ร้านอาหารเจ๊กิมกี - เรือนกะเหรี่ยง - เรือนผีเสื้อ
![](/chaiwat/th217.jpg)
เจ๊กิมกี เจ้าของร้านอาหารภายในวัดท่าซุง ถ่ายภาพไว้สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
อยู่ข้างศาลาพระพินิจอักษร เป็นเรือนไม้ยกพื้นสูง มี ๑ ห้องนอน ใช้เงินในการสร้าง ๘๐,๐๐๐ บาท หลวงพ่อสร้างเพื่อให้ นายช่างโต๋ว - นางกิมกี
หลากสุขถม ซึ่งเป็นชาวบ้านแถวนี้ที่มีความศรัทธา ได้เข้ามาขายอาหารภายในวัด ซึ่งมีเจ้าเดียวเท่านั้นที่หลวงพ่ออนุญาต
ให้เข้ามาอยู่อาศัยและจำหน่ายอาหารภายในวัดได้ ตั้งแต่เริมสร้างวัดทีเดียว
โดยเฉพาะ นายช่างโต๋ว เป็นผู้ออกแบบและทำเมรุเผาศพ เป็นชิ้นส่วนประกอบกัน (แบบเคลื่อนที่ได้) ปัจจุบันทั้งสองคนก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว
คงเหลือแต่ลูกสาว คือ คุณเรณู (ธนธร) ได้เข้ามาขายของแทนพ่อและแม่หลายปีมาแล้ว
![](/chaiwat/th119.jpg)
เรือนกะเหรี่ยง (รัตนพฤกษ์) และ เรือนผีเสื้อ
ภาพแรกนี้ คือ เรือนกะเหรี่ยง ที่หลวงพ่อสร้างไว้ริมสระน้ำ หลังร้านอาหารป้ากิมกี ขณะนี้ใช้เป็นที่พักอาศัยของแม่ครัวบ้างและแม่ชีบ้าง
เดิมเคยเป็นที่พักของชาวกะเหรี่ยงจาก วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเดินทางมาร่วมงานกับ หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์
ภายหลังที่พักแถวนี้จึงเรียกกันว่า "เรือนกะเหรี่ยง
![](/chaiwat/th114.jpg)
ใกล้กับร้านอาหารเจ๊กิมกีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง อยู่ริมสระน้ำหลังศาลาพระพินิจฯ เรียกกันว่า "เรือนผีเสื้อ"
เพราะเหตุว่ามีหลังคาเป็นแบบผีเสื้อ หลวงพ่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นการชำระหนี้สงฆ์ เนื่องจากรื้อศาลาหลังเก่า (เดิมอยู่ใกล้ๆ ตึกกองทุน)
อีกทั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์ เพราะครั้งหนึ่งสมัยที่องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานย้ายมาอยู่ที่วัดท่าซุงใหม่ๆ นั้น ที่พักของท่านเป็นเพียงกุฎิไม้เก่าๆ
ริมน้ำจะพังมิพังแหล่ แต่กาลเวลาผ่านไปกุฏิไม้หลังนั้นได้ถูกรื้อถอนออกไปนานแล้ว จึงสร้างของใหม่ขึ้นมาเป็นอนุสรณ์ไว้ให้ใกล้เคียงกับกุฏิหลังเดิม
สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ตอนสร้างเสร็จใหม่ๆ ท่านตั้งใจจะนิมนต์ หลวงปู่บุดดา มาพักที่นี่ แต่ก็มีเหตุขัดข้อง
คือมีผู้หวังดีนำหลวงปู่หนีไปเสียก่อน ภายหลังหลวงปู่บุดดาจึงไปพักอยู่ที่วัดกลางชูศรี แล้วก็มรณภาพไปในที่สุด ต่อมาเรือนผีเสื้อหลังนี้
จึงเป็นที่พักของคณะแม่ครัว "สาวน้อยเมืองนนท์" คือ คุณป้าเหลี่ยม พร้อคณะนั่นเอง
|