Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 13/1/09 at 12:53 [ QUOTE ]

ภาพข่าว..พระครูปลัดอนันต์ เดินทางไปประเทศพม่า


ในตอนเช้าวันที่ ๑๓ ม.ค. ๒๕๕๒ พระครูปลัดอนันต์ พร้อมด้วยคณะ เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องบินไปนมัสการ พระเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง และไปกราบไหว้สถานที่อื่นๆ อีก แล้วจะเดินทางกลับในวันที่ ๑๖ ม.ค. นี้

และเมื่อวันที่ ๑๑ ม.ค. ท่านได้แจ้งข่าวที่บนพระธาตุดอยตุง เพื่อชักชวนให้ญาติโยมร่วมทำบุญในการบูรณะพระเจดีย์ชเวดากองครั้งนี้ คณะผู้จัดทำ "เว็บวัดท่าซุง" ได้ร่วมทำบุญ ๑๐๐ ดอลลาร์ และอีก ๔ พันบาทเศษ ฝากร่วมบูรณะสถานที่อื่นอีก เนื่องจากปีที่แล้ว "พายุนาร์กิส" ได้ถล่มประเทศพม่า ทำให้พระเจดีย์เสียหายหลายแห่ง ในโอกาสนี้มีผู้ร่วมทำบุญไปกับท่านเจ้าอาวาสมากมาย

จึงขอแจ้งข่าวเพื่อให้เพื่อนสมาชิกทุกท่าน ได้โปรดอนุโมทนาบุญร่วมกัน
สาธุ..สาธุ..อนุโมทามิ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ฯ




(คลิกขยายภาพ)

"ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้

ประวัติความเป็นมาของมหาเจดีย์องค์สำคัญนี้ ที่มีผู้ค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างน่าอ่านก็คือ ข้อมูลจากหนังสือ "พม่า" ในชุด "หน้าต่างสู่โลกกว้าง" ตามตำนานกว่า 2,500 ปี ของเจดีย์แห่งนี้กล่าวไว้ว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุทั้งแปดเส้นของพระพุทธเจ้า และพระบริโภคเจดีย์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์

องค์สถูปหุ้มด้วยทองคำทั้งหมด 8,688 แท่ง แต่ละแท่งมีค่ามากกว่า 400 ยูเอสดอลลาร์ ปลายยอดสถูปประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม นิล และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ทั้งหมดนี้ประดับอยู่ด้านบนเหนือฉัตรขนาด 10 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นบนไม้หุ้มทองเจ็ดเส้น ประดับด้วยกระดิ่งทองคำ 1,065 ลูก และกระดิ่งเงิน 420 ลูก รอบองค์สถูปรายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างกว่า 100 หลัง มีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ

เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพวก บะกัน เรื่องอำนาจ พระเจ้าอโนรธา เคยเสด็จประพาสชเวดากองระหว่างการรบพุ่งทางใต้ในศตวรรษที่ 11 พระเจ้าบญาอู แห่งพะโค ก็ทรงบูรณะเจดีย์แห่งนี้ในปี พ.ศ.1925 และ 50 ปีต่อมา พระเจ้าเบียนยาเกียนก็โปรดให้ยกองค์สถูปให้สูงขึ้นไปถึง 90 เมตร

ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจาก พระเจ้าเบียนยาเกียน คือ พระนางฉิ่นซอปู้ หรือ นางพญาตะละเจ้าท้าว ได้ทรงสร้างลานและกำแพงล้อมรอบองค์สถูป และพระราชทานทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เอง 40 กิโลกรัม ให้นำไปตีเป็นแผ่นทองหุ้มสถูป เป็นแบบอย่างให้กษัตริย์รุ่นหลัง ๆ ทรงประพฤติปฏิบัติตาม

ทั้งนี้ เพราะพายุลมฝนในช่วงมรสุมนั้นโหมแรง จนทำให้แผ่นทองคำชำรุดหลุดร่วงลงมาอยู่บ่อย ๆ พระเจ้าธรรมเซดี ผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระนางก็ได้ทรงบริจาคทองคำหนักเป็นสี่เท่าของน้ำหนักพระองค์เอง เพื่อบูรณะซ่อมแซมพระเจดีย์

ในปี พ.ศ.2028 พระเจ้าธรรมเซดีทรงสร้างศิลาจารึกสามหลังเอาไว้บนบันไดด้านตะวันออกของเจดีย์ชเวดากอง บอกเล่าประวัติของเจดีย์เป็นภาษามอญ พม่า และบาลี จารึกนั้นยังคงมีให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้


เจดีย์ชเวดากองตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอังกฤษนานถึง 77 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2395-2472 แต่ชาวพม่าก็ยังสามารถเข้ามาสักการะเจดีย์ได้ ในปี พ.ศ.2414 พระเจ้ามินดง แห่งมัณฑะเลย์ ทรงส่งฉัตรฝังเพชรอันใหม่มาถวายเป็นพุทธบูชา มีการจัดงานฉลองและมีชาวพม่ากว่าแสนคนมาเที่ยวชมงาน พระองค์จึงทรงถือโอกาสนี้ปรารถนาเรื่องเอกราชของพม่า สร้างความไม่พอใจให้กับอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้

ช่วงศตวรรษที่ 20 มีภิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นกับพม่าหลายครั้ง โดยเริ่มจากปี พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหวขึ้น แต่ก็สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในปี พ.ศ.2474 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่จากฐานบันไดทางทิศตะวันตก ลุกลามต่อไปยังปีกด้านเหนือ โชคดีที่ดับไฟได้เสียก่อน แต่ก็ได้เผาผลาญศาสนสถานสำคัญไปไม่น้อย ในปีพ.ศ.2513 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง นับเป็นภัยแผ่นดินไหวครั้งที่ 9 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ส่งผลให้ทางภาครัฐต้องจัดทำโครงพิเศษเพื่อเสริมยอดเจดีย์ให้แข็งแรงขึ้น

เมื่อใดก็ตามที่เจดีย์แห่งนี้ชำรุดเสียหายก็จะได้รับการบูรณะให้งดงามรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าเดิม เจดีย์ชเวดากองสัญลักษณ์ของประเทศพม่าตั้งอยู่บนเนินเขาสิงคุตตระ สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง เพราะสูงเด่นเป็นสง่า

ข้อสำคัญไม่มีตึกหรืออาคารสูงมาตั้งบดบังได้นอกจากสถูปทองที่ส่องอร่ามไปทั่วแล้ว ยังมีองค์ประกอบโดยรวมอีก ตั้งแต่ประตูทางขึ้นสู่บันไดทั้ง 4 ทิศที่ใหญ่โตมโหฬาร ตัวหลังคาระเบียงวัดที่ทอดขึ้นสู่ฐานขององค์เจดีย์ก็มีลวดลายสลักเสลาเหมือนปราสาทลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ

เจดีย์ชเวดากองเปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 04.00-21.00 น. การเปิดให้เข้าชมเป็นช้าวงเวลายาวขนาดนี้ ก็เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้าไปก่อนอรุณรุ่งและกลับออกมาหลังตะวันยอแสง จะได้มีเวลาชมเต็มที่บริเวณโดยรอบของทางเข้าทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่เจดีย์ชเวดากองที่ผู้คนนิยมใช้กัน มีบันไดทั้งหมด 104 ขั้น ทอดขึ้นสู่บริเวณลานของเจดีย์

ตามสองข้างทางบันได เต็มไปด้วยร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางวัดให้เข้ามาตั้งแผงขายของให้กับผู้คนที่มาสักการะบูชาด้วยความเลื่อมใส สินค้าส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทำบุญและก็มีสินค้าที่ระลึกวางขายด้วย

หน้าบริเวณทางเข้ามีรูปปั้นสัตว์ในตำนวนปรัมปราสองตัวทำหน้าที่เป็นทวารบาลคือ "ชินเต้" หรือสัตว์ครึ่งสิงโตครึ่งนก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สีหปักษีทวารบาล และ ยักษ์ทวารบาล รายรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กองค์น้อย ผู้คนจำนวนมากยังเดินทางมาที่นี่เพื่อกราบไหว้ สักการะ สรงน้ำองค์ปฏิมา และทำทักษิณาวัตร



(คลิกขยายภาพ)


พระเจดีย์ชเวดากอง มีความสูง 99 เมตร ยอดบนสุดของพระเจดีย์
ประดับด้วยทองคำทำเป็นทรงกลม ตกแต่งด้วยอัญมณี
ถือกันว่าเป็นเครื่องหมายแห่ง "พระนิพพาน"
หรือการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ไม่ใช่เฉพาะคนแก่คนเฒ่า แต่ทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง พากันมาน้อมใจสู่พระรัตนตรัยที่นี่นอกจากจะมีทวารบาลที่หน้าประตูแล้ว ยังมีเหล่าเด็ก ๆ ชาวพม่าวิ่งท้วงติงผู้ที่ใส่รองเท้าเข้ามาบริเวณวัด ให้ถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วให้ซื้อถุงก๊อบแก๊บใส่รองเท้าถือเข้าวัดไปด้วย

ข้อมูลและภาพ - www.datalucky.th.gs


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 5/2/09 at 04:04 [ QUOTE ]


(Update ภาพข่าว 5 มกราคม 2552)

พระมหามุนี เมืองมัณฑเลย์ - พระเจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม - พระเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง




ในวันแรก ท่านพระครูปลัดอนันต์เดินทางไปพม่าครั้งนี้ ได้มีโอกาสร่วมพิธีสรงน้ำล้างพระพักตร์ และปิดทอง พระมหามุนี เมืองมัณฑเลย์ ซึ่งเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องทุกวันก่อนรุ่งอรุณ มายาวนานกว่าพันปี




ต่อมาได้เดินทางไปเมืองพุกาม เพื่อนมัสการพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง คือ พระเจดีย์ชเวซิกอง เพิ่งจะซ่อมแซมปิดทองคำเปลวเสร็จพอดี


เนื่องในงานสมโภชพระเจดีย์ ชะเวซิกอง คณะศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน นำโดย ท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ ร่วมทำบุญตักบาตรปัจจัยแด่ปพระสงฆ์ 108 รูป และมอบปัจจัยร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ องค์พระเจดีย์ รวมเป็นเงินประมาณ 1,200,000 จ๊าด หรือเท่ากับประมาณ 1,200 ดอลล่าร์ หรือ 45,000 บาท



หลังจากได้รวบรวมปัจจัยทำบุญร่วมฉลองกันแล้ว เจ้าหน้าที่ของวัดได้มอบใบอนุโมทนาให้ท่านพระครูปลัดอนันต์


ต่อจากนั้นก็ไปกราบไหว้พระเจดีย์โลกนันดา ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี เป็นพระเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วอีกแห่งหนึ่ง เหมือนกับพระเจดีย์ชเวซิกอง ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอนิรุทธมหาราช หรือพระเจ้าอโนรธามังช่อนั่นเอง เมื่อประมาณพันกว่าปีที่ผ่านมา ความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาสมัยนั้น

เมืองพุกามจึงยังคงหลงเหลือซากปรักหักพังอีกมากมาย ในเวลานี้รัฐบาลทหารพม่าได้บูรณะพระเจดีย์เก่าๆ ให้กลับมาสวยงามเหมือนเดิมอีกหลายองค์ ด้วยองค์การยูเนสโกเข้ามาเริ่มต้นก่อน โดยการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ ซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความแห้งแล้งให้กลับเขียวชอุ่มดังเดิม ผู้บรรยายได้เคยไปเห็นสภาพเดิมๆ มาก่อนแล้ว


วันสุดท้ายก็เดินทางกลับไปที่เมืองย่างกุ้ง ท่านพระครูปลัดอนันต์ได้นำคณะสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ และเจริญพระกรรมฐาน ก่อนการทำบุญบูรณะครั้งใหญ่ ณ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง


ต่อจากนั้นได้มีการรวบรวมปัจจัยมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อร่วมในการซ่อมแซมครั้งนี้ ซึ่งได้รับความเสียหายตั้งแต่ปีที่แล้วจาก "พายุนาร์กิส" ด้วยการถอดแผ่นทองคำจังโกออกมาทำความสะอาด พร้อมกับฉาบปูนที่ผิวพระเจดีย์ให้เรียบยิ่งขึ้น แล้วจึงจะนำแผ่นทองคำไปปิดไว้ดังเดิม เมื่อท่านพระครูปลัดอนันต์มอบปัจจัยให้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงมอบใบอนุโมทนาบัตรเป็นรูปพระเจดีย์ชเวดากองให้เป็นที่ระลึกเช่นกัน


สำหรับเงินทุนบูรณะในคราวนี้ ท่านพระครูปลัดอนันต์ได้บอกบุญตั้งแต่งานที่ดอยตุง เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ก่อนหน้านี้แล้ว (หลวงพี่ชัยวัฒน์และคณะวิหารสมเด็จองค์ปฐม ได้ร่วมทำบุญ 100 ดอลล่าร์ และทำบุญเพิ่มเติมที่อื่นๆ อีกเกือบ 5,000 บาท) เมื่อรวมเงินทำบุญกับคณะที่เดินทาง เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 5,000,000 จ๊าด จึงขออนุโมทนาทุกท่าน ทั้งที่เดินทางไปและที่ฝากเงินไปทำบุญด้วยนะครับ.

เอื้อเฟื้อภาพ - คุณต้น, คุณตุ้ม จากการบินไทย


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top