Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 5/5/12 at 00:10 [ QUOTE ]

ไม่มีกำลังใจปฏิบัติธรรมเหมือนแต่ก่อนเลย


คับ คือว่าผมไม่มีกำลังใจปฏิบัติธรรมเลย จากเมื่อก่อนเคยปฏิบัติมาพอสมควร แล้วจู่ๆก็เริ่มถดถอยไม่มีกำลังใจ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก เป็นมาจะเป็นปีแล้ว...ผมควรจะทำไงดี บางทีก็คิดอยากนั่งสมาธินะ แต่เวลาที่จะเอาจริงกลับไม่มีกำลังใจเลย สงสัยโดนกรรมเล่นงานหนัก ใครที่พอได้มโนมยิทธิช่วยตอบผมด้วยว่าควรทำไงดี ผมเริ่มท้อแล้วนะ (แต่ไม่ถอย) ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ตอบทุกท่านคับ...*0*

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 00:10 [ QUOTE ]


ชื่อวิญญู นะคับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 13:39 [ QUOTE ]


วันก่อนผมได้ฟังหลวงพ่อตอบปัญหาของผู้ที่ไม่มีกำลังใจ ท่านให้จับลมหายใจ เข้าออกโดยตั้งใจนับให้ถึง 10 ถ้าไม่ถึงก็เริ่มต้นใหม่ เอาแค่น้อย ๆ ครั้ง แต่ต้องให้ได้ 10 ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็เลิกครับ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 14:00 [ QUOTE ]


ขอเอาใจช่วยนะ พยายามสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งนะ ** จุดที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลกคือ จิตใจ *** ขอแค่มีจิตใจที่ไม่ยอมแพ้อย่างเดียว สู้ๆๆๆ...

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 14:05 [ QUOTE ]

พยายามนะค่ะ วันละนิดหน่อยก็ยังดีค่ะ อย่าทิ้งนะค่ะกว่าเราจะมาพบและเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์มันช่างแสนยาก บุญมากค่ะที่ได้เกิดมาและ




[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 15:17 [ QUOTE ]


ส่วนกรณีของผม น่าจะหนักกว่าเจ้าของกระทู้ คือทั้งท้อถอยและทั้งไม่เชื่อและปรามาสพระเป็นประจำ อาการจะมาคู่กันคือ มันเหมือนมีอีกจิตหนึ่งคอยคิดด่าพระ เกลี่ยดพระอย่างที่สุด ไม่มีสาเหตุ ไม่เคยเกลียดใครเท่านี่มาก่อน ก็เลยพาลไม่ปฏิบัติเอง ทั้งที่ก็เคยฝึกมโนมยิทธิ เห็นพระพุทธเจ้าเป็นเพชรสวยงามทั้งองค์มาแแล้วนะครับ รวมถึงครูบาอาจารย์องค์ต่างๆก็พิสูจน์เรื่องกฏของกรรมให้เราเห็นเฉพาะตัวมาแล้วตลอดเวลานะนี่

อาการเหล่านี้มันก็ยังเกิดขึ้นและดับไปเองครับ แต่ว่าเวลาไปวัดเพื่อทำบุญหรือเวลาอยู่ในเขตวัดหรือเขตบ้านซอยสายลม อาการเหล่านี้จะหายไป ก็คือรักพระตามเดิม เรียกว่าสลับไปมาระหว่างปรามาส และเคารพพระ เป็นมาตลอดหลายปีแล้วครับ อันนี้เคยอ่านที่หลวงพ่อเทศน์ไว้ ท่านบอกว่าบุญหมดกะทันหัน จนช่วงหลังๆมานี้อาการปรามาสพระก็ยังมีอยู่ เลยกลายเป็นเครื่องเตือนใจว่าต้องไม่ประมาท เนื่องจากสังเกตอาการแล้ว หากหยุดภาวนา นิพพานสุขัง หรือคาถาเงินล้าน และอื่นๆ ไปเป็นวันๆ การปรามาสและการท้อถอยจะโผล่มาทันที ดังนั้นก็เลยเป็นสูตรของตัวผมเองว่า

1 อย่างน้อยที่สุด แม้จะท้อถอยและปรามาส ก็ให้ภาวนานิพพานนะสุขังไว้ก่อนก็ยังดี เรียกว่าภาวนาแบบนกแก้วนกขุนทองก็ยังดี หลายครั้งจิตภาวนาคำหนึ่ง ก็นึกด่าพระอีกคำ ก็มี ก็ต้องสู้กันไป
2 ขอขมาพระทุกวัน วันล่ะหลายรอบยิ่งดี (แม้บางทีระหว่างขอขมาจิตจะคิดจะด่าพระด้วยซ้ำไป เรียกว่าฝืนขอขมากันเลยทีเดียว เอากะมันซิ)
3 อาราธนาพระเสด็จประทับนั่งบนศรีษะทุกวัน (อีกใจหนึ่งก็คิดไล่พระด้วยซ้ำ)
4 รักษาศีล5 กรรมบท10 เฉพาะเวลาก็ยังดี เรียกว่ารักษาเฉพาะเวลาสั้นๆ เนื่องจากเดี๋ยวอาการปรามาสก็จะเกิดขึ้นมาอีก ทันที่ที่ปรามาสก็ผิดศีลและกรรมบทแล้วครับ เพราะอาฆาตมาตร้ายพระ
5 พยายามเห็นให้ได้ ว่าอาการท้อใจ เหี่ยวใจ หรืออารมณ์แค้นในพระ มันเกิดขึ้นและเดี๋ยวก็ดับไป
จิตไม่ใช่ผู้ท้อถอย การท้อถอยเหี่ยวใจหรือการแค้นเกลียดพระ เป็นแค่กิเลสคือปฏิฆะผ่านมาตรงหน้าจิตเท่านั้น เดี๋ยวก็ดับไป เป็นมหาสตินั้นเอง ตรงนี้ถ้าเห็นได้อย่างนี้ จะเกิดความมั่นใจมากๆๆๆๆๆเลยทีเดียวครับ อารมณ์จะดีมีสุขแบบฉับพลันทีเดียว

6 ถ้าทำอย่างที่กล่าวไม่ไหวจริงๆ มันท้อจริง มันจะแค้นพระจริงๆ ก็ให้ท่านรีบไปฟังเพลงดูหนังข้างนอกทันที ให้ลืมความท้อถอยลืมการด่าพระไปกอ่น อย่าฝืนสู้ ไม่งั้นจะเป็นโรคประสาท แล้วค่อยมาเริ่มใหม่โดยใช้เวลาสั้นๆไม่เกินสิบนาที ก็จะช่วยแก้ความท้อถอย การเกลี่ยดพระได้ตามสมควร


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/5/12 at 17:53 [ QUOTE ]


ไม่มีกำลังใจ ท้อใจใจแม้จะนับลมหายใจสัก 2-3 คู่หรือแม้กระทั่งสวดพระคาถาเงินล้านซักจบสองจบเลยใช่ไหมครับ น่าจะเป็นเพราะปฏิบัติไปแล้วยังไม่พบสุขไม่พบปิติ ใจไม่ชุ่มชื้น เลยขาดกำลังใจทำต่อ

แนะว่างี๊นะครับ ถ้าอยู่ใน กทม. หาเวลาไปบ้านสายลมตอนหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านมาเช่นวันเสาร์อาทิตย์จันทร์นี้ ไปนั่งฟังหลวงพ่อท่านพูดคุยกับญาติโยม ไปเห็นคนอื่นๆเขาขมีขมันทำบุญ คุยกันถึงเรื่องปฏิบัติธรรม หรือลองไปนั่งฟังหลวงพ่อสุรจิตต์(ท่านมาสายลมเดือนนี้ด้วย)คุยเรื่องธรรมะให้ญาติโยมฟังก็ได้ ลองไปนั่งซักวันนึง

การได้ไปอยู่ใกล้ๆพระอริยสงฆ์ ใกล้คนทรงฌาณและอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบด้วยคนมีพลังใจสูงๆ จะดึงให้เรามีกำลังใจกลับมาได้ เหมือนได้ไปชารจ์พลังงานใจประมาณๆนั้นครับ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 7/5/12 at 06:47 [ QUOTE ]

การปฏิบัติธรรมของคุณ prachachon


คุณ prachachon
ผมขอแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้ จากการที่ผมได้อ่านหนังสือมาหลายเล่มว่า มีหลายคนที่ฝึกแล้วจะมีอาการเหมือนกับท่าน ขอให้ท่านหมั่นขอขมาพระรัตนไตรบ่อยๆวันละหลายครั้งตามที่ท่านทำถูกต้องแล้ว แต่ผมขอแนะนำว่า ขอให้ท่านพิจารณาว่า การเป็นพระพุทธเจ้านั้น ต้องสร้างบารมียาวนานมาก ตั้งแต่เกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมดา จนตั้งใจปรารถนาเป็นพุทธภูมิและหลังจากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลแล้ว จึงต้องเริ่มต้นสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตย์ อีก 4 อสงไขกับแสนกัป(เฉพาะพระพุทธเจ้าที่เป็นปัญญาธิกะ) จุดประสงค์การเป็นพระพุทธเจ้านั้นเพื่ออะไร? ทำไมต้องมาทรมานสร้างบารมีนานมาก เกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมดาสบายกว่าเยอะเลย ขอให้ท่านพิจารณา พระองค์มีความเมตตามากๆๆ ทรมานตัวเองเพื่อต้องการขนสัตว์โลกให้เข้านิพพานให้มากที่สุด ทำไมบางคนถึงไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเข้าบ้าง เพราะว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นมีแต่ความทุกข์ แล้วต้องมาสร้างบารมีตั้ง 30 ทัศน์ ไม่ง่ายที่จะทำ หลังจากที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอีกมากมาย บางครั้งก็ป่วยไข้ไม่สบาย ต้องมีท่านหมอชีวกโกมารภัทร์คอยดูแลตลอด ขอให้ท่านได้พิจารณาถึงความเมตตาขององค์สมเด็จพระทศพลมีมากมายจนนับไม่ได้ ทั้งพระปัญญาธิคุณที่หาประมาณไม่ได้และพระบริสุทธิคุณ ที่ใสบริสุทธิ์จนเป็นแก้วประกายพฤษ์ ขอให้ท่านพิจารณาเรื่องนี้บ่อยๆ แล้วอาการนี้จะหายไป
นคร


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 8/5/12 at 18:19 [ QUOTE ]

ขอขอบคุณทุกกำลังใจครับ


ผมจะลองทำดูใหม่นะคับ....ก้อจริงอ่าคับ ผมไม่เคยขอขมาพระเลย ผิดจากเมื่อก่อนขอก่อนนอนทุกครั้ง และตั้งจิตตรงไปนิพพานอย่างเดียวเลย (คิดว่าถ้าการหลับครั้งนี้เป็นการหลับครั้งสุดท้ายจะไม่กลับมาเกิดละโลกนี้ พอกันที)
แล้วก้อหลับแต่เดี๋ยวนี้ไม่เลยแม้แต่จะทรงอานาปาฯก้อยังทำไม่ได้สงสัยต้องตั้งต้นใหม่ แต่จะบอกว่าธรรมะที่ครูบาอาจารย์ได้สอนไว้นั้นไม่เคยหายไปจากใจเลย มันยังอยู่แต่การปฏิบัติของผมมันไม่คืบหน้าเท่านั้นเอง อาจจะเป็นเพราะผมอยากได้ อยากเป็นหรือป่าวก้อไม่แน่ใจ หรือผมไม่ยอมปลงว่ามันก้อเป็นของมันอย่างนี้แหละ คือลืมมองเห็นเป็นธรรมดาของกาย และจิตอ่ะคับ...*-*


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 10/5/12 at 06:21 [ QUOTE ]


เข้ามาให้กำลังใจคะ สาธุกับทุกๆคนด้วยคะ

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 11/5/12 at 11:35 [ QUOTE ]


ยินดีด้วยค่ะ ที่ท่านผู้ตั้งกระทู้ กำลังจะผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่ เป็นการวัดใจหละค่ะว่า คุณจะรักสัจจะหรือถือสัจจะ ๑ ในบารมี ๑๐ ค่ะ แน่นอนว่ายาก เพราะการสู้กับความรู้สึกของตัวเอง มันยากกว่าการสู้กับศัตรู เพราะนั่นเป็นผู้อื่นที่เราหลบ ก็ยังพอบรรเทา แต่นี่ยามหลับและตื่นก็อยู่กับเรา มันวัดใจจริง ๆ ค่ะ ว่าคุณจะรักความดีคือองค์สมเด็จพระสัมมาฯพระอรหันต์ฯ ครูบาอาจารย์ที่เพียรสั่งสอนเรา หรือเรารักและจะกอดกับกิเลส ตัณหา อุปมาทานและอกุศลกรรม จะกอดกับพญามาร(ความชั่ว) สิ่งเหล่านี้มีแต่ทำให้เราตกต่ำ ต้องเป็นทาสของพญามาร ฯ ท่านก็นั่งหัวเราะเยาะเรา เอาพอสังเขปนะค่ะ กำลังทำงานอยู่ค่ะ
ถ้าคุณไม่เป็นเช่นนี้ เรียกว่า ยังเขาไม่ถึงธรรมค่ะ เพราะว่า การเบื่อหน่าย ท้อแท้ เป็นวิสัยของปุธุชนค่ะ หากคุณต้องการหลุดจากความเป็นปุธุชน ก็ต้องเอาความดีเข้าข่ม อีกอย่างหากคุณยังหลงไปว่า การทำสมาธิคือ การต้องตั้งท่าทำ ไม่ใช่ค่ะ ดิฉัน ทำตั้งแต่ นั่ง นอน ยืน เดิน วิ่ง แม้กระทั่ง เต้นในดิสโก้เทค โดยที่ในนั่นมีลูกแก้ว ส่องประกาย ดิฉันอยู่บนฟอร์ม ๓ ชั่วโมง โดยที่ไม่เหน็ดเหนื่อยทั้งที่ เพิ่งลองเข้าเทคครั้งแรกกับเพื่อน แต่จิตเราจับอยู่ที่ลูกแก้ว กระทบแสงแล้วเป็นประกายพรึก ซี่งยิ่งเต้น ยิ่งจับ ก็ยิ่งมีพลังค่ะ
ดิฉันเคยป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวไม่ค่อยดี การจะเดินไปเร็ว ๆ หลายก้าวก็เดินไม่ไหว แต่เมื่อคุณหมอให้ออกกำลังกายก็จำใจต้องออก เหนื่อยก็พัก เดินเร็ว จนมีวันหนึ่งร่างกายดีขึ้น จึงตั้งใจว่า จะเดินรอบสวนลุมให้ครบ ประมาณ ๓ กิโล จับภาพพระตลอด เหนื่อยภาพก็หาย มาได้เกือบครึ่งทาง ว่าจะหยุด หัวใจแทบจะหยุดเต็น เพราะมันเต้นเร็วมาก ดิฉันบอกสมเด็จพ่อว่า "หนูจะทนไม่ไหวแล้วหละเจ้าค่ะสมเด็จพ่อ พระองค์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า แล้วเลื่อนถอยหลัง คือ นำดิฉันเดินนะค่ะ พระองค์ทรงตรัสว่า พระนิพพานแค่มือเอื้อมเองนะลูก ดิฉันเอาจิต จะเอื้อมไปคว้าพระองค์ห่างกันแค่ ๑ ซ.ม. ก็จะแตะพระองค์ได้ ก็ไม่ได้ ทำอย่างนี้ไป จนถึง เส้นชัย คือ ณ ที่เริ่มต้น สมเด็จพ่อ ก็หายไป จึงรู้ว่า นี่เราวิ่งถึงจุดเริ่มต้นแล้วหรือ? ตอนแรกที่พระพุทธองต์ทรงตรัสเช่นนี้ ดิฉันคิดว่า เออ + ถ้าจะขาดใจตายตอนนี้ก็ช่างมัน ดีซิ จะได้เข้าพระนิพพานเลย
สิ่ง ๑ ที่คุณจะทิ้งจากจิตไม่ได้เลย คือ ความรักในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมีมารมาขวางเช่นไร ก็ถือว่าชั่วขณะจิตนั้น เรายังแม้มารอยู่ เราปล่อยให้เรานั่งกระดิกขา หัวเราะเยาะเรา แต่เราลูกตถาคต เราจะไม่มีวันยอมแพ้ ตอนนี้แค่หลงเป็นพวกท่าน แต่คนอย่างไร ลูกตถาคต เราจะถือธงชัยของพระอรหันต์ ปักธงที่พระนิพพานแน่นอน ถ้าเมื่อใดที่จิตตก ให้นึกถึงทางสู่พระนิพพาน แล้วอทิตสามานกาย ก็ถือธงชัยของพระอรหันต์ เอาปลายธงกระแทกกับพื้นแรง ๆ ๒ ข้างทางจะมีมาร(รวมถึงเจ้ากรรมฯ)อยู่เต็ม เมื่อใดที่เราทำเช่นนั้น มารจะหายไปหมดค่ะ เพราะความมุ่งมั่นตั้งใจของเราและความรักในองค์พระฯ และพระนิพพาน ไม่มีใครกล้าขวางได้ค่ะ ของทำดูนะค่ะ เป็นเคล็บลับที่ไม่ค่อยได้บอกใครนะค่ะ เห็นว่าตัวเองก็อายุเยอะแล้ว เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครได้ค่ะ
หวังว่า การได้เปิดเผยสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติมา จะเป็นประโยชน์ต่อคุณนะค่ะ ขอทำงานก่อนค่ะ บุญรักษาค่ะ สู้ไม่สู้ก็ต้องสู้ค่ะ เพราะจะไปพระนิพพาน ไม่ใช่ทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่โดยด้วยเสี้ยนหนามคม ใบมีดอันคมกริบ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า "อยากสบายในชาตินี้ แล้วมีภพชาติใหม่ แค่เอ่ยคำนี้ ดิฉันก็เสียวสันหลังแล้วค่ะ ขอสาปส่งกับคำว่า ภพชาติค่ะ" เป็นกำลังใจให้นะค่ะ วันนี้วันแห่งชัยชนะ ไม่ใช่มีสำหรับเราวันเดียว มีทุกวันที่เรายังมีลมหายใจค่ะ
อ้อ อีกเรื่องค่ะ ลมหายใจหยุดจับภาวนาไม่ได้ค่ะ หากมีความรักพอกับคำว่า "รักสมเด็จพ่อ" แล้วหละก็ จิตหรือเทพประจำกาย จะเตือนเราเสมอค่ะว่า "เรายังรักสมเด็จพ่ออยู่อีกหรือไม่?" ถ้าแม้แต้ความละอายแก่ใจตัวเองไม่มี ใครจะช่วยได้หละค่ะ อีกอย่าง นี่เป็นสัจจะวาจา หรือก็คือ ศีลขอกล่าวเท็จนะค่ะ หากคุณปฏิบัติละเอียดขึ้นจะรู้ว่า ทุกอิริรยาบถของเรา ล้วยเกี่ยวข้องกับศีล ๕ ข้อ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง เพราะความละเอียดของศีลจะประกอบด้วย กาย วาจา ใจค่ะ
สู้จนกว่าจะชนะนะค่ะ บุญรักษาค่ะ ขอให้ทุกท่านที่อ่าน จงโชคดี มีสุข ชนะเหล่าหมู่มาร ไปพระนิพพานกับทุกคนนะค่ะ ดิฉันปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ ๒๗ บัดนี้ ๕๓ ก็ยังคงต้อง สู้ต่อไปค่ะ แต่ขณะนี้ เราชนะมารมากขึ้น เคยเป็นพวกแพ้มาร จากเป็นปี ก็เป็นเดือน จากเป็นเดือน ก็เป็นวัน จากเป็นวัน ก็เป็นชั่วโมง จากชั่วโมง ก็เป็นนาที จากนาที ก็แค่รู้เท่าทัน แล้วจิตตัดเอง เพราะเราพยายามจับลมหายใจ ให้เป็นอัตโนมัติ อย่างไรเสีย การจับเป็นอัตโนมัติ จิตมันจะถูกรบกวนแค่ช่วงรอยต่อของลมหายใจนะค่ะ สติมันมาเตือนเองค่ะ ดิฉันหันหลังส่งมือหันพวกคุณจับแล้ว ก็อย่าลืมเอื้อมมือมาแตะนะค่ะ จะได้ยกขโยงกันเข้าพระนิพพานค่ะ (มิได้แปลว่าดิฉันเก่งกว่าทุกคนนะค่ะ แต่ต้องการให้มีกำลังใจค่ะ ยังไม่รู้เอาเข้าจริง ๆ จะลงไปขุมใหนหรือเปล่าเลยค่ะ แต่เราก็ยังต้องหันกลับมาพูดถึง คำว่า "เราลูกตถาคต จะไม่มีวันยอมแพ้พญามารโดยเด็ดขาดค่ะ" อิ ๆ ยิ้มไว้ พระอาจารย์ท่าน ๑ บอกว่า กิเลส เข้ามา ก็บอกว่า "สนุกดี ๆ " ลองเอาไปใช้ดูนะค่ะ เผื่อจะเวิร์คค่ะ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 11/5/12 at 12:53 [ QUOTE ]

ขอบคุณมากครับ


ได้อ่านคอมเม้นแล้ว ก็มีกำลังใจขึ้นนะคับผมรักพระพุทธเจ้าเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว บางทีผมก็ละอายใจนะที่ไม่ยอมปฏิบัติต่อ แต่ก็จะบอกกับตัวเองเสมอว่าสงสัยมันคงจะเป็นกรรมเวรของเราที่ทำไว้ในอดีตมันส่งผล มันก็เลยต้องเจอกับแบบนี้แหละ เชื่อมั้ยทุกวันนี้จิตใจผมลุ่มร้อนบอกไม่ถูก ผิดจากเมื่อก่อนผมปฏิบัติในอานาปาฯ และธรรมะทั้งหลายทั้งปวงในทางด้านของ ความรัก และความโกรธ มันมีความรู้สึกเยือกเย็น สงบดีอ่ะ แต่ตอนนี้รู้เลย แง่วๆครับ โดนมารเข้าครอบงำอย่างแรง แต่ผมก็จะสู้ๆครับ ผมนึกเสมอเวลาท้อแท้ใจขอบารมีพุทธเจ้า มีองค์ปฐมเป็นต้น ตามด้วยหลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อปาน และก็ครูบาร์อาจารย์ของผม ขอให้ลูกมีกำลังใจที่ดีกว่านี้ จริงๆแล้วผมว่ามันก็อยู่ที่ตัวเราด้วยแหละครับว่าเรากำลังใจแค่ไหน ไม่ใช่จะมาขอแต่บารมีอย่างเดียวแล้วไม่ได้ทำกำลังใจให้มันดีขึ้นเอง ทำยังนี้เป็นแสนล้านโกฏสงสัยก็ยังจะไม่ถึงพระนิพพานแน่ (ผมพูดถึงตัวเองนะคับ)...ขอขอบคุณมากครับ คนเรามีความรู้สึกนึกคิดไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างวาระ ต่างคนต่างจิตใจ (เมื่อไรน้อที่จะเข้าใจในคำว่าอ๋อสักที นิพพานอ่ะนะ)*0*

[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top