักที่เมตตาพ่อ เพราะพ่อแก่และป่วยผีหรือไสยศาสตร์อาจทำร้ายได้ เมื่อลูกมาช่วยระวังให้ความปลอดภัยจากสองประการก็มีได้แน่นอน เธอบอกว่า เธอเป็นหลานเพราะท่าน พัว เป็นน้องสาว เธอต้องเรียกผู้เขียนว่า "ลุง"

จึงบอกเธอว่า ไม่จำเป็นเพราะคำว่า "หลาน" ห่างไปจากความรู้สึก ถ้า ลูก จะมีความใกล้ชิดมาก เธอทั้งสองดีใจก้มลงกราบพอดีท่านย่ามา ท่านย่าถามว่า รู้เรื่องแล้วใช่ไหม เรียนท่านว่า รู้เรื่องแล้ว ได้ปรารภกับท่านว่า นางฟ้าชั้นปรนิมนี่สวยงามมาก ทำเอานางฟ้าชั้นดาวดึงส์ซีดเลย ท่านย่ายอมรับว่าจริง

เมื่อถามถึงการทำบุญของเธอว่า ทำบุญอะไรจึงมีบุญอย่างนี้ เธอบอกว่า ชอบก่อสร้าง ชอบบูชาพระ รักพระพุทธรูปมาก พระองค์ใหญ่ ๆ (พระประธาน) จิตเกาะตลอดเวลา (เป็นฌาน) มีศีลและกรรมบถครบถ้วน เธอบอกว่า ที่สร้างวัดอย่างนี้และตั้งใจสร้างปล่อย ไม่ติดวัด เธอบอกว่า เทวดาและพรหมชอบมาก ท่านมาร่วมเป็นไวยาวัจจกรมาก ช่วยด้านที่ไม่เห็นตัว เพราะได้ต่อบารมีกันทั่วไป โดยเฉพาะงานเจริญภาวนาอีกอย่างหนึ่งที่เขาชอบกันมาก จึงมาช่วยกันมาก

เมื่อเธอกล่าวจบ ท่านย่าถามว่า ท่านพัว ไม่มาหรือ พอท่านย่ากล่าวจบ ท่านพัว มาถึงพอดี ท่านพัวมาในรูปนางฟ้าแต่งกายปกติมีชฎา ทุกคนเลยเป็นนางฟ้ากันหมด สองสาวที่คุยกันอยู่เดิมเธอมีเนื้อมีหนังเหมือนคน พอท่านแม่มาในรูปนางฟ้า เธอก็เลยเป็นนางฟ้าไปด้วย สวยกว่ารูปเดิมมาก เครื่องประดับแพรวพราวไม่ทราบว่านุ่งกางเกงในหรือเปล่า

เมื่อคุยกับท่านพัว ท่านย่าพูดว่า คุยแบบคุ้นเคยกันมากนะ ได้บอกท่านว่าเป็นน้องคนเล็กเลี้ยงมาเอง นอนด้วย เที่ยวด้วย กินด้วย ไปโรงเรียนก็ต้องเอาไปด้วย เพราะเธอไม่ชอบอยู่กับแม่ เธอใกล้ชิดมากกว่าเมีย ท่านย่าบอกว่า คุณพูดแบบนี้ประเดี๋ยวเมียเขาหึงน้องเอานะ

พอท่านย่าพูดจบ กองทัพเมียก็ลอยละลิ่วมาเป็นร้อย พอมาถึง เธอไหว้ท่านย่า แล้วเธอก็พูดพร้อมกันว่า ไม่หึงเจ้าค่ะ เพราะเธอเป็นน้อง ท่านย่าพูดว่า ถ้าเธอไม่เป็นผี แม่ก็ไม่แน่ใจนัก เธอก็ตอบว่า หึงไม่ไหวเจ้าค่ะ ถ้าหึงประเดี๋ยวไปหาเมียเพิ่มอีก ขนาดไม่หึงยังมีจำนวนเกินร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าเอาแรงที่ไหนมาสู้เมีย

เมื่อเธอพูดจบ ท่านลุงทั้งสองก็มา ท่านนุ่งผ้าปล่อยชายตามเดิม ท่านย่าพูดว่า ใหญ่ เธอน่ะชอบแต่งตัวแบบนี้ทุกชาตินะ เวลานี้เป็นผีแล้วยังไม่เลิกนุ่งผ้าปล่อยชายอีกหรือ ท่านลุงตอบว่า ปกติผมชอบนุ่งผ้าพื้น โจงกระเบน เพื่อให้น้องไม่สงสัยจึงนุ่งผ้าปล่อยชายมา เพื่อน้องสังเกตง่าย

ท่านย่าพูดว่า เวลานี้เขาใช้เครื่องแบบปกติกันแล้ว เธอไม่แต่งปกติหรือ ท่านลุงบอกว่า ได้ครับ ท่านเลยมีภาพปกติเป็นพรหมทันที ความอ้วนหายไป ท่านโปร่งมีเครื่องประดับสวยมาก หน้าตาก็สวย เมื่อคุยกันพอสมควรทุกท่านก็ลาไปเหลือแต่สองสาวนุ่งกางเกงในตัวเดียว มีเสื้อไม่มีแขนรัดทรงและเพิ่มจำนวนมาอีกสิบคน เธออยู่ยามต่อไปผู้เขียนปวดท้องขี้ ลุกไปเข้าส้วม จบเรื่องตอนนี้ ของวันที่ ๓๐ ก.ย. ๓๑ เพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรอีกจะเขียนต่อตอนวันรุ่งขึ้น

มีเรื่องคุยกันต่ออีกหน่อย ก่อนหลับ เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ นาฬิกาเศษ ปวดท้องมาก จึงเอายาที่ หมอนพพร และหมอเตือนใจ สองสามีภรรยาให้ไว้ สองหมอนี้เป็นหมอประจำโรงพยาบาลทหารที่นครสวรรค์ ค่ายจิรประวัติ หมอเตือนใจ บังเอิญเป็นโรคเหมือนผู้เขียน เธอกินยานี้หายจึงเอามาให้กินบ้าง พอกินเข้าไปครู่เดียวก็หายปวดท้องจึงนอนรวบรวมกำลังใจ แล้วออกไปพบท่านท้าวมหาราช มีท่านเวสสุวรรณเป็นหัวหน้า วันนี้ท่านธตรฐก็เด่น

ขอบคุณท่านและขอบคุณเทพเจ้าและเทพธิดาทั้งหมด ที่ท่านอยู่ใกล้ให้กำลังใจและช่วยอารักขา กันเผลอไปอบายภูมิ เพราะถ้าจิตมีกังวล ถ้าเห็นพระ เทวดา หรือพรหมแล้ว จิตจะมีความสุข ขอบคุณทุกท่านแล้วก็ไปเวชยันตวิมาน ไปหาพ่อแม่และญาติแล้วไปที่ประชุมใหญ่ ไหว้ท่านผู้มีคุณทั้งหมดแล้ว ไปหาพระ ฟังโอวาทจากพระท่านแล้วไปบ้านอยู่สุขสำราญบนบ้านเวลา ๓.๐๐ นาฬิกา ร่างกายมันจะขี้ เลยลงมาพามันไปขี้ เมื่อขี้แล้วก็กลับไปใหม่ เวลา ๖.๐๐ นาฬิกากลับไปดับไฟล้างหน้า กินยา แล้วเตรียมรอเด็กขึ้นไปรับ

ก่อนหลับหรือก่อนพักผ่อนที่บ้าน เห็นท่านไปเยี่ยมกันมากแม่บอกว่า อาการปวดท้องมากอย่างนี้ เป็นอาการที่แสดงว่ามีการคลายตัวของโลก เพราะขี้ที่จับแน่นอยู่มันขยายตัวแก๊สจึงมาก ต่อไปมันจะค่อย ๆ หาย

เมื่อแม่พูดจบก็มีแก้วยาน้ำมาจ่อที่ปากเหมือนยาคูณธาตุ เหมือนมีคนดึงให้ดื่มยาแต่ไม่เห็นใครเห็นแต่แก้วกับยา เมื่อดื่มหมดแล้วแก้วถอยไป มีช้อนใหญ่ใส่ยาประเภทยาผงละลายเหลวมาให้กิน ไม่เห็นตัว ไม่เห็นมือผู้ส่ง จึงกินยานั้นแล้วท่านทั้งหมดก็หายไป จึงพักเงียบ ๆ อย่างเป็นสุขรอเวลาสว่างจะลงมา..!

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 27/6/10 at 06:22 [ QUOTE ]


13

พระยายม

คำว่า พระยายม มีคนแนะนำว่าเขาเขียน พญายม เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของแต่ละคน ความจริงพระยายมท่านเป็นพรหมและเป็นพระอริยเจ้า คำว่า พระ พรหม เทวดา ท่านแปลว่า ประเสริฐ เหมือนกับ พระอริยะ แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ที่ประเสริฐ คำว่า พญา ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร

จำได้เมื่อสมัย ท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ท่านกำหนดให้มีบรรดาศักดิ์ใหม่ ท่านเรียกว่า พญา เจ้าพญา สมเด็จเจ้าพญา หนังสือพิมพ์ลงบทความว่า คำว่า พญา เขาใช้กับพญาแร้งไม่ใช่กับคนผู้เป็นใหญ่ที่ประเสริฐ บรรดาศักดิ์สมัยนั้นเลยสลายตัวไป

เรื่องลงผลรับเงินลงเฉพาะท่านที่ให้ประจำวัน มีชื่อบนซองก็ลงชื่อให้ด้วย ไม่มีชื่อก็ไม่ลงชื่อแต่ลงจำนวนเงินให้ ไม่ได้ลงชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติ ต่อไปจะให้เจ้าหน้าที่การเงิน บันทึกชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติมาให้เพื่อลงรายการและชื่อของท่านในบันทึกประจำวันนี้

วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑

วันนี้ตอนเช้าไม่ว่างมีภารกิจในห้องมาก เกี่ยวกับบัญชีและหนังสือ ต้องเซ็นชื่อเป็นร้อยชื่อและคำนึงถึงเรื่องกระแสไฟฟ้า ที่ใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่ ราคาแพงขึ้นทุกวัน ต้องจ่ายเดือนละประมาณแปดหมื่นบาทเศษ เมื่อติดตั้งหม้อแปลงให้โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา

เดือนแรกเธอเก็บค่าไฟ ๘๐๐ บาทเศษ เดือนที่สองเธอเก็บ ๙,๐๐๐ บาทเศษ คิดว่าเดือนต่อไปคงเก็บส่งเดชมากกว่านี้ เท่าที่เป็นอยู่ ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่จดเลขไฟฟ้าที่ใช้ เธอไม่ได้อ่านตามความจริงยืนอยู่ไกลแสนไกล เขียนเลขลงในกระดาษเลย คนหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มองตามเธอไม่เห็นเลขที่มิเตอร์วัดไฟแสดงว่ายกเมฆเอาตามชอบใจ ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาแรมปี เราก็จ่ายให้

แต่เมื่อมาพบเรื่องของโรงเรียนเข้า เด็กใช้ไฟเล็กน้อยถ้าเก็บค่าไฟถึงพันบาทยังคิดว่าแพง แต่เธอเล่นเข้าเก้าพันบาทเศษ คิดว่าสงเคราะห์ผู้ยากจนไปก็แล้วกัน จึงหาทางทำไฟฟ้าใช้เอง ต้องจ่ายมากหรือน้อยจะได้ไม่สงสัย เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรามีเพียงให้คนที่ไว้ใจคุมก็ทำได้แล้ว จึงเรียกเจ้าหน้าที่ปั๊มน้ำมันมาพบ ให้หาทางจัดหาน้ำมันมาให้พอใช้ เรียกช่างกลและช่างไฟฟ้ามาพบเพื่อควบคุมเครื่อง

ต่อเมื่อพร้อมแล้วจะเดินเครื่อง คิดว่าคงเดินเครื่องได้ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ นี้มีหลายรายบอกว่า ปั่นไฟใช้เองถูกกว่าซื้อไฟฟ้าองค์การฯมาก จะถูกหรือแพงไม่ใช่ของแปลก ขอให้ทำตรงไปตรงมา แต่เท่าที่เป็นมาแล้วเขาทำตามชอบใจของตนเอง ผู้เขียนเองก็ป่วยหนักทำอะไรไม่ได้ แต่เวลานี้เริ่มเป็นคนพ้นจากผีประมาณ ๒๐% ก็เริ่มหาทางประหยัดต่อไป

เมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น.เสร็จงานที่ต้องรีบทำ พอจะพักเริ่มจับอานาปา เห็นท่านลุงท่านยืนอยู่ใกล้ ๆ ท่านบอกว่า ไปบ้านผมหน่อยซี เมื่อท่านชวนก็มองดูนาฬิกา เห็นเวลาจะ ๑๑.๐๐ น. จึงบอกท่านว่าใกล้เวลาอาหารแล้วขออนุญาตไม่ไปได้ไหม ท่านบอกว่าไปสัก ๕ นาทีก็พอ ท่านพูดแล้วท่านก็ออกเดิน จึงตามท่านไป เมื่อถึงเขตบ้านท่าน ท่านเข้าไปในสำนักงาน

ผู้เขียนเดินไปห่างจากท่าน พอเข้าเขตก็เห็นท่านที่เคยรู้จักยืนอยู่มาก เป็นแถวกั้นทางเดินพอเดินเข้าไปใกล้ ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าท่านกลายเป็นยักษ์ เขี้ยวโง้งเง้ง หน้าใหญ่พอเห็นก็ทราบว่า ยักษ์ปลอม จึงบอกท่านว่า การเป็นยักษ์ไม่ควรจะเป็นท่าน ควรจะเป็นท่านเวสสุวรรณ

ส่วนท่านเวสสุวรรณท่านยืนชิดติดด้านขวาของยักษ์ปลอม พอพูดจบ หน้ายักษ์ปลอมก็หายไปกลายเป็นท่านสหัมบดีพรหม ส่วนหน้าท่านเวสสุวรรณกลายเป็นยักษ์ไปเลย จึงพูดว่า พอทีเถอะบรรดายักษ์กระดาษทั้งหลาย ยักษ์เลยสลายตัวไป เมื่อถามท่านสหัมบดีพรหมว่า ทำไมท่านจึงกลายเป็นยักษ์ได้ ท่านบอกว่า ผมเคยเป็นเวสสุวรรณมาก่อน มัวทะเลาะกับยักษ์ปลอมเสียเวลาไป เหลือเวลาอีกประมาณ ๕ นาที จึงเข้าไปในสำนักงานท่านลุง

วันนี้แปลกใจที่สำนักงานนี้ เท่าที่เคยเห็นรูปร่างเจ้าหน้าที่ทุกคนแม้แต่ท่านลุงทั้งสองเคยเป็นคนธรรมดา แต่วันนี้เป็นเทวดาและพรหมหมด ใส่ชฎากันเง้งงั้ง รูปร่างสวยชะโอดชะองมาก ถามท่านสหัมบดีพรหมว่า เป็นเพราะอะไร ท่านตอบว่า วันนี้มีจำเลยเหลืองมาก ที่ไปตามคุณมาเพื่ออยากจะให้รู้ว่า พวกเหลืองถ้าทำชั่วมีผลตามนี้เป็นการเตือนคุณด้วยการให้ดูของจริง

และเมื่อสอบสวนเหลือง จึงทรงเครื่องและรูปร่างตามความเป็นจริง แต่แต่งเครื่องแบบปกติสวมมงกุฎไม่ถึงเต็มอัตรา เวลาเดียวกันนี้ก็ได้ยินเจ้าหน้าที่โจทก์คณะเหลืองทั้งหลาย คำว่า "เหลือง" ไม่ได้หมายถึงพระสงฆ์ เป็นนักบวชอีกพวกหนึ่งที่ไม่มีธรรมวินัย ทำตนแบบชาวบ้านหลอกลวงเขากิน

สรุปคำสอบสวน และเธอสารภาพตามนั้นว่า หัวหน้าที่ถูกสอบสวนนุ่งเหลืองตั้งแต่อายุ ๑๐ ปีเศษ ตายเมื่ออายุ ๗๐ ปีเศษ ตายมาแล้วไม่เกินหนึ่งปี รอการสอบสวนอยู่นาน แต่ว่าที่สำนักงานนี้ เวลาของเขาหนึ่งวันเท่ากับเวลาของเรา ๕๐ ปี เมื่อรอเกือบปีจึงยังไม่ถึงชั่วโมงของเขา รอไม่นานเลย

ความประพฤติ

๑. ไม่เคารพพระธรรมวินัย
๒. สะสมทรัพย์สิน ชอบเอาของสงฆ์ (เงินสงฆ์) มาเป็นของตน เขาให้มาสร้าง ๑๐๐ บาท สร้างเพียง ๒๕ บาท นอกนั้นเก็บไว้เป็นของตนเอง (ขโมยเงินสงฆ์)
๓. ไม่เคยให้ใครกู้เงิน แต่ชอบซื้อที่ดินเก็บไว้ขายเมื่อมีราคาแพง
๔. ทำตนเคร่งครัดเรียบร้อยเจริญศรัทธาดี (หน้าเนื้อใจเสือ) คนหลงในมายา (เจ้าเล่ห์) ติดใจทำบุญให้มาก ๆ ที่อยู่สวยงามเพราะความเป็นคนเจ้าเล่ห์
๕. เป็นนักเทศน์ประกาศธรรม แต่ตนเองไม่เคยทำตามนั้นเลย ประพฤติตัวชั่วช้า ตรงข้ามกับคำสอนที่สอนชาวบ้าน เป็นต้น เป็นอันว่าหัวหน้ารับเรียบร้อย เลยไม่ฟังลูกน้องหรืออาจเป็นคนละสำนัก แต่มีเกรดขนาดเดียวกัน ฟังลุงบอกว่า ทั้งหมดนี้ไปอเวจีหมดเพราะทำกรรมชั่วเป็นอาจิณกรรม เมื่อหมดเวลาท่านสอบสวนยังไม่เสร็จก็ลาท่านกลับ ด้วยคิดว่ากลับมากินข้าวดีกว่าฟังเรื่องคนเลวอย่างนั้น

วันนี้แขกมามาก คณะที่มาส่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีคนใหม่ มากันมาก เมื่อถามแล้วเป็นคนกรุงเทพฯบ้าง ชลบุรีบ้าง ถวายสังฆทานกันมาก สังฆทานชุดเล็กคล่องตัวมาก ท่านผู้ว่าฯอุทัยท่านชื่อเหมือนเมือง ท่านมาอยู่อุทัย ท่าทางท่านคล่องงานดีมาก คิดว่าคงไม่แพ้คนเก่าคือ คุณพจน์ ภู่อารีย์

ผู้ว่าคนเก่าที่อายุ ๖๐ ปี ท่านไปทำงานที่บ้านท่านแล้ว เพราะ ผ.บ.ท.บ. ท่านผู้บัญชาการที่บ้านท่านหางานไว้ให้เรียบร้อยแล้ว คืองานสร้างอาคารขายต่อให้คนอื่น งานของท่านดีมาก คนดีซะอย่างอยู่ไหนก็ดี รับราชการ งานก็ดี สร้างความเจริญดีเข้าถึงประชาชนดี เข้าทางพระศาสนาได้ดีมาก ฉลาดในการชนะใจคนเก่งมาก นอกจากคณะท่านผู้ว่าฯแล้ว ก็มีชาวนครปฐม ชาวบางแวก ชาวนนทบุรี ปราณบุรี เพชรบุรี ตาก ท่านถวายเงินไว้แล้วทั้งหมดวันนี้ ๘,๕๖๐ บาท แยกประเภทดังนี้.-

๑. สะเดาะเคราะห์รายย่อย ๑๓๐ บาท
๒. สังวาลย์ เก้าลิ้ม นครปฐม ถวายมะพร้าว ๑๐๐ ต้น
๓. ถวายกฐิน ปี ๒๕๓๑ ๒๐๐ บาท
๔. ปทุมมาส เดียร์น่า เกียกกาย บางซื่อ ถวายกฐิน ๒๐๐ บาท
๕. สร้างรถทัวร์ธรรมทาน ๒๕๐ บาท
๖. บำเพ็ญ โพธิเรียง สร้างรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๗. สำรวย ธรรมวิชัย นครปฐม ๑๐๐ บาท
๘. น.ส.สุพิศ พงษ์ประพันธ์ ๑๐๐ บาท
๙. พรรณี กำเนิดมงคล ๑๐๐ บาท
เหลือนอกนั้น ถวายส่วนองค์ไม่แจ้งชื่อ

รวมเงินทั้งหมดวันนี้ ๘,๕๖๐ บาท

ส่งมาจากชิคาโก้ อเมริกา คือ คุณจอมนัทธี คุณวิโรจน์ วรวรรณธนะชัย ทำบุญแยกประเภทดังนี้
๑. ให้ทุนนักเรียน ร.ร.พระสุธรรมฯ ๗๕ เหรียญสหรัฐ
๒. ให้รางวัลนักเรียนที่ดี ๕๐ เหรียญ
๓. สร้างปากกาเป็นรางวัลแก่นักเรียนที่เรียนเก่ง ๓๐ เหรียญ
รวมเป็นเงิน ๑๕๕ เหรียญ
คิดเป็นเงินไทย ๓,๘๗๕ บาท

ต่อไปโปรดดู รายรับ รายจ่าย ประจำเดือน กันยายน ๒๕๓๑
รวมรับทั้งสิ้น ๓,๔๔๗,๖๕๓.๒๕ บาท
รวมจ่ายทั้งสิ้น ๒,๖๓๗,๗๖๓.๕๒ บาท
เหลือ ๘๐๙,๘๘๙.๗๓ บาท

หมายเหตุ น้ำท่วมช่างต้องหยุดงาน เดือนนี้จ่ายช่างเพียงเล็กน้อย ถ้าน้ำไม่ท่วมเงินที่เหลือนี้ซื้อวัตถุก่อสร้างไม่พอ

รายรับแยกประเภท
รับเงินสงฆ์ ๑,๔๘๐,๕๖๙.๒๕ บาท
ส่วนองค์ ๔๕๒,๔๕๐.๒๕ บาท
ผาติกรรมสังฆทาน ๙๒๓,๘๐๐ บาท
ธรรมทาน ๒๔,๗๓๓.๗๕ บาท
วัตถุมงคล ๑๙๕,๐๘๙ บาท
องค์แก้ว ๒๓๓,๐๖๐ บาท
แหวนจักรพรรดิ ๑๓๗,๙๕๑ บาท

รายจ่ายแยกประเภท
จ่ายส่วนสงฆ์ ๒,๔๒๑,๒๔๕.๕๒ บาท
จ่ายวัตถุมงคล ๒๑๖,๕๑๘ บาท
สรุปแล้วเงินถวายส่วนตัวก็รวมจ่ายเป็นสังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน สร้างพระพุทธรูปด้วย

หมายเหตุ ค่าไฟฟ้าเดือนกันยายน ๒๕๓๑ การไฟฟ้าเก็บเงิน ๘๙,๕๔๖.๐๒ บาท ทนใช้ต่อไปไม่ไหวอาจจะต้องใช้เดือนตุลาคมเพียงครึ่งเดือน เมื่อพร้อมแล้วจะเดินเครื่องใช้เอง

วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๓๑

วันนี้มีเรื่องคุยน้อยเพราะป่วย คุยมากไม่ได้ อาการทางร่างกายไม่ดีเอามาก ๆ ตอนเช้าออกไปดูงานสร้างวิหาร ๑๐๐ เมตรและวิหารคต มึนศีรษะมากเดินเกือบไม่ไหว ขาไม่มีแรงเดินต้องกลับมาที่พัก นอนปล่อยอารมณ์ เพราะป่วยขนาดนี้ไม่ต้องการรู้เรื่องอะไรทั้งหมด ปล่อยอารมณ์โปร่งสบาย

พอถึงเวลาอาหารกลางวันมีอาการมากหลายอย่าง เหลือบไปเห็นปลาร้ากระป๋องเขาทำขายที่อยุธยา พ.ต.พงษ์เทพ กับ ภรรยา นำมาถวาย พรนุช กับ จำปี ปรุงเพิ่มเติมเอาน้ำปลาเติมนิดพริกขี้หนูใส่หน่อย ความจริงพริกถ้าป่นใส่จะดีมาก เลยล่อข้าวเสียหลายทัพพี โดยเอาปลาร้ากระป๋องของอยุธยาคลุกข้าวแล้วกินร่วมกับสายบัวดิบ กินลืมญาติเลย อร่อยมากตามภาษาชาวบ้าน ถ้าพูดตามภาษาคนแก่ที่เอาเปรียบเด็กเขาพูดว่า เจริญอาหารมาก แต่หันไปทางเด็กกลับพูดว่า "เอ็งตะกละมาก.."

รวมความว่ากินมากเหมือนกัน คิดว่าถ้าเอามะนาวบีบน้ำใส่นิดหนึ่ง พอเปรี้ยวนิดหน่อยอย่าให้เปรี้ยวมาก ถ้าเปรี้ยวมากมันไม่เป็นเรื่อง มะนาวจะตัดคาวให้มีคาวน้อยลง และรสท่านปลาร้าจะเด่นมาก ใครไม่เชื่อก็ลองซื้อปลาร้ากระป๋องเขามาลองดู เมื่อปรุงแล้วตั้งไฟพอร้อน แต่มะนาวต้องบีบ หลังจากเอาลงจากเตาแล้ว ปล่อยให้เย็นเล็กน้อยจึงบีบมะนาว จะพอดีกับความต้องการของลิ้น

พอดีกับ คุณนิรัตน์ เลาหสุรโยธิน กับภรรยาชื่อ สุรัตนา เธอผัดถั่วฝักยาวมา มีรสหวานหน่อยเอาเป็นอาหารตัดคาวของปลาร้าดีมาก วันนี้ไม่มีเรื่องผีเลยพูดเรื่องกินเล่นโก้ ๆ ปลาร้ากระป๋องอยุธยานี้ ผู้เขียนไม่ทราบว่าเขาขายที่ไหน ไม่มีหุ้นส่วนกับเขาแต่เห็นว่าเขาทำดีรสก็ดีเลยช่วยบอกให้ทราบ จะได้ไม่เอาเงินไปจ่ายนอกบ้านซึ่งสิ้นเปลืองมากกว่า

เลิกพูดเรื่องกินกันดีกว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์แขกมาก ชุดที่มามากก็เห็นจะเป็น กรุงเทพฯเจ้าเก่า มี ท่านเจ้าคุณสุธีฯ เป็นผู้นำ ชุดรองลงมาก็นครราชสีมา พระมหาถวัลย์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เมืองปัก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นผู้นำมา นำคณะมา ๔๗ คน ถวายสังฆทานชุดใหญ่ ชุดใหญ่นี้มีค่า ๑,๐๐๐ บาท และถวายเงินสังฆทานไว้ ๙,๗๒๐ บาท มี คุณสมพงษ์ คุณชไมพร และ ครอบครัว เป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ก็ถวายเป็นส่วนตัวกันทุกคน

ส่วนใหญ่ของผู้ที่มาจะทำบุญถวายสังฆทานมาก เห็นแล้วก็ปลื้มใจ ด้วยสังฆทานชุดเล็กชุดละ ๑๐๐ บาทพอทำกันได้ บางรายก็หุ้นกันหลายคน อย่างนี้ก็ได้ มีรายหนึ่งชุดเดียวหุ้นกัน ๑๐ คนกว่า คงเฉลี่ยกันคนละประมาณ ๑๐ บาท ที่พูดนี้ไม่ใช่คณะราชสีมานะ

สำหรับคณะราชสีมาเขาทำกันคนละชุด เป็นอันว่า หุ้นกันหรือไม่หุ้นอานิสงส์เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกัน คนที่มาวันนี้เท่าที่ถาม แต่บางคณะไม่ได้ถามมีดังนี้ กรุงเทพฯสองคณะ ๆ ละหลายคน ราชสีมา สุพรรณบุรี เพชรบุรี ลพบุรี นนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และที่อื่นอีกไม่ได้ถาม เพราะถามไม่ทัน พรมน้ำมนต์กัน ๔ รุ่น



14

ตัดสินใจพิเศษ

วันนี้เรียกพระที่มีความชำนาญช่างกล ช่างไฟฟ้า และนายช่างไพบูลย์ เจ้าของอู่มาสั่งงาน เพราะทนเสียค่าไฟฟ้าองค์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ไหว เธอขึ้นราคาอัตราค่ากระแสไฟฟ้ามาเรื่อย ๆ จากเดือนละหนึ่งหมื่นบาท เมื่อ ๔ ปีมาแล้ว ขึ้นไปเป็น ๓ หมื่น ๔ หมื่น ๖ หมื่น ๗ หมื่น ๘ หมื่น มาเมื่อเดือนกันยายน ตั้งหม้อแปลงและมิเตอร์ให้โรงเรียน เธอเก็บเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๓๑ จำนวนเงิน ๘๐๐ บาทเศษ พอถึงเดือนกันยายนเธอเก็บ ๙ พันบาทเศษ

เมื่อสอบถามเข้าก็อ้างว่าอัตราค่าไฟฟ้าราคาหน่วยต่างกัน เป็นอันว่าเธอโมเมมากกว่า จึงตัดสินใจว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๓๑ เป็นต้นไป ทำไฟฟ้าใช้เอง เครื่อง ๒๐๐ กิโลวัตต์มีแล้ว ๓ เครื่อง ๗๕ กิโลวัตต์ ๑ เครื่อง ๕๐ กิโลวัตต์มี ๒ เครื่อง มีพอใช้ตามความจำเป็น ยามปกติใช้เครื่อง ๒๐๐ กิโลวัตต์เดินเครื่องเดียวพอใช้ ใช้สับเปลี่ยนกัน ๓ เครื่อง ถ้าบังเอิญวัดมีงานก็เพิ่มตามความจำเป็น

ขอบอกบุญท่านผู้มีคุณ ช่วยค่าน้ำมันกันคนละลิตรสองลิตรต่อหนึ่งเดือนคิดว่าหลายคนก็หลายลิตร คงพอใช้และจ่ายไม่มากเท่าที่เสียให้องค์การฯ ที่บอกมานั้นชี้ให้เห็นว่าเธอเก็บเกินพอดี คนใช้ไฟฟ้าไม่ถึงร้อยคน แสงไฟจำกัดให้ใช้คนละ ๑๐ วัตต์ มีไฟสาธารณะเล็กน้อย ถ้าเฉลี่ยคนละ ๑๐ บาทตามปกติที่ชาวบ้านเขาใช้กันก็เกินกว่าที่เขาใช้กันแล้ว

แต่เมื่อเธอเก็บอย่างนี้เราก็ต้องเลิกใช้และพึ่งตนเอง เสียดายเงินค่าติดตั้งหม้อแปลงและมิเตอร์ ค่าแรงงานจ่ายไปเกือบล้านบาท เพราะมีหม้อแปลงขนาดใหญ่ ๓ ลูก ค่าไฟฟ้าเดือนกันยายนเธอเก็บเงินแล้วรวมทั้งสิ้น ๘๙,๕๔๖.๐๒ บาท ถ้าท่านจะช่วยมาทำบุญเองก็ได้ ส่งธนาณัติ หรือตั๋วแลกเงินของไปรษณีย์ก็ได้จ่าหน้าซองถึง พระสุธรรมยานเถระ วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ๖๑๐๐๐ เท่านี้ถึงเลย สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วราคาลิตรละเท่าไร เวลานี้ไม่ทราบเหมือนกัน ขอให้ถามตามที่เขาขายก็แล้วกัน ที่ไหน ๆ ก็ราคาเท่ากันทั้งนั้น

สรุปรายรับวันนี้

รวมรับเงินที่รับแขกทั้งหมด ๑๖,๓๒๐ บาท
แยกประเภทดังนี้
๑. คณะพระมหาถวัลย์ มีคุณสมพงษ์ คุณชไมพร ปราบภัย
เป็นเจ้าภาพ ถวายสังฆทาน ๙,๗๒๐ บาท
๒. คณะเชียงเฉี่ย สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๖๐ บาท
๓. คุณพรรณี บุนนาค สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ บาท
๔. คุณลักขณา จันทร์สูงเนิน สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑,๐๐๐ บาท
๕. คุณประนอม อังกระโทก ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๒๐๐ บาท
๖. นางเล็ก สิงโต ซื้อพานถวายสังฆทาน ๒๐๐ บาท
๗. คุณเซียงเฉีย ร่วมทำบุญทุกอย่าง ๔๔๐ บาท
๘. คุณพรรณี-ภาวนุช ทุนการศึกษานักเรียน ๑๐๐ บาท
๙. คุณรวมพร ชยะสฤษดิ์ สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า ๒๓๐ บาท
เหลือนอกนั้นถวายส่วนตัว ขอนำไปใช้ในสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน สร้างพระพุทธรูป และค่าไฟฟ้า

รายการช่วยนักเรียนภาวะฉุกเฉินน้ำท่วม

๑. คุณปรุง ตุงคเศรณี ๑,๙๐๐ บาท
๒. คุณพรรณี บุนนาค และ คุณภาวนุช ศิลปะชัยเดช ๑๐๐ บาท
๓. คุณระเบียบ ชูรัตน์ ๕๐ บาท

รายการรับทางธนาณัติ วันนี้ ๒ ต.ค. ๓๑

๑. น.ส.สุเบ็ญจาภา และคณะ ถวายสังฆทาน ๓๐๐ บาท
๒. คุณพินิจ อู่ทองมาก ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๕๐๐ บาท
๓. คุณปิยะวัฒน์ จารุศิริพัฒน์ ชำระหนี้สงฆ์ ๑๐๐ บาท
๔. คุณประสาน ศีตะโกเศส ถวายส่วนองค์ ๒๐๐ บาท
๕. คุณวิจิตร เพ็ชรอุดม ถวายส่วนองค์ ๒๐๐ บาท
๖. ร.ท.สุนทร พลอยรัตน์ ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๗. คุณสุพจน์ ชัยดารา ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๕๕๐ บาท
๘. คุณนิภา เบ็ญจทิพาพร ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๙. คุณสมศรี อภิวาณิชย์ ซื้อรถทัวร์ธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๑๐. คุณเบญจมาศ เกตุแก้ว ซื้อเทปต้นแบบและรถ ๒๐๐ บาท
๑๑. คุณสุวิทย์ ปิยะคณาติวงศ์ ถวายกฐิน ๑๐๐ บาท

รวมเงินถวายทางธนาณัติ ๒,๔๕๐ บาท

เวลา ๓ นาฬิกาหลังจากจงกรมแล้ว เห็นเวลาเหลือน้อยจะหลับก็เกรงว่าจะตื่นสาย ดังนั้นเพื่อค่าเวลาที่ว่าง เมื่อเวลาจงกรมก็ไปไหนต่อไหนมาแล้ว มีหลายเรื่องที่จะคุยกัน มีหลายเรื่องที่จะคุยกัน แต่ก็คิดว่าไม่ควรจะกลายเป็นเล่านิยายเพ้อไป จึงหยิบหนังสือพระไตรปิฎกที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาอ่าน

พอเปิดก็พบ วิมานวัตถุ พอดี อ่านดูแล้วคิดว่าดี จึงเอาเขียนแก้ว่าง ลองอ่านดูสักนิดนะ ท่านอ้างว่าเป็นปฏิปทาของพระโมคคัลลาน์ เรื่องการเที่ยวสวรรค์ นรกนี้ เป็นปกติธรรมดาของทุกท่านที่ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ถ้ามุ่งเอาจริงตามอิทธิบาทแล้ว ไม่พ้นความสามารถ ท่านเขียนว่าอย่างนี้

ท่านว่า พระโมคคัลลาน์ ท่านไปสวรรค์ ท่านถามนางเทพธิดาองค์หนึ่งว่า สวนมะม่วงของเธอนี้น่ารื่นรมย์ ในสวนมีปราสาทใหญ่ (ปราสาทคือวิมาน) มีเสียงดนตรีและนางเทพอัปสรมาก มีโคมดวงใหญ่สว่างไสวมาก ร่างกายเธอเองก็แสงสว่างไปทั่วจักรวาล ปราสาทของเธอมีสวนมะม่วงสงบ เป็นสวนที่มีต้นมะม่วงแพรวพราวสว่างไสวมากเหมือนเอาเพชรมาประดับไว้ อยากทราบว่าเมื่อเป็นมนุษย์เธอทำบุญอะไรไว้จึงมีทิพยสมบัติประเสริฐอย่างนี้ (ย่อความให้สั้นเข้า เพราะในพระไตรปิฎกท่านพรรณนาไว้ยาวมาก)

เธอตอบว่า เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ทำบุญไว้อย่างนี้เจ้าค่ะ (ตอนนี้ขอลอกสำนวนในพระไตรปิฎก) เมื่ออยู่เมืองมนุษย์ฉันมีจิตเลื่อมใสได้สร้างวิหารถวายสงฆ์แล้วปลูกต้นมะม่วงล้อมวิหารนั้น (วิหารคือกุฏิใหญ่) เมื่อสร้างเสร็จจึงฉลอง ล้อมต้นมะม่วงด้วยผ้า เอาผ้าทำเป็นผลมะม่วงแล้วประดับด้วยโคมไฟไว้ที่ต้นมะม่วง นิมนต์พระมาฉันภัตตาหาร แล้วถวายวิหารแด่พระสงฆ์

ด้วยบุญเพียงเท่านี้จึงมีสวนมะม่วงน่ารื่นรมย์ มีปราสาทใหญ่กว้างขวางในสวนมะม่วงนั้น มีเสียงกึกก้องด้วยเสียงดนตรี และเกลื่อนกล่นด้วยนางเทพอัปสรและปราสาทนี้มีประทีปดวงใหญ่ประจำแสงสว่างไสวมาก เพราะถวายแสงสว่างด้วยบุญแบบนี้ ดิฉันจึงมีวรรณะคือผิวงาม และแสงสว่างออกจากกายไปทั่วทุกทิศ

ที่เอาเรื่องนี้มาเขียนแก้ว่าง ก็เพราะเห็นว่าทุกท่านทำบุญอย่างนี้แล้ว จึงต้องการให้ทราบอานิสงส์ที่จะพึงได้เมื่อยังไปนิพพานไม่ได้ จะได้ทราบว่ามีที่พักบนสวรรค์น่ารื่นรมย์ใจอย่างนี้ วันนี้ขอพักทีปวดแขนตาลาย

วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๓๑

วันนี้ของดพูดเรื่องก่อนหลับเพราะไม่มีข่าวพิเศษ คงปฏิบัติตามปกติที่เขียนมาแล้ว ในขั้นแรกขอเอาข่าวทำบุญมาพูดก่อน ต่อไปจะพูดเรื่องผีชั้นสูงไม่ใช่ผีก่อนหลับ แต่เป็นประวัติเรื่องผีที่ชาวบ้านชอบนับถือ มาเล่าสู่กันฟัง

เรื่องทำบุญมีดังนี้

คุณอภิชัย อัจฉรา สาธุ กรุงเทพฯ มาถวายอาหารเพลพระลงทุนประมาณ ๓๐๐ บาท
คุณโทน สระทองมอญ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ถวายอาหารเพลพระ ลงทุนประมาณ ๒๐๐ บาท
ญาติโยมที่มาวันนี้ มี ๒-๓ คน ถวายไว้ ๕๖๐ บาท

ท่านที่ทำบุญทางธนาณัติวันนี้

๑. คุณคลาย พุ่มน้อย จ.สุราษฎร์ธานี ถวายกฐิน และธรรมทาน ๕๐๐ บาท
๒. คุณพิไลพรรณ พงษ์พูล จ.ชลบุรี ช่วยกิจการโรงเรียนพระสุธรรมฯ ๑๐๐ บาท
๓. คุณนพปฎล สุนทรนนท์ กรุงเทพฯ ให้ทุนการศึกษานักเรียน ๑๐๐ บาท
๔. จ.ส.ต.ประยูร จันทเลิศ จ.ยะลา สร้างรถธรรมทาน ๕๐๐ บาท
๕. คุณจิตตินันท์ สุขพละ จ.ชลบุรี ถวายสังฆทาน ๑๐๐ บาท
ขออนุโมทนาทุกท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว จงมีความสุขสมหวังตามที่ทุกท่านตั้งใจจงทุกประการเถิด



15

เรื่องผี

เมื่อจบเรื่องทำบุญแล้ว ก็มาคุยกันเรื่องผีต่อไป คำว่า ผี หมายถึงท่านที่เรามองไม่เห็นตัว แต่ในกาลบางครั้งท่านแสดงให้เราเห็นได้ ถ้าเราอยากเห็นท่านฝ่ายเดียว โดยที่ท่านไม่ต้องการให้เราเห็น เราก็จะเห็นท่านไม่ได้ ท่านทั้งหลายที่พูดถึงคนเราโมเมเรียกท่านว่า ผี แต่อาจจะเป็น เปรต อสุรกาย สัมภเวสี เทวดา พรหม วิสุทธิเทพ ก็ได้ทั้งนั้น แต่พวกเราให้ชื่อย่อท่านว่า ผี เลยชักไม่แน่ใจว่าท่านเป็นผี หรือพวกเราเป็นคนผีผีกันแน่

บวงสรวง

วันนี้การบวงสรวงที่โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา เพราะตั้งศาลไว้สองศาลจะเป็นศาลใครบ้างก็ช่างเถอะ พูดไปเรื่องจะยาว ขอบอกย่อ ๆ ว่าศาลหนึ่งศาลภูมิเทวดา สองศาลอากาศเทวดา ถ้าจะถามว่า บวงสรวงหมายถึงอะไร ก็ขอตอบว่า หมายถึงเชิญเทวดา

ถ้าจะถามว่า เมื่อเชิญเทวดามาไหม ก็ต้องตอบว่า ท่านชอบใจท่านก็มา ท่านไม่ชอบใจท่านก็ไม่มา ถ้าถามว่า เมื่อท่านมาเราจะเห็นท่านไหม ก็ต้องขอบอกว่า ถ้าท่านต้องการให้เห็นเราก็เห็นได้ โดยไม่ต้องมีฌาน มีฌานอะไรเลย ถ้าท่านที่ได้ทิพจักขุญาณเห็นได้ตามชอบใจ ขอยกตัวอย่างดังนี้



16

ท้าวมหาราช

เมื่ออยู่กับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค วันหนึ่งท่านจะบวงสรวงเวลาใกล้ค่ำ ท่านให้จัดสถานที่เมื่อจัดแล้ว ท่านนิมนต์มาอีกสามองค์ รวมเป็นสี่องค์ทั้งท่าน เป็นพระเจริญกรรมฐานทั้งหมด แต่เป็นพระรุ่นเดอะ อย่างคนเขียนเป็นรุ่นแซดเพราะดีแต่คุยแซดจนคนฟังรำคาญ ก่อนบวงสรวงหลวงพ่อปานท่านถามว่า เคยเห็นท้าวมหาราชไหม กราบเรียนท่านว่า ไม่เคยเห็น

ท่านถามว่า วันนี้อยากเห็นไหม ตอบท่านว่า อยากเห็น ท่านบอกว่าให้ขอพรท่านท้าวมหาราชว่าขอเห็นทั้ง ๔ องค์ หรือองค์ใดองค์หนึ่งตามที่เธอต้องการ กราบเรียนท่านว่า ถ้าเห็นไม่ได้ทำอย่างไร ท่านถามว่า เธอเจริญกรรมฐานเวลาเท่าไร กราบเรียนท่านว่า ตีสองตรงทุกวัน ท่านบอกว่า ถ้าเธอเห็นไม่ได้ ให้ขอพบท่านเวลาเจริญพระกรรมฐาน เลือกเอาองค์ใดองค์หนึ่งหรือทั้งสามองค์ก็ได้ แล้วท่านก็บวงสรวง ผู้เขียนเห็นเต็มไปหมด...เปล่า...ไม่ใช่เห็นเทวดา เห็นใบจามจุรีที่ร่วงลงกลางลานวัดหลายวันมาแล้ว เต็มบริเวณวัด

เมื่อบวงสรวงเสร็จหลวงพ่อปานท่านถามว่า เห็นใครบ้างไหม ตอบท่านว่า ไม่เห็นใครเลย ท่านถามว่า คืนนี้อยากพบองค์ไหน ตอบท่านว่า อยากพบท้าวเวสสุวรรณ ท่านถามว่า ขอร้องท่านหรือเปล่า ตอบท่านว่า ขอร้องแล้ว หลวงพ่อปานท่านบอกว่า ได้เห็นแน่แต่อย่าทำอารมณ์ให้เครียดเหมือนเมื่อกี้นี้ ต้องทำใจเป็นสมาธิเบา ๆ จะเห็นเอง

เป็นอันว่าคืนนั้นตื่นเวลา ๑ นาฬิกา ๓๐ นาที ตามปกติล้างหน้าเสร็จ บูชาพระเสร็จเหลือเวลาอีก ๕ นาที ก็เริ่มเข้านั่งประจำที่ตามปกติ เมื่อเริ่มจับอานาปาได้สองครั้ง คือหายใจเข้าแล้วเริ่มหายใจออก หลับตาอยู่ เห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งแต่งชุดขาวทั้งชุด

ในเวลาต่อมาท่านบอกว่า ท่านแต่งเหลืองเพราะเข้าในเขตพระ แต่คุณเห็นเป็นขาวเอง มีกระบองยาวคล้ายไม้พลองลูกเสือ เดินมาในอากาศทางด้านทิศเหนือ ประเดี๋ยวเดียวมายืนอยู่นอกหน้าต่างไม่มีเขี้ยว หน้าเรียบสวยยืนเฉยพูดก็ไม่พูด ตอนนี้รู้แล้วว่าท่านผู้นี้เป็นท่านเวสสุวรรณแน่ เริ่มปอดลอยใจเต้นเป็นกลองเพลคือเต้นแรง เพราะความกลัว

สักประเดี๋ยวหนึ่งทนกลัวไม่ไหวก็ออกปากพูดกับท่านว่า ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาเชิญกลับได้แล้ว เมื่อพูดจบท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า เมื่ออยากรู้จักผม อยากเห็นผม ผมก็มาให้รู้จักมาให้เห็นแล้วกลัวทำไม ท่านยิ้มตลอดเวลา อาการยิ้มของท่านสดชื่นมาก เมื่อท่านพูดเรื่อย ๆ แบบผู้ใหญ่กลับกลัวหนักเข้า

เมื่อท่านจะกลับ ท่านก็บอกว่า มีธุระอะไรละก็นึกถึงผมนะครับ ผมจะมาทันทีไม่ต้องใช้ฌานใช้ญาณอะไรผมให้เห็นเอง แล้วปรึกษาหารือกันได้ เมื่อท่านไปแล้ว คลำดูตัวว่าอะไรมันเปียก รู้ภายหลังว่า ที่เปียกนั้นคือเหงื่อแสดงว่ากลัวจนเหงื่อแตก จากนั้นมาก็เห็นท่าน ปรารภเรื่องที่ต้องการได้เป็นปกติ ไม่ต้องใช้ฌานหรือญาณ เรื่องผีเรื่องแรกขอพักเท่านี้เพราะง่วงนอนแล้ว

วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๑

วันนี้ภาระมาก ร่างกายป่วย หมอนพพร และ หมอเตือนใจ เอายามาให้ ๓ ขนาน เป็นยาดับกรดที่ใช้ได้ผลมาแล้วและยาแก้ปวดหลัง แถมยาขับลมอีกขนานหนึ่ง กินแล้วทั้งสามขนานให้ผลคือ ทำให้อาการอืดเสียดลดตัวเร็ว ยาดับกรดนี้ทำให้ความร้อนภายในหายไปมาก เหลือเล็กน้อย

วันนี้ทำท่าจะแย่ เพราะตั้งแต่เช้าจนเย็นหาอาการสบายไม่ได้เลย ต่อเมื่อกินยา ๓ ขนานนี้แล้วฟื้นตัวเร็วมาก พ.อ.สถาพร มานวดให้ตอนค่ำ ดีขึ้นมากตอนเช้า วิวัฒน์ โกศล มานวดให้เธอมานวดประจำอยู่หลายวันแล้ว ขาแข็งหายไปตัวแข็งเบาลง เพี้ยง...หายเสียทีนะ คงหายตามเวลาพุทธพยากรณ์แน่ ที่บันทึกนี่ก็เพื่อกันลืมที่ท่านพยากรณ์ไว้ อีกสองปีท่านว่าจะสมบูรณ์ที่สุด รอไปก่อนจนกว่าจะถึงวันนั้น

ก่อนคุยเรื่องผี

เรื่องผียังมีอีกแต่รอประเดี๋ยว ขอบันทึกชื่อท่านที่ให้เงินใช้เสียก่อน กันลืมความดีของท่านดังนี้
๑. พระครูศรีรัตนานุรักษ์ วัดศรีรัตนาราม ต.ชอนสรเดช อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ให้ค่ารถทัวร์ธรรมทาน ๑๐,๗๑๐ บาท
๒. พระครูรัตนวรรณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขาป่าแก้ว อ.วังน้ำเย็น จ.ปราจีนบุรี พร้อมคณะมีคุณสุนีย์ กอเกษตร ร้านนภพานิชย์ เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถวายเงินและของร่วมงานกฐินดังนี้ ผ้าไตร ๓ ชุด บาตร ๓ ลูก ย่าม ๓ ใบ เงิน ๔๔,๗๑๐ บาท
๓. คุณชัยยะ เขียวอำพร สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓,๐๐๕ บาท
๔. เถ้าแก่เนี้ย สุรัตนา เลาหสุรโยธิน ถวายสังฆทาน ๒,๐๐๐ บาท

รวมรับวันนี้ทั้งหมด ๖๑,๙๔๑ บาท

ส่วนที่เกินจากที่เขียนมาแล้ว ท่านไม่ได้บอกชื่อ
วันนี้แขกมาจากกรุงเทพฯ ลพบุรี ปราจีนบุรี นครสวรรค์ ตอนกลางคืน พ.อ.สถาพร-ศิริพร พงษ์พิทักษ์ เอาเงินมาให้ ๒,๐๐๐ บาท และนำกล้วยตากมาถวายเยอะ
หลวงพ่อลักษณ์ นำอาหาร และของอื่นที่กินได้มาให้มาก

ท่านที่ถวายเงินทางไปรษณีย์ (ธนาณัติ)

๑. คุณวิโรจน์ คุณจอมนัทรี วรวรรณธนะชัย ชิคาโก้ อเมริกา สร้างรถธรรมทาน ๒๐๐ ดอลลาร์ สร้างวิหาร ๑๐๐ เมตร ๕๐ ดอลล่าร์ รวม ๒๕๐ ดอลล่าร์
๒. คุณสุชาดา รัตนพฤกษ์ ชิคาโก้ อเมริกา สร้างรถธรรมทาน ๒๕ ดอลล่าร์ ถวายส่วนองค์ ๒๕ ดอลล่าร์ ทำบุญทุกอย่าง ๑๕๐ ดอลล่าร์ รวม ๒๐๐ ดอลล่าร์
๓. คุณวรรณี จันทรวงศ์ พิษณุโลก สร้างรถธรรมทาน ๒๐๐ บาท ให้ทุนนักเรียน ๓๐๐ บาท
๔. คุณปาริชาติ-คุณบวรมน พิษณุโลก สร้างรถธรรมทาน ๑๐๐ บาท
๕. ร.อ.สมศักดิ์ พัฒนสวัสดิ์ ปทุมธานี สร้างรถธรรมทาน ๕๐๐ ถวายกฐิน ๕๐๐ บาท

รวมเงินไทย ๑,๖๐๐ บาท เงินอเมริกัน ๔๕๐ เหรียญ

เมื่อมีข่าวรับเงิน ก็ขอแจ้งข่าวจ่าย ด้วยวันนี้ พ.อ.สถาพร มาบอกว่ารถโดยสารพิเศษ ชื่อ ขุนแผน ของมูลนิธิฯ และศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนฯ เอาไปทำตัวถังใหม่เสริมเครื่องปรับอากาศรวมราคาทั้งหมด เดิมท่านบอกว่าทางอู่คิดไม่เกินสี่แสน ต่อมาอู่ถาวรฟาร์มเพิ่มพัดลมให้ ๘ ตัว เสริมแหนบให้อีก เพราะแหนบเดิมอ่อนไป ด้วยเพิ่มเครื่องปรับอากาศแทนที่อู่ถาวรฟาร์มจะคิดเงินเพิ่ม กลับลดลงไป ได้แจ้งมาว่าขอทำบุญด้วยรวมเงินที่คิดมาเพียง ๓๖๐,๐๐๐ บาท ทั้งแถมทั้งลดเหลือไม่ถึงสี่แสน ขอให้อู่ถาวรฟาร์มและบริษัทนี้ และอู่ที่ช่วยทำ ไม่ได้บอกชื่อมาจงรวยและเจริญต่อไปเถิด

รถที่ทำนี้ไม่ใช่รถรับโดยสาร เป็นรถสำหรับส่งคนทำความดีกลับบ้าน เพราะมีคณะในกรุงเทพฯหลายสิบคนมาช่วยงานวัดดายหญ้าวัด แต่งต้นไม้ เป็นต้น เสียเงินค่ารถมาเอง เอาอาหารมารับประทานเอง ความจริงวัดเลี้ยงแต่ไม่ค่อยได้รับประทาน ส่วนใหญ่ประกอบอาหารรับประทานเอง เมื่อไม่ส่งก็ขึ้นรถกลับเอง พระฯท่านแนะนำให้ปรับปรุงรถ เพื่อคนที่มาช่วยงานวัดเหนื่อยจากงาน และทำบุญด้วย เที่ยวกลับบ้านให้เอารถไปส่งจะได้เย็น ๆ คลายความเหนื่อยพอมีความสุขบ้าง ขอโมทนาความดีของทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย

คุยเรื่องผีต่อ

เมื่อวานนี้คุยเรื่องท่านเวสสุวรรณ เมื่อท่านจะกลับท่านสั่งว่า ต่อไปมีอะไรที่ผมจะบอกได้ หรือพอจะช่วยได้ขอให้บอกผม ผมจะมาหาโดยที่ไม่ต้องเข้าฌาน เข้าญาณ ตั้งแต่นั้นมาก็พบท่านเรื่อย ๆ ท่านช่วยมาตลอด ยิ่งปัจจุบันนี้พบท่านเป็นปกติทุกวัน ทั้งนี้เพราะใกล้ตายยึดเทวตานุสสติไว้ คงตกนรกยาก สร้างที่พึ่งให้ตนเองและท่านช่วยทุกอย่างแม้แต่เดินก็ช่วย พรรณนาไม่จบแน่..!

ท่านลุงทั้งสอง

การที่จะติดต่อท่านลุงทั้งสองนี้ ก็ไม่ต้องใช้ฌานหรือญาณเหมือนกัน เพราะเมื่อคราวตายสมัยเด็กอายุ ๑๐ ปีเศษ สมัยนั้นท่านลุงท่านนำพวกมารับคนตายชุดใหญ่ ๒๐๐ คนเศษ ตามท่านไปถึงแดนกั้นเขตชั้นจาตุมหาราชกับเขตมนุษย์ต่อกันเป็นภูเขากั้นชายแดน ท่านลุง ท่านแนะนำว่า ต่อไปถ้ามีเรื่องอยากรู้อะไรสวรรค์หรือนรก เป็นต้น ให้มาที่ตรงนี้แล้วนึกถึงลุง ลุงจะมาหาแล้วจะรู้อะไรก็ได้หมด นับแต่วันนั้นมาต้องการพบเมื่อไรท่านให้พบเสมอ



17

พบพระอินทร์

เมื่อป่วยหนัก อายุ ๒๗ ปี ตายไปครู่หนึ่ง พระอินทร์ ท่านเอายามาให้กิน โรคหายตามเวลาที่ท่านบอก ท่านอนุญาตให้พบท่านได้เมื่อมีเหตุที่สมควร ทั้งหมดท่านเมตตาเสมอ เรื่องละเอียดมีในประวัติหลวงพ่อปาน หาอ่านเอาเองก็แล้วกัน..!



18

พระภูมิมีจริงไหม

ขอยืนยันว่า พระภูมิมีจริง ที่ท่านเรียกว่า ภูมิเทวดา มีวิมานอยู่ระดับแผ่นดิน วิมานเลื่อนหนีสิ่งที่มาชนได้โดยที่พระภูมิไม่ต้องเข็นวิมาน เมื่อถามว่าภูมิเทวดามีอานุภาพไหม ขอตอบว่าอานุภาพของท่านมีแน่ แต่ทว่าเทวดาไม่ใช่คนไม่ซุกซนใช้อานุภาพแบบคนอันธพาลหรือคนบ้า ท่านใช้ตามความจำเป็น ถ้าถามว่า เคยพบพระภูมิหรือ ขอตอบว่าพบแน่เมื่ออายุ ๓๒ ปี เรื่องราวมีดังนี้

ปีนั้นรับภาระเป็นเจ้าอาวาส วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา กุฏิหลวงพ่อปานไม่มีใครเข้าไปอยู่ พระอาวุโสมากตั้งแต่ ๒๐ ถึง ๓๐ พรรษามี ท่านได้กรรมฐานท่านรู้ความเป็นไป ไม่มีองค์ใดเข้าไปอยู่ ผู้เขียนพรรษาน้อยท่านให้เป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งเจ้าอาวาสก็คือตำแหน่งขี้ข้า ที่ต้องพร้อมรับคำด่าตลอดเวลา พระ เณร เด็ก คนวัด หมาวัด ไปทำไม่ดีที่ไหนเขาก็ด่าเจ้าอาวาส เงินเดือนก็ไม่มีแต่ต้องเลี้ยงคนอื่น วัดก็ต้องสร้างมันจะพังก็ต้องบำรุงซ่อมแซม เป็นอันว่าตำแหน่งเจ้าอาวาสคือตำแหน่งขี้ข้างานและขี้ข้าเสียงนินทา

คุยกันเรื่องพระภูมิ

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว เห็นกุฏิหลวงพ่อปานไม่มีใครอยู่ ก็เข้าไปทำความสะอาดทำเองไม่ได้ใช้ใคร เวลาใกล้ค่ำก็เอาเสื่อเก่า ๆ หนึ่งผืน หมอนเก่า ๆ หนึ่งใบ ผ้าห่มเก่า ๆ หนึ่งผืน เข้าไปนอนห้องในสมัยเมื่อหลวงพ่อปานอยู่ท่านนอนห้องนอกคือห้องใหญ่ เวลานั้นได้เอาโต๊ะหมู่บูชาและพระพุทธรูปมาตั้งที่หลวงพ่อปานนอน

เมื่อเข้าไปห้องในเวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกา ก็ออกมาเพื่อบูชาพระพอจุดธูปไม่ทันจุดเทียน ได้ยินเสียงประตูห้องในเปิดมีเสียงคนเดินออกมาข้างหลัง เพราะนั่งหันหลังให้ห้องใน คนนั้นมายืนข้างหน้าด้านขวามือ เป็นชายท้วมเนื้อเต็ม ผิวขาวเครื่องแต่งกายขาวทั้งชุด

ท่านบอกภายหลังว่าเครื่องแต่งกายวันนั้นเหลือง เพราะเข้ามาในเขตพระ ท่านใช้สีเหลืองแต่กลางคืนเห็นเป็นสีขาว มือขวาตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงปลายนิ้ว สีแดงจัด แดงมือเดียว ลืมตาก็เห็นหลับตาก็เห็นไม่ต้องใช้ฌานเพราะไม่มีจะใช้ ถามท่านว่า ท่านเป็นใคร ท่านตอบว่า ผมคือภูมิเทวดาที่รักษาที่วัดนี้ ถามท่านว่า ท่านมาทำไม ท่านตอบว่า ผมมาหาคุณจะแนะนำให้คุณตั้งศาลพระภูมิ ถามท่านว่า ท่านไม่มีวิมานอยู่หรือ

ท่านตอบว่า วิมานผมมี แต่ที่ให้ตั้งศาลนี่ไม่ใช่พระภูมิจะอยู่ที่ศาล เป็นการแสดงความยอมรับนับถือกัน ได้บอกท่านว่า ศาลที่เจ้าอาวาสองค์เก่า ๆ ท่านตั้งไว้ข้างศาลของคุณศาลไม่พอหรือ ท่านตอบว่า นั่นเป็นศาลของคนอื่นไม่ใช่ศาลของคุณ ถามท่านว่า เมื่อก่อนนี้ได้อยู่วัดนี้มาตั้งหลายปีไม่ได้ตั้งศาลก็อยู่ได้ เดี๋ยวนี้ทำไมต้องตั้งศาล ท่านบอกว่า เมื่อก่อนคุณไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส เวลานี้เป็นเจ้าอาวาสแล้วต้องตั้งศาล หลวงพ่อปานอาจารย์คุณท่านก็ตั้ง เพราะท่านเกรงใจผมและคุณจะตั้งไหม ถามท่านว่า ถ้าไม่ตั้งจะมีอะไรเกิดขึ้น ท่านบอกว่า วันพรุ่งนี้ ๕ โมงเย็นถ้าคุณไม่คิดจะตั้งจมูกข้างซ้ายจะหายใจไม่ออก วันมะรืนนี้ ๕ โมงเย็นยังไม่คิดจะตั้ง จมูกข้างขวาจะหายใจไม่ออก อีกวันหนึ่งถ้ายังไม่คิดจะตั้ง คุณจะหายใจทางคอไม่ออก (ตาย)

จึงบอกท่านว่า รอให้จมูกหายใจไม่ออกก่อนจึงจะตั้ง ท่านบอกว่า ถ้าคุณคิดจะตั้งศาลแน่นอนเมื่อไรจะหายใจคล่องทันทีผมลาละ เมื่อท่านไปแล้วก็คิดแบบคนเลวคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล พอถึงเวลานั้นหายใจไม่ออกทันที เห็นท่าไม่ได้การรับจุดธูปบอกผมยอมแพ้ ท่านปรากฏตัวให้เห็นแล้วก็ถามว่า รู้อานุภาพพระภูมิหรือยังก็ยอมรับอานุภาพท่านแล้ว

ท่านก็บอกว่า จงไปตาม นายโต๊ะ มายกศาล คนอื่นยกไม่ได้ ท่านดีมากรู้จักพิสูจน์ ต่อไปถ้าต้องการให้ผมช่วยอะไร ถ้าไม่เกินวิสัยผมช่วยท่านตามกำลัง ถามท่านว่า ต้องเข้าฌานถามไหม ท่านถามว่าคุณมีฌานหรือ ตอบท่านว่า มีแต่มันใช้ไม่ค่อยดี ท่านบอกว่าเรากันเองไม่ต้องใช้ฌานหรือญาณ เพียงนึกถึงผม ผมก็มา อย่างที่เห็นอยู่นี้ดีกว่าเวลาไหนก็ได้ เพราะผมพักอยู่ในบริเวณวัดเป็นอันว่า ในเวลาต่อมานัดพบท่านเวลา ๖ โมงเช้าทุกวัน เพื่อถามภารกิจวันต่อไป

พอดีกระดาษร่างต้นฉบับหมด "เรื่องผี" ยังมีอีก อ่านเล่ม ๓ ต่อไป จะเล่าเรื่องรุกขเทวดา ผีนางตะเคียน ให้ทราบ สำหรับเล่มนี้ขอลาเพียงเท่านี้ ขอทุกท่านที่อ่านจงรวยมาก ๆ และปลอดภัย..!

ส.สังข์สุวรรณ

*** จบหนังสืออ่านเล่น เล่มที่ ๒ ***

((( โปรดติดตามอ่าน เล่มที่ ๓ ต่อไป )))


◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top