แจ้งข่าว..กำหนดการเดินทาง / งานวัดท่าซุง ประจำเดือน "มิถุนายน" ปี 2557
เดือน มิถุนายน
บ้านดอนเมือง และ บ้านสายลม กรุงเทพฯ
ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม - ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันที่ ๓๐ พ.ค. เวลา ๐๘.๐๐ น หลวงพ่อเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๓ รูป ฉันภัตตาหารเช้าแล้ว เดินทางไปบ้าน
พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต ที่ดอนเมือง เพื่อรับสังฆทานและฉันภัตตาหารเพล หลังจากฉันเพลเสร็จแล้ว เดินทางเข้าบ้านสายลม
เวลา ๑๙.๐๐ น. ลงรับแขก รับสังฆทาน
เวลา ๒๑.๓๐ น. ขึ้นพัก
วันที่ ๓๑ พ.ค. - ๒ มิ.ย. รับสังฆทาน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น. (วันจันทร์ที่ ๕ พ.ค. ท่านจะลงรับสังฆทาน เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง
๑๕.๐๐ น.) และเจริญพระกรรมฐาน ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เสร็จแล้วรับสังฆทานต่อ และ สนทนาธรรมจนถึงเวลา ๒๑.๓๐ น.
วันเสาร์-อาทิตย์ที่ ๓๑ พ.ค. ๑ มิ.ย. ฝึกมโนมยิทธิ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๕.๐๐ น.
วันที่ ๓ พ.ค. เดินทางกลับวัด
หมายเหตุ : ก่อนเวลาเจริญพระกรรมฐาน ท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล (เจ้าอาวาส) จะออกมารับสังฆทานเวลา 18.45 น.
(แลกคูปองสังฆทานที่เจ้าหน้าที่ก่อนเวลา 15 นาที) ต่อจากนั้นเวลา 19.00 น. (คืนวันเสาร์, อาทิตย์, จันทร์) จะเริ่มฝึกกรรมฐานแบบสุขวิปัสโก
โดยเปิดวีดีโอคำสอนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ประมาณ 30 นาที แล้วหลวงพ่อกล่าวนำสมาทานพระกรรมฐาน เสร็จแล้วจะนั่งสมาธิอีกประมาณ 20 นาที
จากนั้น ดร.ปริญญา นุตาลัยจะกล่าวนำเพื่อถวายสังฆทาน แล้วเจ้าภาพเข้าแถวถวายสังฆทานกัน โดยท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล
เป็นผู้รับสังฆทานจากญาติโยมพุทธบริษัท จนถึงเวลา 21.15 น. ต่อจากนั้นจะเป็นการสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ นำโดย ดร.ปริญญา นุตาลัย
ต่อด้วยพระคาถาเงินล้าน จบแล้วนำกล่าวอุทิศส่วนกุศล เสร็จแล้วท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล ให้พรแก่ญาติโยมเป็นเสร็จพิธี (ขั้นตอนจะเป็นแบบนี้ทั้งสามวัน)
<< อ่านรายละเอียด : ความเป็นมา "บ้านสายลม" และ
"แผนที่ในการเดินทาง"
สอนพระกรรมฐานที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมศิษย์
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (โคราช)
ระหว่างวันที่ ๖ - ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันที่ ๖ มิ.ย. เวลา ๑๙.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐานมโนมยิทธิ เสร็จแล้วรับสังฆทาน และ สนทนาธรรม
วันที่ ๗ มิ.ย. เวลา ๐๙.๓๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ เสร็จแล้วรับสังฆทาน
เวลา ๑๙.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐานมโนมยิทธิ เสร็จแล้วรับสังฆทานต่อ และสนทนาธรรมกับญาติโยม
วันที่ ๘ เม.ย. เวลา ๐๙.๓๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ เสร็จแล้วรับสังฆทาน ฉันภัตตาหารเพล
เสร็จแล้วเดินทางกลับวัดท่าซุง
แผนที่เดินทางไปศูนย์ปฏิบัติธรรม (โคราช)
"คลิก" เพื่อขยายภาพ
ไปจันทบุรี
ระหว่างวันที่ ๑๒ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันที่ ๑๒ มิ.ย. เดินทางไปรับสังฆทาน และฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้าน คุณบัณฑิต - คุณมาลี สุวรรณรัชตมณี อ.
บ้านฉาง จ.ระยอง โทร. ๐๘-๑๓๔๔-๕๔๒๘
วันที่ ๑๓ มิ.ย. ฉันภัตตาหารเช้าแล้วเดินทางไปที่ สำนักปฏิบัติธรรม คุณยุพา เจริญผล จ.ระยอง
วันที่ ๑๔ - ๑๕ มิ.ย. เดินทางไปที่ บ้านสาวจันท์ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ เสร็จแล้วรับสังฆทาน และ สนทนาธรรม
วันที่ ๑๖ มิ.ย. เวลา ๐๗.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเช้า เสร็จแล้วเดินทางกลับวัด
กำหนดการเดินทางไป อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
วันที่ ๒๗ ๒๘ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันที่ ๒๗ มิ.ย. เวลา ๐๘.๐๐ น. ท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล พร้อมด้วย พระชัยวั่ฒน์ และพระวิชิต เดินทางไปที่สนามบินดอนเมือง เวลา ๑๓.๑๐ น. เดินทางไปหาดใหญ่
โดยสายการบินนกแอร์
เวลา ๑๔.๓๕ น. คณะกรรมการพระวิหารฯ พร้อมด้วยคณะศิษย์ชาวหาดใหญ่ - สงขลา ให้การต้อนรับพร้อมกับนิมนต์ไปพักที่บ้านคุณสมชัย (ติ๊ก) - คุณปัญญารส (ติ๋ม)
เจริญชีพ ภายในตัวเมืองสงขลา
วันที่ ๒๘ มิ.ย. เวลา ๑๑.๐๐ น. เดินทางไปฉันภัตตาหารเพลที่บ้านคุณสมชาย (โกส้ม) ขวัญพิเชษฐ์กุล จ.สงขลา หลังจากนั้นคณะศิษย์ถวายสังฆทาน พระสงฆ์ให้พร
เป็นอันเสร็จพิธี
เวลา ๑๙.๓๐ น. เจริญพระกรรมฐาน ที่วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร (วิหารน้ำน้อย) จ.สงขลา (ขอเชิญคณะศิษยานุศิษย์ทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรม
ณ สถานที่นี้ปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น)
วันที่ ๒๙ มิ.ย เวลา ๐๘.๐๐ น. ท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เดินทางมาที่วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร (วิหารน้ำน้อย) จ.สงขลา
เวลา ๐๙.๕๙ น. ทำพิธีบวงสรวง ประจำปี ๒๕๕๗
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล ญาติโยมรับประทานอาหารกลางวัน โดยมี คณะมาลัยจากฟ้า จ.สงขลา และคณะศิษย์ชาวใต้ทุกคนให้การต้อนรับจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน
เวลา ๑๕.๐๕ น. เดินทางกลับ โดยสายการบินนกแอร์
<< อ่านประวัติ.. การสร้างวิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร คลิกที่นี่
<< ชมคลิปวีดีโอ.. การบูรณะพระวิหารฯ เมื่อปี 2537
คลิกที่นี่
เที่ยวสงขลาแวะสักการะ พระทองคำใหญ่
1 ใน 3 องค์ สมัยสุโขทัย ที่ วิหารน้ำน้อย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2557
พระวิหารสมเด็จพระพุทธมหามงคลบพิตร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า วิหารน้ำน้อย
วิหารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงเสด็จมาทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีการสร้างพระวิหาร
ทับพระทองคำใหญ่องค์เดิมที่ฝังอยู่ใต้ดิน โดยหลวงพ่อฤาษีพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
พระวิหารสมเด็จพระพุทธมหามงคลบพิตร มีประวัติก่อนการก่อสร้างที่เล่าขานกันมานานไว้ว่า
สมัยที่หลวงพ่อฤาษีเดินทางไปสงเคราะห์ลูกหลานพุทธบริษัททางภาคใต้ครั้งแรก พ.ศ.2518 โดยมีหลวงปู่สิมพุทธจาโร วัดถ่ำผาปล่อง หลวงปู่ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
ร่วมไปด้วยที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง พัทลุงและสงขลา เมื่อมาถึงสงขลาคณะของหลวงพ่อเดินทางไปถึง สามแยกควนเนียง
มีเทวดาเครื่องทรงแพรวพราวสวยงาม ปรากฏกายหน้ารถต้อนรับหลวงพ่อและเหนือศรีษะของเทวดาองค์นั้น มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ลอยอยู่เป็นนิมิตรสะดุดตา
เมื่อหลวงพ่อท่านเข้าที่พักตอนกลางคืน ขณะเอนกายลงนอนมีพรหมองค์หนึ่งมานั่งอยู่ปลายเท้าและบอกกับหลวงพ่อว่า จะมาบอกเรื่องพระใหญ่
แล้วเล่าให้หลวงพ่อฟังว่ามีพระพุทธรูปทองคำเนื้อเก้า เป็นทองแท้ฝั่งอยู่ใต้ดิน (ที่บ้านน้ำน้อย) สร้างในสมัยสุโขทัย ซึ่งในสมัยนั้นสร้างพระทองคำใหญ่ 3
องค์ด้วยกัน ขนาดเล็กกว่ากันลดขนาดลงมานิดหน่อยตามลำดับแต่ละองค์ สามารถถอดออกประกอบได้เป็น 9 ชิ้น ไม่มีโลหะเจือปน
ซึ่งพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่สุด ท่านบอกว่า ขณะนี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร คือ หลวงพ่อพระสุทธสุโขทัยไตรมิตร
อยู่ประจำภาคกลางของประเทศใน จ.กรุงเทพฯองค์ที่ 2 เล็กกว่าองค์แรกเล็กน้อย ขนาดหน้าตักเกือบ 3 เมตร เดิมประดิษฐานอยู่ในตัวเมืองสงขลาเป็นพระประจำภาคใต้
ขณะนี้อยู่ใต้ดินใต้วิหารบ้านน้ำน้อย องค์ที่ 3 เล็กกว่าองค์ที่ 2 เป็นองค์น้องสุดใน 3 องค์ แต่น้ำหนักเป็นตันด้วยทองคำแท้ๆ
องค์นี้อยูในลำน้ำโขงตรงกลางแม่น้ำแบ่งเขตแดนไทยกับชาติอื่น
หลวงพ่อฤาษีพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
พระพุทธรูปองค์ที่ 2 อยู่ที่เมืองสงขลามาตลอด จนถึง พ.ศ.2310 ที่กรุงศรีอยุธยาเสียเมืองแก่พม่า พวกพม่าทำลายวัดวาอารามเอาพระพุทธรูปสำคัญๆ
ลอกเอาทองคำกลับเมืองตนมากมาย ข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงภาคใต้
ชาวเมืองสงขลารู้ข่าวจึงระดมคนแอบนำพระพุทธรูปทองคำล้วนทั้งองค์ล่องไปตามลำน้ำทางเรือหาทำเลซ่อนองค์พระ เมื่อไปถึงบ้านน้ำน้อยเห็นทำเลเหมาะเพราะเป็นป่าทึบ
จึงเกณฑ์คนกว่าสามร้อยคนช่วยกันขุดหลุมลึกกว้าง 5 วา แล้วสร้างกำแพงอิฐโดยรอบยารอยต่อกันน้ำซึมเข้าลักษณะคล้ายๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้า
บรรจุอัญมณีเครื่องประดับมีค่ามากมายไว้กับองค์พระเป็นพุทธบูชา แล้วเก็บงำเป็นความลับสุดยอดจนคนต่อๆ มาไม่มีใครรู้
จนลุถึง พ.ศ.2518 จึงนำความมาบอกหลวงพ่อฤาษี เพราะท่านบอกว่าคณะเราเป็นนักบุญแท้ไม่ทอดทิ้งงานพระพุทธศาสนา
จึงขอให้สร้างเจดีย์หรือสถูปบนดินเหนือองค์พระ กันไม่ให้คนเดินข้ามเศียรพระ จะเป็นโทษแก่พวกเขา
นอกจากนี้สมัยก่อนโน้นหลวงพ่อก็เป็นผู้ร่วมสร้างพระทองคำทั้งสามองค์ด้วย พระพุทธรูปทั้งสององค์ทั้งในดินและในน้ำ ท่านบอกว่าเมื่อถึงเวลาคือประชาชนมีจิตใจดี
มีศีลธรรมมากกว่านี้ ทั้งสององค์จะปรากฎขึ้นมาเอง ถ้านำขึ้นมาก่อนจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะความโลภของคนและหลวงพ่อบอกว่าสำคัญมากสำหรับแดนดิน
ไม่ควรนำขึ้นมาเป็นอันขาด
พระอริยเจ้าที่มีขันธ์ 5 ที่ไปร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
เมื่อหลวงพ่อและหลวงปู่ไปพิสูจน์ดูก็เห็นเป็นจริงตามที่พรหมบอก แต่ปู่ครู หลวงปู่ธรรมชัย เห็นทีหลังหลวงพ่อ และหลวงปู่สิมว่ามีพระ
และอัญมณีมากมายควรค่าแก่กษัตริย์ เนื่องจากถูกเทวดาล้อเล่นโดยเอามือปิดบังเอาไว้ จากนั้นหลวงพ่อก็ติดต่อหาเจ้าของที่ดินขอซื้อที่ตรงนั้น เจ้าของคือ
คุณยายกิมไล่ ชูโตชนะ และสามีไม่ยอมขาย แต่ยกให้ฟรีๆ ตามแต่ต้องการ หลวงพ่อรับมาเพียง 200 ตารางวาเศษๆ เพื่อจัดสร้างวิหาร เมื่อพระวิหารสร้างเสร็จ
พลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ ได้ถวายพระพุทธรูป (แบบพระพุทธชินราช) แด่หลวงพ่อเพื่อประดิษฐานที่วิหารนี้ เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ โดยหลวงพ่อไห้ชื่อว่า
พระพุทธมหามงคลบพิตร ตามชื่อเดิมของพระเมื่อสมัยสุโขทัยที่ฝังอยู่ใต้ดิน
ภาพถ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จพระราชดำเนินไปที่วิหารน้ำน้อย
และเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
เสด็จพระราชดำเนินไปที่วิหารน้ำน้อยและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เศียรพระพุทธรูปองค์ใหม่นี้ (องค์เดิมในดิน มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ในพระอุระ)
ตอนนั้นมีพระอริยเจ้าที่มีขันธ์ 5 ไปร่วมพิธีอีก 6 องค์ นอกจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำแล้ว ก็มี หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร หลวงปู่ชุ่ม โพธิ์โก หลวงปู่บุดดา ถาวโร
หลวงปู่ครูบาธรรมชัย หลวงปู่ครูบาชัยวงษา และหลวงปู่พระมหาอำพัน ส่วนการกระทำพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในวิหารครั้งแรกนั้น มีหลวงปู่สิม
หลวงปู่ครูบาธรรมชัย และหลวงพ่อฤาษีดำเนินการ
ภายในพระวิหารนอกจากจะประดิษฐานพระพุทธมหามงคลบพิตร ก็ยังมีรูปหล่อของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและหลวงปู่ปาน ที่คณะศิษย์ได้อันเชิญมาจาก วัดท่าชุง
จ.อุทัยธานี เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมสักการะ จะมีเทียนแพ ดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง ไว้ให้บูชาพระซึ่งสามารถทำบุญได้ตามศรัทธา
หากใครอยากตรวจดวงชะตาก็สามารถเสี่ยงเซียมซี่ได้
และทางด้านขวามือของพระวิหารจะมีตู้หนังสือพระสุตตันตปิฎก ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ทั้งนี้เมื่อมองทั่วพระวิหารจะห็นว่ามีรูปปั้นจตุมหาราชอยู่ทั้ง 4 มุม คือ ท้าววิวุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวเวสสุวัณ และท้าวธตรัฐ
โดยพระวิหารสมเด็จพระพุทธมหามงคลบพิตร ตั้งอยู่ที่ ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (ถนนสายเก่า หาดใหญ่-สงขลา) และเปิดให้เข้าชมทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 17.00 น.
วิหารหลังเก่าก่อนได้รับการบูรณะใหม่ในปัจจุบัน
เรื่อง - ทัศนีย์ จันทวงค์
ภาพ - อรรถพล บุญนวล
|