Not logged in [Login - Register]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites ตั้งหัวข้อใหม่
[*] posted on 16/2/11 at 13:51 [ QUOTE ]

"บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ (ตอนที่ 2 )




ลูกศิษย์บันทึก เล่มพิเศษ

จัดพิมพ์โดย..คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช

( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานเว็บวัดท่าซุง" )


สารบัญ

24.
ลูกและหลาน ,ลูกทั้งสอง
25. คุณชัยวัฒน์ นาคสวัสดิ์
26. คุณวิบูลย์ มีชู
27. ลูกสาวที่น่ารัก
28. คุณนิภา เบญจทิพาพร
29. คุณโยมที่นับถือ
30. ลูกสาวผู้โชคดี
31. คุณสกุล
32. คุณสกุล ฉบับที่ 2,3
33. ลูกรัก
34. ลูกจุไรลักษณ์ ลูกรักของพ่อ
35. น้อย กูรมโรหิต น้องรัก
36. ลูกรัก(หลายฉบับ)
37. ดร. พิสิฏฐ์ วรสิงห์
38. คุณศรีสะอาด ภัสสรารัตน์
39. ลูกสุภาพ รักษาสัตย์
40. ลูกสุชาดา รัตนพฤกษ์
41. คุณสมโภชน์ เวียงเพิ่ม
42. ลูกหมอและลูกๆ ทุกคนในชิคาโก เดนเวอร์ แอลเอ และทุกๆ รัฐ
43. ท่าน ผบ.พล ม.๑
44. ท่านนายกเปรียญธรรมสมาคมฯ
45. ท่านนายกพุทธสมาคม



☺....ทางทีมงานฯ ขอเสนอข้อมูลที่นับวันจะหายาก นั่นก็คือ "จดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ" ที่ท่านได้ตอบกับบุคคลต่างๆ ที่เคารพนับถือท่าน สมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่เจริญ จำเป็นต้องอาศัยการโต้ตอบทางจดหมาย นับว่าดีที่สุดในสมัยนั้น ซึ่งจะเป็นการตอบด้วยตนเองของหลวงพ่อฯ ต้นฉบับจะเป็นการพิมพ์ดีดของท่านเอง สมัยก่อนในห้องส่วนองค์ของท่านที่วัดท่าซุง จะมีเครื่องพิมพ์ดีดวางอยู่ นั่นคือเป็นแหล่งที่มาของหลักฐานต่างๆ เหล่านี้

......ด้วยเหตุนี้ ทางทีมงานฯ ขอขอบคุณและอนุโมทนาในความวิริยะอุตสาหะของ คุณ อินทิรา สังขพิทักษ์ และคุณ มาลิดา ปานทวีเดช ที่ได้ใช้เวลาว่างจากงานประจำ แล้วช่วยพิมพ์ส่งมาให้ลงให้อ่านกันเป็นตอนๆ หวังว่าผู้ชมทางเว็บไซด์วัดท่าซุงทุกท่าน คงจะได้ความรอบรู้และเข้าถึงลีลาการตอบจดหมายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เป็นอย่างดี




24
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๖
ลูกและหลาน

จดหมายที่ลูกอาทรส่งมาพ่อได้รับแล้ว ประมาณ ๔ วันแต่หาเวลาตอบไม่ได้ ด้วยภาระเกิดจากคนมันมากเหลือเกิน วันนี้พอจะมีเวลาบ้างก็เลยหาโอกาสตอบ

เรื่องเงินที่ตุ๋ยส่งมาได้รับก่อนหน้ากฐินสองสามวัน แต่ไม่มีเวลาตอบ ด้วยงานสร้าง งานบัญชี เตรียมงานกฐินมันยุ่งจิปาถะ แถมงานคนมาหา ส่วนใหญ่คนในกรุงเทพฯ ว่าจะตอบก็ไม่ได้ตอบ หลังจากงานกฐินแล้วก็ไม่มีจังหวะว่าง งานคน งานการเงินที่ต้องจัดการแยกประเภทได้นนทา ช่วย

ถ้าไม่มีนนทาช่วยเห็นจะอีกครึ่งปี งานบัญชีการเงิน ก็ไม่เสร็จ นนทาแกเป็นกำลังใหญ่ทั้งงานบัญชีและงานภายใน ถ้าขาดนนทาคนเดียวพ่ออาจจะเป็นบ้าตายก็ได้ เพราะคนภายในหลายคนบวกแล้วไม่ได้๙๐%จึงเป็นภาระหนัก

งานก่อสร้างที่บอกว่าจะรื้ออาคารของลูกน่ากลัวว่าจะล่าไปเสียอีกแล้ว เพราะคิดว่าจะไม่ทำงานต่อไป แต่ก็มีเงินเข้ามา คือเขาจะสร้างโบสถ์ใหม่กัน โบสถ์ละประมาณ ๔ ล้านบาท อาจจะเกินกว่านั้นนิดหน่อยแต่ก็มีเจ้าภาพแล้ว ประมาณ ๗๐% เจ้าของวัดเกิดหวงที่ สร้างแต่เรื่องนี้ไม่น่าหนักใจ

ทำก็ได้เพราะหวงผิดทั้งวินัย และระเบียบ แต่ความจำเป็นบังคับด้วยเวลานี้มีพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุติมาเป็นศิษย์ เรียนพระกรรมฐานหลายองค์ คือ วัดบุปผาราม และ วัดเทพศิรินทร์ จะเอาพระมาเรียนกรรมฐานมากคนในกรุงเทพก็หนักไปพักบ้านคุณเสริมรับแขกกลางคืน คืนละร้อยกว่าทุกคืน

คนที่ไม่เอาไหนก็เลยเข้ามากัน ศิษย์สำนักใหญ่ๆ พากันเฮโลเข้ามามาก เลยเป็นเรื่องบีบที่จะสร้างโบสถ์ในบริเวณท่าซุงไม่ได้ ด้วยโบสถ์ราคามาก ของในโบสถ์ก็ราคาแพง ต้องมีกุฏิพระล้อมโบสถ์ จึงตกลงกันในที่ประชุม ซื้อที่วัดเก่าตรงถนนข้ามสร้างโบสถ์และตึกแถว เพื่อให้เป็นที่เจริญกรรมฐาน

และจะสร้างอาคารทรงไทยเป็นหลังๆ สำหรับอุบาสก อุบาสิกา เรื่องมันไปกันใหญ่ ที่ๆซื้อเขาเอาไร่ละ ๑ หมื่นบาท ราคาเขาขายคนอื่นไร่ละ ๔๐,๐๐๐ บาท เราเอาเขาลดให้ ๗๕% เรื่องราคาที่เขาขายเราทราบอยู่แล้ว เวลานี้ตกลงซื้อแล้ว เงินยังไม่มีจะต้องหามาสำรองก่อน ทำใบโมทนารับจองตารางวาละ ๒๐ บาท

ถามตุ๋ยทีว่าจะเอากี่ร้อยตารางวาให้เวลาถึงสิ้นปี๑๗ ผ่อนส่งก็ได้ เมื่อรับที่แล้วต้องรีบสร้างกำแพง ตั้ง ระบบไฟฟ้า ประปา เพราะไกลน้ำ คิดต่อท่อไปใช้เจาะถนนซื้อท่อค่าแรงงาน รวมประมาณห้าหมื่นบาท ต้องทำเพราะน้ำไฟจำเป็นมาก เป็นอันว่าอาคารของลูกเห็นจะต้องรอไปก่อน แต่ก็ทำแน่เพราะเป็นที่พักผ่อนคลายความเครียด

เรื่องการมาร ไม่ใช่การเมืองมันยุ่งๆ ชอบกล เขาเป็นอย่างไรก็ช่างเขา แต่เราก็ชักยุ่งเพราะชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ฟ้องสมภาร ลงชื่อร่วมฟ้องกันประมาณ ๓๐ คนเศษ เขาจะว่าอย่างไรกันปล่อยเขาไป
...............................ฯลฯ...............................


ที่ชัยนาทเวลานี้ดีขึ้นมาก เพราะเอาธรรมยุติมาตั้งใกล้ๆ ดีขึ้นเยอะ เป็นอันว่าข่าวอื่น ไม่มีอะไร ดีใจที่ ตุ้ยต่อได้เรียนรวมกัน พ่อสบายใจไปด้วย สุขภาพของพ่อค่อนข้างดี แต่ห่างยาไม่ได้ ได้ น.ท.โกศล มณีจักร์ โรงพยาบาลภูมิพลคอยให้ยาเสมอ พอมีแรงต่อสู้แกห่วงขนาด พอมาถึงกรุงเทพฯ แกก็ถึงตรวจยาให้ทุกวัน จนกว่าจะกลับมาวัดแล้วพอมีเวลา แกก็ตามมาให้ยาที่วัดอีกคน

จากพ่อ
พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ



วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๕ เมษายน ๒๕๑๗
ลูกทั้งสอง

จดหมายของลูกได้รับหลายวัน แต่หาเวลาเขียนตอบไม่ได้จริงๆ มันยุ่งนุงไปหมด ต่อไปเวลาส่งมาให้ลงว่า อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท วันนี้พี่สาวใหญ่ของลูกแกมาเตือน พอเลิกจากบันทึกเสียงก็ลงมือเขียน เขียนแล้วก็คงไม่ได้ทาน เพราะงานรออยู่เต็มมือ เรื่องการก่อสร้างงานเป็นไปด้วยดี

มีมูลค่าที่ใช้จ่ายไปแล้วจาก ๑๗ มีนา ๑๗ ประมาณ ๔ ล้านบาท จะต้องใช้อีกเกิน ๒ ล้านบาท ทำไปตามแรงศรัทธา เพราะว่าแต่ละคนก็พอใจกันตามประสงค์ เรื่องบุญพ่อไม่ขัดใคร ใครชอบอย่างไรเอาทั้งนั้น เพราะเขาสร้างความดี ไม่ควรขัด แต่ทว่าทางวัด เจ้าอาวาสออกฤทธิ์ปล่อยให้เป็นเรื่องของทางคณะสงฆ์

เขาจัดการกันเองภาคมาไล่ให้ออกจากวัด แกก็ไม่ยอมไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของแก เรื่องการเยี่ยมตำรวจ ทหารชายแดนเป็นกีฬาที่ดีมาก รู้สึกว่าแกมีกำลังใจดีมาก มีจดหมายมาจากชายแดนมาเสมอเลยให้ คุณเสริมไปกัดบล็อกทำเป็นหนังสือออกแจก เพื่อให้ประชาชนทราบความรู้สึกของทหาร ตำรวจ

ลูกจะกลับมาอีกไม่กี่วันแล้วเมื่อมาจะได้มาช่วยกันคิดและดำเนินการ เสียดายที่กลับมาไม่ทันงานยกช่อฟ้า จะมีพระอรหันต์มาร่วมด้วยประมาณ ๙ องค์ พรุ่งนี้ที่ ๖ พ่อจะเข้ากรุงเทพฯ แล้วไปสายใต้ตามปกติ ลูกมีอะไรจะคุย บ้านก็คุยมาได้ วันหน้าถ้ามีเวลา พ่อจะคุยเรื่องที่ทราบมาให้ฟัง ต่อไปนี้คุยกับพี่สาวใหญ่ต่อไป

จากพ่อ

พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ



วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘
ลูกทั้งสอง

จดหมายและเงินถวายร่วมงานครบรอบร้อยปี หลวงพ่อปานพ่อได้รับแล้วขออนุโมทนาที่ลูกอุตส่าห์ส่งมาร่วมทำบุญ บุญคราวนี้หนักมาก เพราะจะมีพระอรหันต์มาร่วมด้วยประมาณ ๑๐ องค์ ถ้าท่านไม่ป่วยไข้ ไปนิมนต์แล้ว ทุกท่านเต็มใจรับ

ความประสงค์ของสมเด็จที่แนะนำพ่อไว้ว่า ต่อไปเมื่อถึงปีให้นิมนต์พระอรหันต์มาชุมนุมรับกุศลครั้งหนึ่ง ท่านแนะนำมานานแล้วพ่อก็หาโอกาสหาพระอรหันต์ไม่ได้
มาปีนี้ท่านแนะนำเองว่าชื่อไรอยู่ที่ไหนบ้าง เมื่อไปตามที่ท่านแนะก็พบ และก็รู้เรื่องกันง่าย เป็นอันว่าความประสงค์ของท่านบรรลุผล พ่อเองก็ดีใจมาก

เมื่อวันที่ ๒๑ มิ.ย. พ่อก็เกณฑ์หลวงพ่อชุ่ม วัดชัยมงคล ลำพูน เข้านิโรธสมาบัติ มีคนไปเกินกว่าพันคน ขบวนรถยาวเหยียด และมีโอกาสพบอีกองค์หนึ่งที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ทุกองค์ที่พบแล้ว รับจะมาร่วมงานยกช่อฟ้าวันที่ ๑๐ ทุกองค์ ลูกฝากเงินมาทำบุญร่วมนี้ดีแล้ว การคบพระอริยเจ้า เราก็มีโอกาสเป็นอริยะด้วย

การกลับของลูก พ่อเห็นใจเพราะไม่ว่าจะย้ายไปใกล้หรือไกล มันยุ่งด้วยประการทั้งปวง เมื่อจะไปก็เหนื่อยเพราะการจัดของเตรียมตัว เมื่อจะมาก็ยุ่งเรื่องเตรียมเดินทาง และหาที่ให้ลูกพัก เป็นอันว่ายุ่งทั้งไปและมา เมื่อมาแล้วจะมาพักที่วัดนี้หลายๆ วันก็ได้ เพราะอาคารสถานที่มันเกิดขึ้นมากอย่างคาดไม่ถึง

ลูกมาเห็นเองดีกว่าเล่าให้ฟัง เวลาสามเดือนไม่ใช่ ๓๐ ปี แต่พระพุทธเจ้าท่านว่า “ทางไกล สำหรับคนที่ล้าแล้ว ราตรีนานสำหรับคนผู้ตื่นอยู่ เวลานานสำหรับคนที่คอยเวลา” ก่อนมาได้สงเคราะห์เพื่อน โดยจัดหาสถานที่ให้เพื่อนนั้นดีแล้ว เป็น สังคหวัตถุ คือการสงเคราะห์เป็นบุญใหญ่

บุญประเภทนี้ถ้ามองไม่เป็นมันมองไม่เห็น หนังสือฤๅษีทัศนาจร พ่อมีอยู่ ๑ เล่มกำลังหาดู ถ้าพบพ่อจะส่งมาพร้อมจดหมาย ขณะที่เขียนนี้ยังไม่ได้หา เขียนแล้วจะหาให้ พ่อจะส่งเรื่องจริงอิงนิทาน และ หนังสือล่าพระอาจารย์มาให้ ไม่ทราบว่าลูกมีแล้วหรือยัง

เห็นเขียนมาว่ามีทุกอย่าง ก็เลยงดไว้ก่อน ถ้าหาหนังสือฤๅษีทัศนาจรได้พ่อจะส่งมาพร้อมกับหนังสือเล่มนี้ พ่อไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นนักเขียนกับเขา เมื่อเขียนเข้ากลับเป็นที่ถูกใจคน หนังสือเดี๋ยวนี้ออกถึง ๑๐ เล่มแล้วกระมัง โดยเฉพาะหนังสือฤๅษีทัศนาจรเล่ม ๑

เวลานี้ออกแล้ว ๔ เล่ม ออกไม่ถึง ๑๐ วัน เรียบวุธเลย ๑,๐๐๐ เล่ม ขายไม่กี่ชั่วโมงเขาชอบอ่านกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรด ขออ่านทุกเล่มที่ออก สมเด็จพระบรมราชินีท่านตรัสกับใครพ่อจำไม่ได้

เวลานี้เขาถวายกันเรื่อยๆ เมื่อหนังสือออก พ่อดีใจที่ลูกจะกลับมาช่วยกันเหนื่อยมาซ้อมใหญ่ต่างประเทศแล้วสบาย เมื่อกลับเมืองไทยไม่ต้องวิตก ที่ บ.น.๔ เขาลือว่าลูกจะมาอยู่ ลูกปฏิบัติตนถูกต้องแล้ว ความดีทำให้มีความสุข เห็นชัดแล้ว

ที่สุด พ่อขอให้ลูกและหลานตลอดจนโยมหญิงจงมีความสุขตลอดกาลเถิด

จากพ่อ
(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ



25
วัดจันทาราม (ท่าซุง)
๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๖
คุณชัยวัฒน์ นาคสวัสดิ์

ฉันจับใจในเจตนาของคุณที่เป็นกุศล คุณตั้งใจดีมาก การเข้านิพพานไม่มีอะไรยาก เพียงแต่ชนะใจตัวเองเท่านั้น คือ

๑. ไม่ทำหรือคิดว่าจะทำความชั่วทุกอย่า (ตามแบบศีล๕)

๒. สร้างความดี ที่ทำให้เกิดความสุขแก่ตน และคนอื่นทุกอย่าง

๓. ชำระใจ ให้เข้าใจใจเหตุผล เคารพตามความเป็นจริง ไม่มีอารมณ์ฝืนกฎ

ธรรมดา เห็นโลกเป็นทุกข์ตามความเป็นจริง รู้เหตุที่จะทำให้เกิดทุกข์คือ ความอยากไม่รู้จบ ไม่สนใจกับความเคลื่อนไปของสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เห็นความตายเป็นกีฬาของชีวิต ไม่ต้องการความเกิด

รู้ตัวเสมอว่า ทรัพย์สินที่หามาได้นั้น เราไม่มีโอกาสปกครองได้ตลอดกาล เมื่อถึงเวลาแล้วต้องพลัดพรากจากมันเป็นปกติ เมื่อมันจากเรา หรือเราจากมัน ไม่มีอารมณ์เป็นห่วงหรือหนักใจ เห็นความตายเป็นกีฬาสำหรับเด็ก เท่านี้จะทำให้ใจสบาย

เรื่องสวรรค์ หรือ พรหม ถือว่าต่ำเกินไป ไปนิพพานเลยดีกว่า นิพพานมีแต่สุข หาทุกข์ไม่ได้

พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ



วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗
คุณชัยวัฒน์ นาคสวัสดิ์

จดหมายของคุณมาคอยฉันที่วัดนานแล้ว แต่ฉันไม่มีเวลาอ่าน ทั้งนี้เนื่องด้วยการเดินทางเป็นเหตุ มาวันนี้พอมีเวลาบ้าง จึงค้นจดหมายที่คั่งค้างประมาณ ๕๐ ฉบับออกมาตรวจ ปรากฏว่าจดหมายของคุณแอบมานอนกับกองจดหมายอาศัยที่จดหมายมีมากจัด ขอตอบสั้นๆ ดังนี้

(๑) การได้ทิพจักขุญาณ ไม่จำเป็นต้องได้พระโสดาบัน เมื่อฝึกอารมณ์เข้าถึงอุปจารสมาธิ ก็ทำให้เกิดได้ แต่ไม่ใคร่สว่างหรือชัดเจน ต่อเมื่อฌานสูงขึ้น และทรงตัวได้ดี ก็จะสว่างและชัดเจนขึ้นตามขนาดของฌานสูงขึ้น และทรงตัวได้ดี ก็จะสว่างและชัดเจนขึ้นตามขนาดของฌาน

ถ้าเป็นพระอริยเจ้า ก็จะชัดเจนมากขึ้น อุปาทานจะไม่ใคร่ล้อเลียน แต่ก็เอาแน่ไม่ใคร่ได้นัก ทางที่ดีเมื่อได้แล้ว ควรหาทางติดต่อกับพระพุทธเจ้า ผลจะสมบูรณ์แบบ

(๒) สวรรค์มี ๖ ชั้น พรหมมี ๒๐ ชั้น คือ รูปพรหมมี ๑๖ ชั้น พรหมที่ไม่มีรูปมี ๔ ชั้น รวม ๒๐ ชั้นพอดี
(๓) ถ้าเราให้เป็นกสิณโดยตั้งใจไว้เดิมว่า เพ่งสีเขียว ก็เป็นนิมิตกสิณถ้าไม่ได้ตั้งใจไว้เดิม มันปรากฏเอง เป็นนิมิตของอานาปานุสสติ
(๔) เรื่องการเพ่งนิมิต จะเอาไว้ภายในหรือภายนอก ก็มีผลเสมอกัน

(๕) ดวงปฐมมรรค ที่แท้ก็คือดวงกสิณ เมื่อมีสมาธิดี และอารมณ์ตัดสังโยชน์สามได้ ก็เป็นปฐมมรรค ถ้าอารมณ์ตัดสังโยชน์ไม่ได้ก็เป็นกสิณธรรมดาดูแต่ดวงไม่ได้ ต้องดูในที่ละกิเลสด้วย


ขอตอบเท่านี้นะ หวังว่าคงจะเข้าใจ ด้วยจดหมายที่จะตอบมีมาก และเห็นว่าตอบเท่านี้พอแล้ว

ขอได้รับความนับถือ

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ



26
วัดท่าซุง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๘
คุณวิบูลย์ มีชู

จดหมายของคุณฉันได้พร้อมธนาณัติหลายวันแล้ว แต่ที่ตอบล่าช้าไปเพราะขันธ์ ๕ มันรวน ตอนนี้ค่อยดีขึ้นบ้าง จึงมีโอกาสตอบ เรื่องทำบุญ คุณอย่าคิดว่าน้อย บุญเป็นความดีของดี แม้แต่เล็กก็มีค่าสูงส่ง เช่น “เพชร” แม้เม็ดเล็ก ก็มากราคาสูง ความตั้งใจของคุณจะสมประสงค์ได้แน่นอน เพราะมองดูแล้วเวลานี้ กระแสใจสะอาดพอสมควร

คุณจงพยายามคิดไว้เสมอว่า “เราจะต้องตาย” เมื่อตายแล้ว สมบัติอื่นเราเอาไปไม่ได้ นอกจากความดีกับความชั่ว ถ้าเอาดีติดตัวไปเราก็มีสุข ถ้าเอาชั่วติดตัวไป เราก็มีทุกข์ เราทำดีไว้ สนใจใสนความดีเป็นปกติ ไม่ละเมิดศีล มีเมตตา ไม่อิจฉาริษยาใคร มีอารมณ์เป็นสุข หาทางสร้างความสุขด้วยความสงเคราะห์ มีสัจจะในความดี

เมื่อมีชีวิตอยู่ก็มีความสุขเป็นคนดี เมื่อตายแล้วก็มีความสุขเป็นผีดี ถ้าคิดว่า ความเกิดเป็นปัจจัยของความทุกข์ เราไม่ต้องการความเกิดต่อไป ตั้งใจไว้เสมออย่างนี้ หมดความเมาในลาภยศ สรรเสริญ สุข เท่านี้สบายใจบอกไม่ถูก คุณตามฉันทันแน่...........
ขอผลบุญที่คุณประสงค์ จงสำเร็จตามที่คุณตั้งใจในชาติปัจจุบันนี้ โดยฉับพลันเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


ห้องสมุดนวราชบพิตร
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
ต.น้ำซึม อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๖ มกราคม ๒๕๑๙
คุณวิบูลย์

จดหมายและธนาณัติของคุณ ลงวันที่ ๒ ม.ค. ๒๕๑๙ ฉันได้รับแล้ว ตั้งแต่เย็นวันที่ ๕ ม.ค. นี้ ขออนุโมทนาที่กรุณาส่งปัจจัยมาร่วมบำเพ็ญกุศลการที่คุณมีจดหมายมาแล้ว ฉันตอบ ฉันเห็นว่าเป็นกฎธรรมดา และระเบียบที่จะต้องปฏิบัติ เพราะเป็นจดหมายที่มีใจความ มีคุณค่าในทางความดี ถ้าเป็นจดหมายที่หาสาระไม่ได้ ฉันก็โยนลงตะกร้าเสียไม่น้อยเหมือนกัน

ฉันขอขอบคุณที่ลอกจดหมายเผยแพร่เป็นสาธารณะ ถ้าจดหมายของฉันเป็นประโยชน์ขนาดนั้นก็ดีใจมาก แต่ความรู้สึกของฉัน ฉันคิดว่า อารมณ์คุณเข้าถึงธรรมดีแล้ว มากกว่าจึงเห็นว่าจดหมายนั้นมีค่ามาก จนถึงกับคัดลอกแจกจ่ายคนอื่น การทำแบบนั้น ถ้าจดหมายมีคุณค่าในทางความสุข ท่านก็จัดว่าเป็นธรรมทาน มีผลเป็นมหากุศลด้วย

พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ แปลว่า การให้ธรรมเป็นทาน ชนะทานทั้งปวง การที่คุณเผยแพร่ธรรมแม้เป็นธรรมเล็กน้อยในวงจำกัด แต่ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจบ้างตามควร จึงจัดอยู่ในเกณฑ์มหากุศล

ขอผลความดีนี้ จงส่งผลให้คุณมีโอกาสเข้าถึงธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงบรรลุแล้วในชาติปัจจุบันนี้เถิด

ขอได้รับความนับถือ

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ



27
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดท่าซุง
อ. เมือง จ.อุทัยธานี
๔ มีนาคม ๒๕๑๙
ลูกสาวที่น่ารัก

จดหมายของลูกพร้อมด้วยปัจจัยทำบุญ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ พ่อได้รับแล้วเมื่อวันที่ ๒ มีนาคมนี้เอง กว่าจะตอบก็ถึงวันที่ ๔ รู้สึกว่าล่าช้ามากไปหน่อยนะ เรื่องข้องใจที่ถามมาขอตอบดังนี้

(๑) เรื่องดายหญ้าหรือถากถางทำความสะอาดวัด ไม่ใช่ขโมยของสงฆ์ เป็นการช่วยสร้างสรรค์ทำความดีให้แก่สงฆ์ ยิ่งทำยิ่งมีบุญมาก ไม่มีบาป ที่ว่าบาปก็เพราะมีเจตนาขโมยของสงฆ์ หรือมุ่งทำลายล้างของสงฆ์ให้พังพินาศไป จึงเป็นบาป


(๒) เรื่องผีตายโหงรบกวน ถามแล้ว แกบอกว่าไม่ได้รบกวน แกขอกินมากกว่า ทั้งนี้เพราะแกอาศัยที่ลูกรักสัมผัสได้ แกจึงสัมผัสเพื่อขอกิน ผีพวกนี้น่าสงการนะ แกอดอยากจริงๆ ทำบุญกรวดน้ำแกก็ได้รับยาก แกก็ต้องอาศัยหากินตามนี้

ความจริงผีพวกนี้ไม่น่าจะเรียกว่าผี “ผีตายโหง” น่าจะเรียกว่า “อสุรกาย” มากกว่า สงสารเธอไหม ถ้าสงสารและเพื่อป้องกันการรบกวนทำอย่างนี้ซิ อาจจะมีผล ไม่ต้องถูกรบกวนบ่อยๆ “ทำบุญใส่บาตรตอนเช้า แล้วเอาเศษอาหารที่เหลือกองไว้ที่ใบไม้ แล้วเชิญสัมภเวสีและอสุรกายทั้งหมดมากิน” แบบนี้อาจจะสบายขึ้น

ขออนุโมทนาลูกทั้งหมดมีจิตศรัทธาสงเคราะห์ปวงชนและพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขอทุกคนจงมีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาสมหวังด้วยประการทั้งปวงเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 1/3/11 at 16:06 [ QUOTE ]


28
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๕ มีนาคม ๒๕๑๙
คุณนิภา เบญจทิพาพร

จดหมายพร้อมธนาณัติของคุณ ลงวันที่ ๕ ก.พ. ๒๕๑๙ ฉันได้รับและทราบความช้าไปหน่อย ทั้งนี้ฉันออกเดินทางเยี่ยมทหารตำรวจตั้งแต่วันที่ ๓ ก.พ. ๒๕๑๙ กลับวันเอาวันที่ ๒๕ ก.พ. เมื่อกลับถึงวัดแล้ว

อาการทางร่างกาย โดยเฉพาะไข้รบกวนต้องนอนให้หมอฉีดยาหลายวัน มาวันนี้พอมีแรงจึงสำรวจจดหมายที่มีมาถึง รวมแล้ว ประมาณ ๕๐ ฉบับออกอ่าน และเริ่มทยอยตอบ ต้องขออภัยที่รับตอบล่าช้าไป

เมื่อเดือนธันวา ๑๘ จำได้ว่า คุณจดหมาย และส่งเงินมาถวาย ๑ ครั้งแล้ว จำลายมือคุณได้ คราวนั้นอาจจะเผลอไม่ได้ตอบ เพราะกำลังป่วยย่ำแย่ แต่ก็ไม่มีเวลาได้หยุด เนื่องด้วยการเดินทางเยี่ยมทหาร ไปหลายจุด จุดที่สำคัญที่สุดก็คือภาคอีกสาน เยี่ยมทุกหน่วยที่ตั้งชายแดน (แนวหน้า) อากาศก็หนาวจัด ร่างกายก็ไม่ดี

แต่ก็พยายามไปเพื่อเป็นกำลังใจ ด้วยทหารก็คือพี่น้องชาวไทย และเป็นพุทธศาสนิกชน เขาสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อเรา เราจะอยู่รอดก็เพราะเขา เมื่อเขาต้องการกำลังใจ ก็ไปตามความประสงค์ไม่มีอะไรน่าจะคิดว่าลำบาก เขาหนาวสั่น แต่ก็ต้องกัดฟันยืนถือปืนเพื่อป้องกันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย

น่าจะเห็นใจเขา มีคณะไปด้วยกันมาก ได้นำของกินและอย่างอื่นไปแจก เป็นกำลังใจมากมาย มีพระผู้เฒ่าสายเหนือและในกรุงเทพฯ ร่วมไปด้วยหลายท่าน ประชาชนก็ไปมาก

ถ้าโอกาสจะพึงมี อยากจะชวนคุณไปท่องป่า ล่าข่าวตามเป็นจริงชายแดนบ้าง จะทราบว่าโลกนี้ไม่มีอะไรศิวิไลซ์เลย โลกเต็มไปด้วยความโหดร้าย พวกเราอยู่เป็นปกติ เขาส่งกำลังเข้ามาเพื่อยึดเรา รบราฆ่าฟันคนของเรา และยุคนของเราที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปเป็นพวกบ้าง บังคับให้เข้าเป็นพวกด้วยอาวุธบ้าง พวกที่ถูกบังคับด้วยอาวุธมีมากกว่าพวกที่ถูกล่อลวง เรื่องของโลกเป็นอย่างนี้

คุณสนใจในธรรมน่าสรรเสริญมาก คุณยังเป็นสาว แต่สนใจในธรรมหายากนะคุณ โดยมากคนหนุ่มสาวมักจะมีแต่ความคะนอง มุ่งมั่นไปในด้านโลกีย์วิสัย เรื่องนี้ก็เป็นปกติไม่น่าติเตียน เพราะยังอยู่ในเกณฑ์ของวัยแรกรุ่นที่กำลังมีความต้องการสูง แต่ขณะนี้ก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยเรียนหันเข้าสนใจกันมาก

คุณแจ้งมาว่าเข้าใจหนังสือที่เขียนเรื่องพระศาสนาได้ดี ฉันขออนุโมทนาด้วยความเข้าใจเรื่องนี้มากจากอารมณ์ที่เป็นกุศล ถ้าอารมณ์ที่ยังไม่เป็นกุศลก็ยังไม่เข้าใจ หน้ากระดาษสุดเสียแล้ว ขอยุติเท่านี้ ขอคุณมีความสุขตามที่ปรารถนาเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


29
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๘ มกราคม ๒๕๒๐
คุณโยมที่นับถือ

คุณโยม จดหมายพร้อมธนาณัติลงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๐ โดยส่งเนื้อความว่า “เยี่ยมเยือน” เป็นสำนวนประจำและแจ้งยอดเงินบำเพ็ญกุศลเพื่อร่วมสร้างพระอุโบสถ ๑๒๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นบาท) อาตมาได้รับแล้วเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๐ ด้วยความโสมนัสอย่างยิ่ง

ที่คุณโยมมีศรัทธาในการสร้างความดีไม่เสื่อมคลาย รวมทั้งได้เห็นสติสัมปชัญญะเมื่อวันถวายเงิน(ผ้าป่า) รวมทั้งเจตนา คือกำลังใจที่ไม่หวั่นไหวในมรณานุสสติกรรมฐาน มุ่งมั่นสร้างกุศล

และบุตรสาวที่อยู่ใกล้ชิดก็กระทำตนทำใจได้สนิทในการที่บิดามุ่งมั่นสร้างกุศล ถ้าเป็นบางคนแกอาจจะคิดว่า “พ่อทำมากเกินไป สมบัติทั้งหลายจะไม่ตกถึงตน” แต่ทว่าเธอกลับมีอารมณ์ใจเป็นกุศล แสดงความชื่นชมในกุศลเจตนาของคุณพ่อกิจอย่างนี้หาได้ยากยิ่ง

ผลที่ท่านบุตรหญิงทำตนทำใจในด้านกตัญญูรู้คุณ สนับสนุนความดีนี้ แม้แต่สมเด็จพระมหามุนีก็ทรงสรรเสริญมีพระบาลีว่า

“นิมิตตัง สาธุ รูปานัง กตัญญู กตเวทิตา” แปลเป็นใจความว่า “บุคคลที่มีความกตัญญูรู้คุณ ที่ท่านผู้อุปการะทำแล้วและตอบสนองท่านด้วยความดีคนเช่นนี้เราเรียกว่า คนดี”

เธอดีมาก แม้สมเด็จพระผู้มีพระภาคก็ทรงสรรเสริญจริยานี้ นับว่าคุณโยมมีบุญมาก ทุกคนที่ได้มาเห็นพากันชื่นชมยินดี พากันสรรเสริญในจริยาของเธอและพากันโมทนาใจจิตที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของคุณโยม

บางท่านอาจจะคิดว่า “คนมีทรัพย์นี่ จะทำอย่างไรก็ได้” เนื้อแท้ของความจริงแล้ว คนที่มีแต่โลกียทรัพย์แต่ขาดอริยทรัพย์แล้ว ช่วงเวลาที่ป่วยเล็กน้อย(หมายถึงเวลา ไม่ใช่อาการป่วย) แม้มีเงินสักหมื่นล้าน ก็ไม่สามารถบริจาคได้เท่าที่คุณโยมกระทำ

ตามที่พูดมานี้มีตัวอย่างเยอะ การที่จะจัดใจสละทรัพย์อันเป็นที่รักและหามาได้ด้วยความเหนื่อยยากนั้น ถ้าขาดอริยทรัพย์แล้วทำไม่ได้เลย เพราะที่มีอริยทรัพย์ อารมณ์จิตเข้าถึงความเป็นอริยะ “คืออารมณ์จิตบริสุทธิ์” เมื่ออารมณ์จิตบริสุทธิ์ก็ได้รับสัมผัสสิ่งที่บริสุทธิ์คือ อริยธรรม

เมื่ออารมณ์จิตเข้าถึงหรือสัมผัสอริยธรรม ก็ทำให้จิตเข้าถึงความอริยะไปด้วย เหมือนผ้าที่สกปรกเมื่อได้รับผงซักฟอกที่มีสมรรถภาพคุณภาพสูงและคนซักฟอกมีความฉลาดก็สามารถทำผ้าที่สกปรกนั้นให้สะอาดผ่องใสได้

อารมณ์ใจก็เช่นเดียวกัน เดิมอาจจะสกปรกเพราะความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่เมื่อสัมผัสกับพระธรรมเข้าใจก็สะอาดได้

คำว่า “อริยะ” หมายถึงอารมณ์ใจที่สะอาดผ่องใสตามขั้นตามระดับ คือ
สาธุชน สะอาดโดยที่มีศีลบริสุทธิ์ มีทานตามสมควร มีอารมณ์ใจใสตามพรหมวิหาร ๔ ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ดีมีมากกว่าไม่ดี
กัลยาณชน มีอารมณ์ใจมั่นในธรรมแน่วแน่ โดยมีศีลบริสุทธิ์แน่ ตั้งใจให้ทางตัดความโลภแน่ มีอารมณ์ใจไม่อาลัยในขันธ์ ๕ พอสมควร

อริยชน (๑) พระโสดาบัน ระลึกนึกถึงความตายเป็นปกติ คิดว่าเราต้องตายแน่ เพราะเกิดมาเพื่อตายไม่ประมาทในชีวิต คิดจะช่วยตัวเมื่อตายแล้วจะได้มีความสุข โดยยึดเอาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นอารมณ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ บริจาคทานตามสมควรแก่ฐานะ ไม่มากเกินไปจนตนเองเดือดร้อน

(๒) สกิทาคามี มีความคิดและจริยาเหมือนพระโสดาบัน แต่คลายความรักในเพศ คลายความโกรธ คลายความเมาในร่างกายได้ดีกว่า คือนอกจะคิดว่าต้องตายแล้ว ก็คิดว่าร่างกายไม่มีประโยชน์ เป็นปัจจัยของความทุกข์ ชักไม่สนใจกับร่างกายมากขึ้น

(๓) อนาคามี ตัดกามราคะ คือไม่สนใจในกามคุณเลย เกลียด รังเกลียดกามคุณ ไม่อยากโกรธ มีเมตตากรุณาเป็นปกติ เห็นพระนิพพานเป็นที่ควรไป ไม่สนใจโลกีย์วิสัยมากขึ้น แต่ทว่ายังมีอารมณ์อยู่บ้าง

(๔) อรหันต์ อารมณ์ใจปล่อยขันธ์ ๕ ไม่เห็นว่ามีประโยชน์ โลกนี้ เทวโลก พรหมโลก ไม่มีความหมาย มีอารมณ์ใจอย่างเดียว คือพระนิพพาน

อรหันต์ดิบไปนิพพาน คำว่าอรหันต์ดิบก็เพราะเดิมท่านไม่ได้เป็นพระอรหันต์ แต่ใกล้จะตาย ท่านตัดสินใจเอาดื้อๆ โดยคิดว่า “ร่างกายเป็นศัตรูร้าย เกิดมาแล้วมีความป่วยไข้ไม่สบาย ทำอะไรก็ไม่ถนัด ตัดใจไว้เสมอว่า เมื่อขันธ์ ๕ พังคราวนี้ เลิกกันที ขันธ์อัปรีย์อย่างนี้เราไม่ต้องการอีก เมื่ออารมณ์จิตตั้งอยู่อย่างนี้เสมอๆ พอดีตายไปนิพพาน ท่านผู้นี้คือ พระโคธิกะ สมัยพระพุทธเจ้า เมื่อท่านตายแล้วพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่า เข้าถึงนิพพานจริง”

ฉะนั้นท่านที่มีอารมณ์ยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์ ภาวนาว่า “นิพพานัง” ใจนึกถึงพระพุทธเจ้าให้สบายใจ คิดว่าเวลานี้ท่านเข้าสู่พระนิพพานแล้ว แล้วคิดไว้เสมอว่า “เราต้องการนิพพาน”

โดยภาวนาว่า “นิพพานัง” จนอารมณ์ปกติ ท่าน พระโคธิกะเข้านิพพานได้ เพราะอารมณ์นี้ฉันใด ท่านผู้ใช้อารมณ์ใจตามนี้ก็เข้าถึงพระนิพพานได้ฉันนั้น

ถ้าจะมีใครค้านว่า พระโคธิกะ ไม่ได้ถึงพระนิพพานเพียงท่านเกลียดขันธ์ ๕ ท่านจึงไปนิพพานได้
ก็ขอตอบว่า คนที่คิดถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์โดยไม่ห่วงกาย ไม่ห่วงทรัพย์สิน นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นผู้มีอารมณ์เข้มแข็งและเดินทางตรงและสั้นกว่าท่าน พระโคธิกะ ทำไมจะเข้าพระนิพพานไม่ได้

เป็นอันว่า อาตมาจะพูดเรื่องจิตเข้าถึงอริยะหน่อยเดียว ก็ว่าเรื่อยมาเสียยาว อาจจะทำให้คุณโยมรำคาญบ้างก็ต้องขออภัยด้วย

เป็นอันว่าปัจจัยที่ถวายมา ๑๒๐,๐๐๐ บาทนั้นพอมาถึงก็เรียกเจ้าหนี้มารับทันที ตามความประสงค์
ส่วนปัจจัย ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาท) ประจำเดือนนั้น อาตมาขอนำเข้าร่วมใช้ในเรื่องกระแสไฟฟ้า เพื่อแสงสว่างและน้ำ อาหาร เป็นปกติมาก ขอคุณโยมได้โปรดโมทนาด้วย ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมศรัทธาของคุณโยมให้ครบบริบูรณ์

อาการป่วยของคุณโยมอาตมาไม่หนักใจ เพราะอารมณ์ผ่องใส เป็นที่ถูกใจของพระอริยเจ้าทุกท่าน
ขอผลบุญที่คุณโยมบำเพ็ญมาตลอดกาล และบารมีของสมเด็จพระพิชิตมารและพระอรหันต์ทั้งหลาย จงช่วยบันดาลให้อารมณ์ใจที่คุณโยมต้องการ มีผลตามกความมุ่งหมายทุกประการเถิด

“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นตถาคต” พระพุทธเจ้าตรัสแก่ พระวักกลิ เวลานี้คุณโยมก็เห็นธรรมชัดแล้ว ก็ชื่อว่า “เห็นพระพุทธเจ้า” เมื่อเห็นแล้วก็เดินไปหาท่านไม่ยาก

ขอความสมหวังที่ตั้งใจภาวนาไว้จงสำเร็จ

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


30
ห้องสมุดนวราชบพิตร
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
ต.น้ำซึม อ. เมือง จ.อุทัยธานี
วัดท่าซุง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๒๙ มิถุนายน ๒๕๒๐
ลูกสาวผู้โชคดี

ปกติจดหมายที่เขียนมาหาฉัน ต้องนอนค้างนานจึงจะได้รับคำตอบ เพราะปกติไม่ใคร่อยู่ ต้องเดินทางออกเยี่ยมชาวป่าชาวเขาเป็นปกติ วันนี้พอดีอยู่และจดหมายมาถึงพอดี จึงรีบตอบให้ทราบ

(๑) เรื่องมุสาวาท เท่าที่ปฏิบัติถูกต้องแล้ว เพราะมุสาวาทถ้าจะขาด ต้องเป็นวาจาที่ทำลายประโยชน์ของเขา สำหรับเรื่องที่รับฟังมาแล้วเป็นเรื่องร้ายแต่แก้ให้เป็นเรื่องดี อย่างนี้ไม่เรียกว่ามุสาวาท เป็นเมตตากับกรุณา ควรทำต่อไป


(๒) เรื่องการค้าเกี่ยวกับเจ้าหนี้ที่มีการผัดผ่อนให้รอเวลา เป็นเรื่องปกติ เพราะเราไม่มีเจตนาโกง เพียงหาทางผ่อนปรนให้มีเวลาพอหามาสมทบให้พอแก่การชำระหนี้ ทั้งนี้การชำระหนี้มิใช่ว่ามีเท่าไรชำระหมด จำต้องมีไว้กินไว้ใช้บ้าง การแจ้งว่าวันนี้ขายไม่ใคร่ดี เป็นทางออกที่ถูกต้องแล้วไม่มีอะไรที่ทำให้ศีลขาด


(๓) เรื่องการค้าราคาของกับการต่อรอง สมมุติว่าเราซื้อมาราคา ๒ บาท ท้องตลาดขาย ๔ บาท เราจะขายตามนั้น ถ้าเขาขอลด เราก็ไม่บอกเขาว่าซื้อมาราคา ๓๙๐ บาท เพียงบอกว่าราคาต้นทุนแพง จำต้องขายเท่านี้ ถ้าเขาพอใจเขาก็ซื้อไปด้วยความเต็มใจของเขา อย่างนี้ไม่เรียกว่ามุสา


(๔) เรื่องความฝันนั้น รู้สึกว่าดีมาก คือ (๑) ผันเห็นพระบรมราชินี ถือว่าเป็นมงคลใหญ่

(๕) เรื่องในฝันท่านบอกนั้นไม่เป็นไร ใจจะได้มั่นคง ตรงที่ท่านบอกว่าเพื่อความแน่ใจขอให้ไปถามพระจุฬามณีอันนี้ดีมาก เพราะตามคติในพระพุทธศาสนา ถือว่าลูกมีบุญญาธิการที่จะมีโอกาสไปพบพระจุฬามณีได้ขอให้พยายามรักษากำลังใจให้เป็นกุศลไว้ผลนี่จะมีแก่ลูกแน่


ขอลูกจงมีความสุขสมหวังและเข้าถึงพระจุฬามณีได้ตามที่นิมิตไปโดยเร็วเถิด
จากพ่อ
(พระมหาวีระ ถาวโร)



วัดท่าซุง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
(โทร. ๕๑๑๓๙๑ อุทัยธานี)
๑ สิงหาคม ๒๕๒๐
ลูกรัก

จดหมายของลูกลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๒๐ รับว่าตอบช้ามากไปหน่อย ทั้งนี้พ่อไม่มีเวลาอยู่วัด ด้วยต้องออกไปเยี่ยมทางในป่า เพิ่งกลับมาก่อนหน้าวันอาสาฬหบูชาเพียง ๑ วัน เมื่อเสร็จงานเข้าพรรษาจึงรื้อจดหมายออกตรวจ พบของลูกเข้าจึงรีบตอบมาด่วน

เรื่องทั้งหมดที่แจ้งมาล้วนเป็นเรื่องของธรรมปีติเมื่อธรรมปีติเข้าทรงใจของคนใด คนนั้นท่านเรียกว่า “ผู้เข้าถึงธรรม”

ฉะนั้นขอลูกจงรักษาธรรมปีตินี้ไว้ให้มั่นคง อย่าหลงอารมณ์ของโลก ด้วยโลกไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ วัตถุ หรืออารมณ์ มันไม่มีอะไรยั่งยืน ล้วนเป็นเหตุของความทุกข์ทั้งหมด ไปยึดถือเข้าจะทำให้ใจว้าวุ่น มีอารมณ์เหมือนคนบ้า กายแก่ได้ก็มีความเข้าใจว่าไม่แก่ ตายได้ก็เข้าใจว่าไม่ตาย

เมื่อมันแก่และจะตายจริงๆเข้า ก็เกิดความกลัดกลุ้ม ขอลูกจงพายเรือตามน้ำ คืออย่าฝืนกฎธรรมดาเท่านี้พอแล้ว แล้วลูกจะเข้าถึงความสุขที่ลูกคาดไม่ถึง

จากพ่อ
(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


31
ฉบับที่ ๑
วัดท่าซุง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๑ กรกฎาคม ๒๕๒๐
คุณสกุล

จดหมายของคุณลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๒๐ อาตมาทราบแล้ว ที่ตอบล่าช้าก็เพราะไปต่างจังหวัดเสียนานเพิ่งจะกลับวัด เมื่อกลับก็รีบตอบให้ทราบ

เรื่องของความเป็นอยู่ในโลก มันเป็นอนิจจังนะคุณ อย่าเอาอะไรเป็นสาระเกินไปเลยโลก พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “มันมีอันที่จะต้องฉิบหายในที่สุด” ทั้งนี้หมายถึงวัตถุและอารมณ์ที่เป็นโลก

จงอย่าสนใจคนอื่นให้มากนักเลย เพราะถ้าสนใจมาก เราก็กลุ้มมาก เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ก็เหมือนกัน คนให้เขาเป็นชาวโลก เขาก็มุ่งกันกันแบบโลกๆ คือ ไม่ใคร่มีคติธรรมผสม เงินดี ยศดี เงินดี เงินเดือนดี ประจบดี ยศดี เงินเดือนดี ความสามารถดี ต้องรอก่อน นี่เป็นธรรมดา ปกติของชาวโลกในปัจจุบัน

เรื่องการแนะนำการชักชวนคนอื่นนั้น ฉันโดนมาแล้ว เขาด่าเอาหาว่าบ้าๆ บอๆ โดนเข้าหลายครั้ง เลยต้องเฉย จงยึดระสุภาษิตที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ว่า
“ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน บุคคลอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้ เมื่อฝึกฝนตนดีแล้วไซร้ เราจะได้ที่พึ่งที่บุคคลอื่นหาได้โดยยาก”

เป็นอันว่าท่านตรัสว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มีอุเบกขาวางเฉยไว้ ได้เท่าไรพอใจเท่านั้น เรื่องต้องการในธรรมให้เขาร่วมกันต้องการนั่นแหละ เป็นการดี เราว่าดีคนเดียว เขาอาจจะไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องธรรมดา ขอให้ทรงอุเบกขาไว้อย่าสนใจในความเป็นธรรมกับชาวโลก ถ้าสนใจมากกลุ้มมาก สนใจน้อยกลุ้มน้อย ไม่สนใจเลยไม่กลุ้มเลย

ขอคุณจงเป็นผู้มีอารมณ์เป็นสุขโดยธรรม คืออุเบกขาธรรมเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 13/3/11 at 13:28 [ QUOTE ]


32
ฉบับที่ ๒
วัดท่าซุง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
๑๙ กันยายน ๒๕๒๐
คุณสกุล

ขออภัยที่ตอบล่าช้า อาจจะคิดว่า “อม” เสียแล้วก็ได้ ความจริงปีนี้ตั้งแต่ ธ.ค. ๒๕๒๒ ถึงก.ค. ๒๕๒๓ ทุกเดือนออกลาดตระเวนป่าและชายแดน เพื่อตั้งธนาคารข้าวและแจกฟรีไม่มีเวลาหยุดเลย บางเดือนเดินทางถึงสามเที่ยว ไม่มีโอกาสอยู่วัดถึง ๔ วันสักเดือนเดียว จดหมายตั้งแต่ธันวาจึงไม่มีเวลาตอบ เพิ่งเริ่มตอบวันนี้ ทั้งนี้ เมื่อเข้าพรรษาแล้วน่าจะมีเวลา แต่เพราะอาศัยที่ตรากตรำมาตลอดฤดูแล้ง เลยล้มป่วย ไม่มีแรงจริงๆ ต้องนอนให้หมอให้ยาและน้ำเกลือบ้าง วันนี้พึ่งเริ่มมีแรง ก็เริ่มตอบจดหมาย ท่านเจ้าของจดหมายอาจจะคิดว่าตายไปแล้วก็ได้
ด้วยความดีที่มีจิตเมตตา ขอผลนี้จงรักษาให้ผู้เมตตาจงมีความปรารถนาสมหวังตามที่ตั้งใจไว้จงทุกประการเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)



ฉบับที่ ๓
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๔

ลูกสาวจ๋า เวลาคุยไม่มีเสียแล้ว เพราะกำลังจะขึ้นรถไปปราจีนบุรี และจันทบุรี ตราด พอดีจดหมายมาถึง อ่านชื่นใจจริงๆ สมควรที่เป็นครูบาอาจารย์ แต่จะคุยด้วยก็ได้เวลารถเขาจะออกเดินทางไปสงเคราะห์จึงขอตอบและคุยเท่านี้ ดีใจที่ลูกรักยังมีความสุข และใจบุญสุนทาน สร้างวัดวาอาราม อย่างนี้มีความสุขในอนาคตแน่นอน

(พระมหาวีระ ถาวโร)
ขอให้มีสุขเสมอนะจ๊ะ

◄ll กลับสู่สารบัญ


33
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒

ลูกรัก
จดหมายของลูกลงวันที่ ๒๔ ม.ค. ๒๒ พ่อได้รับนานแล้ว แต่ภาระและและนอนป่วยเป็นปกติ งานสอนก็ต้องสอนบางคืนไม่หลับตลอดคืน ขาเดินไม่ถนัดเลยตอบจดหมายของลูกช้าไปมาก

จดหมายฉบับนี้ขอให้ถือเป็นใบโมทนาด้วย คือปัจจัยที่ลูกได้บอกบุญส่งมาร่วมงานสร้างและบำรุงภิกษุสามเณร จำนวน ๒,๐๑๙.๐๐ บาท (สองพันสิบเก้าบาทถ้วนนั้น) พ่อได้รับหลายวันแล้ว ขอลูกทุกท่านที่บำเพ็ญกุศลมาจงมีความสมปรารถนาสมหวังตามที่ตั้งใจทุกท่านเถิด

เรื่องการสอนคนนอกคอกไม่ว่าที่ไหนมีทั้งนั้น แม้ที่วัดนี้ก็มี เอาอย่างนี้ก็แล้วกันลูกจงสอนแต่คนที่เขามีความเต็มใจให้สอน หรือเมื่อเต็มใจแต่แนะนำวนไปวนมา ๓ วาระไม่ยอมเชื่อ ให้ทิ้งเลยอย่าสนใจ คอยจนกว่าเขาจะเข้าใจจึงสอนใหม่

เรื่องการเห็นตัวไม่ยากแต่ทำลำบาก เขาไม่พอใจจงอย่าสอนเขา ของพระพุทธเจ้าเราอย่าเอาไปเกลือกกลั้วกับสิ่งโสโครก การที่พ่อให้ไปสอนนั้น ให้สอนแต่คนที่อยากเรียนและไม่ดื้อ คนไม่อยากเรียน หรืออยากเรียนแต่ไม่สนใจคำแนะนำ “จงอย่าสอน”

ที่วัดนี้และที่กรุงเทพฯ เวลานี้มีนักเรียนนักศึกษาและผู้ได้ปริญญา ดร.ก็มีมาก นักเรียนมีประโยชน์มากเพราะคิดอะไรไม่ออกขึ้นไปสอบถามข้างบนได้สบายและได้คะแนนเต็ม ครูมารายงานให้ทราบว่า นักเรียนคนหนึ่งภาษาอังกฤษเธอไม่เป็นเรื่องเลย เวลาสอบได้คะแนนเต็มเพราะขึ้นไปถามข้างบน

ความจริงการปฏิบัติแบบนี้ ทำไปพอสมาธิเต็มก็เห็นชัดเหมือนกลางวัน เด็กนักเรียน อุทัยวิทยาคม และ อุทัยวิทยาลัย เธอมาฝึกวันเดียวได้ ซ้อมอีก ๔ วันเก่งบอกไม่ถูกเลย ใสแจ๋วเหมือนแสงสว่างจากพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยง แต่ ทั้งนี้อยู่ที่ผู้ปฎิบัติ รวมความแล้วคำสั่งของพ่อให้ถือตามนี้[/color]


๑. ขอให้สอนเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อ และต้องการให้สอน
๒. คนที่อยากให้สอนแต่แนะนำแล้วไม่ปฏิบัติตามให้ละเสีย จนกว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำ
๓. ผู้ได้แล้วต้องทำเสมอให้ใช้ทุกขณะจิต
๔. พวกอวดวิเศษที่เขารังเกียจจงอย่าสอนเป็นอันขาด
๕. ถ้าไม่มีใครพอใจให้สอนจงอย่าสอน และอย่าพยายามชักชวนมาเพื่อเรียน ของดีไม่ต้องเร่ขายเราไม่ได้รับจ้างสอน สอนให้ด้วยเมตตาถ้าเขาไม่พอใจจงเลิกสอนเสียเลย


จากพ่อของลูกที่พ่อรัก
(พระมหาวีระ ถาวโร)



วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๙ มกราคม ๒๕๒๓

ลูกรัก
จดหมายพร้อมปัจจัยที่ส่งมารวม ๒๓๕.๗๕ เหรียญ พ่อได้รับแล้ว การทำบุญเนื่องในสังฆทาน ลูกส่งมาพอดีกับที่พ่อทำประจำปีเป็นส่วนของหลวงพ่อ พ่อเลยเอาของลูกเพิ่มอีก รู้สึกว่าทำให้สังฆทานส่วนนี้บริบูรณ์ขึ้น

ปฏิปทาที่ลูกเล่ามานั้น ลูกทำถูกแล้ว พ่อขออนุโมทนากับลูกด้วย เรื่องที่มีคนพูดว่าเป็นการรบกวนพ่อแม่ พ่อเห็นว่าเป็นการกตัญญูที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญมากกว่า การสนองความดีของท่านด้วยการนึกถึง หรือกล่าวด้วยวาจาถึงท่านเป็นการสรรเสริญความดี

ไม่ลืมความดีที่ท่านอุปการะมา เป็นความดีอย่างเลิศและยิ่งปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านด้วย ช่วยกันทั้งสองประการ พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นยอดของคนดีตามพุทธภาษิตทรงตรัสไว้ว่า

“นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา” แปลว่า ท่านผู้ใดท่านอุปการะมาในกาลก่อน เราตอบสนองท่านด้วยความดี พระองค์ตรัสว่า เราเรียกคนนั้นว่าเป็นคนดี เมื่อลูกทำความดีแล้ว ทำไมจะต้องคิดว่ารบกวนท่าน

การนึกถึงการกราบไหว้ไม่ใช่รบกวน เป็นการทำความดีที่หาได้ยาก ขอลูกรักทำต่อไปจะได้มีกำลังใจเป็นสุข คนที่ไม่ลืมความดีของท่านผู้มีคุณ คนประเภทนี้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองหาทางตกต่ำยาก เป็นที่รักของสังคมคนดี

ลูกบอกมาถึงงาน พ่อหนักใจแทนลูก เพราะลูกใช้เวลาทำงานมาก แต่คิดตามหลักของคนมีปัญญาแล้วก็เห็นว่าสมควร เพราะเมื่อมีแรงมากทำไว้ก่อน เมื่อยากร่างกายแก่ลงทำไม่ไหวจะได้มีใช้มีกิน แต่ขอให้ลูกจงอย่าหักโหมมากเกินไปก็แล้วกัน

สำหรับลูก พ่อขอรับไว้เป็นลูกที่รักของพ่อ เพราะลูกมีปฏิปทาเป็นที่ถูกใจพ่อมาก ขอลูกจงสบายใจว่าลูกยังมีพ่อที่รักลูกและห่วงใยลูกอีก ๑ คน
ที่สุดนี้ ขอลูกของพ่อจงมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจทุกประการเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


34
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓

ลูกจุไรลักษณ์ ลูกรักของพ่อ
จดหมายของลูกพ่อรับหลายวันแล้ว แต่ว่าพ่อป่วยเกือบทำอะไรไม่ได้หลายวัน ถึงขนาดรับแขกไม่ไหว วันนี้พอมีกำลังจึงนำจดหมายที่นอนคอยออกมาอ่าน
ธนาณัติที่ลูกส่งมา หนึ่งร้อยบาทพ่อได้รับแล้ว ขอลูกของพ่อจงมีความสุขตามที่ลูกประสงค์ทุกอย่าง

ลูกปฏิบัติถูกต้องทุกอย่างลูก ไม่มีอะไรต้องแนะต่อไป พ่อต้องการให้ทุกคนมีอารมณ์และปฏิบัติอย่างลูก ถ้าทุกคนทำอย่างลูก พ่อจะสบายใจมาก เพราะลูกเดินแนวปฏิปทาที่ถูกต้องและเข้าถึงจุดทั้งหมด เลยไม่มีอะไรจะสอน ไม่เสียทีเป็นลูกพ่อ และลูกแม่ศรี และหลานท่านปู่ท่านย่า

ขณะที่เขียนจดหมายนี้ท่านปู่ท่านย่าแม่ศรีก็อยู่ด้วย ทุกท่านชมลูกว่าเป็นคนดีมาก ขยันทำความดี และฉลาด อธิบายให้เด็กฟัง ทุกท่านบอกว่าลูกจะเป็นกำลังใหญ่ในสายนี้

มีเรื่องเดียวที่จะอธิบายก็คือคำภาวนา คำภาวนา นะมะพะธะ นั้น ใช้เมื่อใช้อภิญญา และควรใช้เป็นปกติ อารมณ์จะได้แจ่มใส่ พุทโธ และอย่างอื่นเอาไว้เมื่อยามว่าง ถ้าต้องการอารมณ์สงัดตามปกติ

แต่พ่อเห็นว่า นะ มะ พะ ธะ นั่นแหละดีแล้ว เพราะลูกได้อภิญญาจิตจะได้ไม่มัว พุทโธ เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าที่คนเข้าไม่ถึง คือเห็นไม่ได้ก็เรียกชื่อให้ช่วย นะ มะ พะ ธะ นี้เราเข้าถึงพระองค์และรับโอวาทได้
ลูกว่าควรใช้อย่างไหน ถ้าเป็นพ่อๆคงใช้ นะ มะ พะ ธะ จะได้ไม่ต้องตะโกนเรียกท่าน ไปหาท่านเลย

ส่วนในคู่มือแนะให้ภาวนา พุทโธ ก็เพื่อให้คนใหม่ที่ยังไม่ได้อะไรให้เรียกท่านเพื่อช่วยกำลังตนเองไปพลางก่อน เมื่อมีโอกาสเข้าเฝ้าท่านได้ก็คงไม่จำเป็นต้องตะโกนเรียก จงอย่าคิดว่าพ่อว่าภาวนา พุทโธ ไม่ดีนะ ภาวนาพุทโธดีแต่เมื่อเราได้อภิญญาควรภาวนาตามสายอภิญญา อภิญญาจะได้แจ่มใสเสมอ

นะ มะ พะ ธะ ก็เป็นคำภาวนาที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาเวลาจะภาวนาก็นึกถึงท่านอยู่แล้ว และมีกำลังไปหาท่าน คำว่า พุทโธ เป็นภาวนาคำกลางๆ ใช้เมื่อเริ่มปฏิบัติ ถ้าแยกเข้าอภิญญาหรือวิชาสาม หรือปฏิสัมภิทาญาณ ต้องภาวนาตามสายของตน แต่ไม่ถือว่าขาดพระรัตนตรัย เพราะใจเราถึงเป็นปกติอยู่แล้ว

ที่สุดนี้ ขอลูกรักของพ่อ แม่ และท่านปู่ท่าย่า จงมีอารมณ์อิสระ พ้นอำนาจกิเลสด้วยประการทั้งปวงเถิด ทำดีอยู่แล้ว อย่าเปลี่ยนแปลง อารมณ์จะเฝือถ้าเฝือแล้วดึงคืนยาก

จากพ่อของลูก
พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ


35
ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน
อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔

น้อย กูรมโรหิต น้องรัก
เมื่อวันที่ ๒ ก.พ. ๒๕๒๔ น้องมาบอกพี่ว่า มีคนเขาค้านเรื่องน้ำมันที่ปะทุกรุงเทพว่า น้ำมันโซล่าจะมีขึ้นมาได้ต้องกลั่นก่อน เรื่องนี้มาจากเหตุที่หนังสือธัมมวิโมกข์ ที่พระท่านจัดทำขึ้นได้ลงข่าวโคมลอยหรือข่าว โดเมอึ ที่มีคนเขียนส่งมา และแกก็เขียนแบบผีเขียน คือไม่ลงชื่อและที่อยู่ ขอให้ลงข่าวในหนังสือธัมมวิโมกข์

พระท่านเอามาให้พี่อ่าน พี่อ่านแล้วเห็นว่าแกยกอากาศได้ดีมาก ไม่ใช่ยกเมฆ เพราะเมฆอยู่สูงเกินไปที่แกจะยกได้ แกเลยฉวยโอกาสยกอากาศแทน จึงบอกพระผู้จัดทำว่าลงไปได้เลย แล้วบอกให้ผู้อ่านทราบไว้ด้วยว่า “รู้ไว้ใช่ว่า แต่อย่าเพิ่งเชื่อ” ทั้งๆ ที่บอกไว้อย่างนั้น ก็ยังมีคนคิดว่าเป็นข่าวจากพี่ ข้อนี้ต้องคิด และก็อาจจะคิดว่า ท่านผู้นั้นอ่านหนังสือไม่ครบทุกตัวอักษร

เรื่องนี้ขอยกไว้ เรามาพูดกันเรื่องโรงกลั่นน้ำมันดีกว่า ที่พบโรงกลั่นน้ำมันอยู่หลายแห่งทั้งในเมืองไทยและเมืองมอญ โรงกลั่นนี้ไม่ใช่คนทำเป็นสัตว์เดียรัจฉาน พี่เห็นแล้วพี่มีความรู้สึกตัวได้ดีว่า ที่พี่มีรูปร่างหน้าตาเป็นคนนี่ พี่มีความสามารถไม่เท่าสัตว์เดียรัจฉาน

พี่อายสัตว์เดียรัจฉานมาก ที่แกสามารถสร้างโรงกลั่นน้ำมันได้ แกคงใช้ทุนไม่มาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวเลยว่าแกลงทุนเท่าไร กู้ใครมาบ้าง แกสำรวจหมดทุนไปเท่าไร แป๊ะและเก๋าเจี๊ยะไปเท่าไร ก็หาข่าวไม่ได้ แกเรียนหนังสือที่ไหน จบชั้นอะไรก็สืบไม่ออก พี่พยายามสืบมาเป็นเวลา ๖๐ ปีเศษ

อยากจะทราบว่าบรรดาสัตว์เดียรัจฉานพวกนี้ แกมีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอยู่ที่ไหนก็สืบไม่ออก พี่นี้สืบทุกอย่าง เอาความจริงไม่ได้ แสดงว่าพี่เลวกว่าแก ซึ่งพวกแกเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่บรรดาพวกมนุษย์กึ่งเทวดาจอมปลอมประมาณว่าแกเลวกว่า

เรื่องโรงกลั่นน้ำมันของสัตว์เดียรัจฉานที่พี่พูดถึงนี้ มีอยู่ในอ่าวไทยและเมืองมอญ ขอพูดในอ่าวไทยก่อน เมื่อปี ๒๕๑๘ พี่ก็มีโอกาสไปภาคใต้เมืองไหนไม่บอก เพราะว่ามันเป็นความลับที่เขาสงวน ในเมื่อผู้บอกแกจำใจต้องบอกความจริง แต่ก็ขอให้ปกปิด พี่ก็จะขอปิดตามคำขอร้อง จะบอกแต่เรื่อง ไม่บอกบุคคลและสถานที่

วันนั้นเป็นการบังเอิญ ที่พี่และคณะเดินเล่นตามแบบฉบับ ของพวกอนาถาไร้ปัญญาความรู้ ไม่มียี่ห้อ หาชั้นหรือปริญญากันไม่ได้เลยอ่านหนังสือก็ไม่ใคร่ออก เดินนวยนาดไปตามสภาพของคนไร้ความรู้ ความจริงก็ดีน้อง ไปไหนแบบคนโง่นี้ดี ไปกันเป็นกลุ่ม ไม่มีการขัดคอกัน เดินโซเซไปตามเรื่อง

เห็นคนที่เขาแต่งตัวหรูหรา มีปริญญา หรือรินยา ศัพท์นี้พี่ไม่รู้ว่าเขียนอย่างไรมันถึงจะถูกปริญญา พระท่านแปลว่ารู้ทุกอย่าง ถ้ารินยาท่านแปลว่ารักษาโรค บางท่านเดินถ่างแข้งถ่างขาพวกนี้ปกติต้องรินยาพวกที่รู้อะไรมากๆ ท่านอาจจะเรียกว่าปริญญาเรื่องนี้อย่าสนใจเลย

มาสนใจกันที่บังเอิญได้ข่าวสัตว์เดียรัจฉานตั้งโรงกลั่นน้ำมันดีกว่า เวลานั้นเป็นเวลาใกล้จะค่ำ ยังไม่ถึงค่ำ ประมาณ ๑๗ น. เห็นจะได้ พี่พบชายสามคน เห็นเขานั่งคุยกันฟุดฟิดโฟไฟ พี่ฟังไม่รู้เรื่องเลย เมื่อพี่เข้าไปหาเขา เขายังคงพ่นไฟตามปกติ พี่ไม่มีไฟจะพ่น พี่ก็เลยพ่นน้ำทับไฟ(น้ำลาย)

เขาฟุดฟิดโฟไฟมาพี่ก็เล่นพูดภาษาไทยที่รู้ไม่ครบสู้กับเขา เขาพ่นไฟมาพี่ก็พ่นน้ำลายไป ในที่สุดเขาคงจะคิดว่า ถ้าขืนพ่นไฟมาอาจจะแพ้น้ำลายที่พี่พ่นไป เขาเลยเปลี่ยนจากการพ่นไฟกลับมาพ่นน้ำลายอย่างพี่ คือพูดภาษาไทยแทน แกพูดได้ชัดเจนเหมือนไทยแท้

แต่อาจจะชัดกว่าไทยที่พูดทางวิทยุหลายราย เพราะท่านที่พูดทางวิทยุ คำว่าปลา ออกเสียเป็นปา เคยได้ยินบ่อยๆ ท่านไทยพวกนี้ท่านทันสมัยและเป็นนักพัฒนาการดัดแปลงแก้ไขศัพท์ให้เหมาะกับกาลสมัยที่มันกำลังเลอะเทอะอยู่ในเวลานี้ ต้องชมว่าท่านเก่งและทันต่อเหตุการณ์ พี่คิดว่าไม่นานนัก ปลาคงจะหายไปจากประเทศไทย พวกปาจะมาอยู่ในเมืองไทยแทน

มาคุยกันเรื่องฟุดฟิดโฟไฟต่อไป พี่จำได้ว่าแกถามว่าพวกผมกำลังสำรวจน้ำมันในที่แห่หนึ่ง(ขอสงวนสถานที่) จะพบไหมครับ
พี่จึงถามแกว่า เฉพาะบริษัทของคุณที่สำรวจในอ่าวไทยพบแล้วไม่น้อยกว่า ๔ จุดใช่ไหม

แกนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วแกก็ตอบว่า ไม่พบเลยครับ ถามที่พี่ถามเธอนั้น น้องจงอย่าคิดว่าพี่มีญาณพิเศษรู้ได้นะ เรื่องตีกินแบบนี้พี่ชำนาญ ใช้ได้ผลดี และผลเละมานับครั้งไม่ถ้วน การเดานี้มันดีกว่าการดู เพราะไม่ต้องเรียนรู้ให้เสียเงินละเวลา

เมื่อแกตอบว่าไม่พบพี่ก็ตอบแกว่า เมื่อในอ่าวไทยคุณไม่พบ พี่ๆ คุณสำรวจใหม่นี้มันก็ต้องไม่พบ เวลานั้นเป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง มีวิทยุเรียกมาพอดี พี่ลืมบอกน้องไปว่าขณะที่คุยกันนั้นมีลูกน้องพ่อฟุดฟิดโฟไฟนั่งอยู่ด้วยสองคน เมื่อได้ยินเสียงวิทยุเรียก แกก็ไล่ลูกน้องแกสองคนให้ไปรับวิทยุ

คราวนี้ก็เหลือกันตามลำพังระหว่างคนพ่นไฟกับพ่นน้ำ แค่คนพ่นไฟยอมแพ้คนพ่นน้ำ หันมาพ่นน้ำตาม พี่เห็นเป็นโอกาสจึงพูดกับแกว่า “คุณ วาจาที่พูดตามความจริงนั้นเป็นวาจาที่ไม่ตายนะ เป็นศักดิ์ศรีของคนดี”

แกก็เลยตอบว่า ถ้าผมพูดความจริง ผมก็ต้องถูกไล่ออกจากงาน
พี่ฟังแล้วมีความรู้สึกว่า ตอนนี้เข้ามุมละ เมื่อได้ที่ต้องรีบขี่หมาไล่จะหาแพะเวลานั้นแพะไม่มีในที่นั้นเลย เห็นแต่หมาฝูงเบ้อเร่อ จึงโดดขึ้นหลังหมาไล่ทันที ถามแกว่า ถ้าอย่างนั้นคุณพบน้ำมันในอ่าวไทยแล้วไม่น้อยกว่า๔จุดใช่ไหม

แกขอร้องให้พี่ปกปิดเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าเขาจะประกาศว่าพบน้ำมันจึงขอให้พูดได้ พี่ก็รับคำ แกก็บอกว่าใช่ครับตามที่ท่านพูดมานั้นตรงตามความเป็นจริง พบจริงไม่น้อยกว่า๔จุด แต่ละจุดมีปริมาณมากพอสมควร

ถามแกว่า ถ้าจะดึงขึ้นมาใช้จะคุ้มค่าในการลงทุนไหม
แกตอบว่าท่านควรจะถามว่ากำไรเท่าไรดีกว่า
ถามแกว่า ตามที่สำรวจพบมีปริมาณมากพอใช้ไปนานไหม
แกบอกว่าทั้งใช้ภายในและขายไปนอกประเทศ เอาขึ้นมาใช้ได้นานพอสมควร

ถามแกว่า สมมุติว่าใช้สักร้อยปีจะหมดไหม
แกยิ้มแล้วบอกว่าตามหลักวิชาการที่สำรวจน้ำมันเมืองไทยนี้แปลกที่มันหาจุดหมดแน่นอนไม่ได้ คล้ายกับจะมีที่อื่นไหลมารวมหรือมีการก่อตัวใกล้เคียงไหลมารวมกัน อันนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ขอยืนยันว่ามีมากเกินกว่าที่คิดไว้มาก

ถามแกว่า เมื่อพบแล้วน่าจะประกาศให้ทราบ
แกตอบว่าเขาให้ปกปิดไว้ครับ เขาผู้นั้นใช้ปกปิดเป็นใครไม่กล้าถามเพราะรู้ตัวว่ายังโง่อยู่มากไม่สมควรจะถามแก
จึงถาม ถึงชนิดของน้ำมันว่า น้ำมันที่พบนี้เป็นน้ำมันใสมากใช่ไหม มีสภาพคล้ายน้ำมันก๊าด หรือเบนซินใช่ไหม

แกมองหน้าแล้วแกก็ถามว่าท่านรู้ได้อย่างไรครับ
จึงตอบแกว่า ฉันไม่รู้ ถ้ารู้ก็ไม่ถามคุณที่ถามนี้เพียงสงสัยเท่านั้น
แกถามว่าท่านชื่อไรครับ

พอบอกชื่อแกแกก็ยิ้มและบอกว่าถ้าชื่อนี้ละก็ผมขอพูดตามความเป็นจริงทุกอย่าง ก็โชคดีที่ชื่อของพี่เวลานั้นเป็นชื่อสัตว์เดียรัจฉานเขาคงจะคิดว่าการบอกสัตว์เดียรัจฉานคงไม่มีภัย เขาจึงบอกความจริงตามเขาบอกทุกประการ

ยอมรับว่าน้ำมันที่พบนั้นแปลกมาก เป็นน้ำมันใสมาก ธรรมชาติกลั่นไว้ดีแล้ว ถ้าใช้จุดตะเกียงธรรมดาก็ไม่ต้องทำอะไรเลยใช้ได้ทันที
เมื่อแกบอกแล้วแกก็ถามต่อไปว่า ที่ผมกำลังสำรวจใหม่นี้จะพบไหม

ได้บอกแกว่า พี่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ที่พูดไปแล้วทั้งหมดเป็นการเดา เพราะความโง่อย่างเดียว ถ้าถามเอาจริงเอาจังอย่างนี้ ไม่กล้ายืนยัน
แกก็ฉลาดไม่น้อยแกก็เลยบอกว่าผมไม่ต้องการรู้จริงต้องการให้ท่านเดาเท่านี้ผมก็พอใจแล้วครับ

มาถึงตอนนี้มันชักกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกแกหรือเราก็ไม่รู้เห็นอะไรจริงๆ ถ้าไม่บอกแกก็ยืนยันเอาแค่เดา ในที่สุดก็ตัดสินใจเดาส่งเดช ตามลักษณะประจำของสัตว์เดียรัจฉาน ตามชื่อ ที่เอาชื่อสัตว์เดียรัจฉานบอกแกนั้น

ความจริงต้องพรางและเวลานี้คุณลงมือสำรวจขั้นเจาะใช่ไหม
แกมองหน้าแล้วบอกว่าใช่ครับรู้สึกเสียงแกดังแบบแปลกใจ ถ้าบังเอิญตรงแกคงคิดว่าพี่นี้คงเป็นผู้วิเศษเหลือหลาย รู้อะไรเสียทุกอย่าง แต่แกหารู้เนื้อแท้ไม่ว่าความรู้ด้วยธรรมวิเศษนั้นพี่ “บ้อต้อ” จริงๆ แต่เรื่องเดาประเภทโดนบ้าง ถากบ้าง เฉียดบ้าง ผิดโล่งเลยบ้างอย่างนี้ถนัดมาก พี่คิดว่าการเดาของพี่คราวนั้นคงจะบังเอิญชนเป้าหมายแกจึงยอมรับแบบเสียงดังและแสดงอาการแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

จึงบอกแกว่า ที่พูดไปนี้ขอให้ทราบว่าไม่รู้จริง เอากันแค่เดานะ แกก็ยอมรับ จึงเอาให้แกฟังว่าถ้าบังเอิญโชคฉันดี การเดาครั้งนี้ก็ตรง ขอเดาว่าที่คุณสำรวจด้วยเครื่องมือและเจาะสำรวจที่นี้ น้ำมันจะเยอะและใสดีมาก ไม่ต้องกลั่นก็จุดตะเกียงได้

ก่อนจากขอร้องแกว่า ผลของการเดานี้ จะมีผลเป็นประการใด ขอรับทราบไว้ด้วย และขอรับรองว่าจะปกปิดความลับให้ จะพูดเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกัน ต่อมาได้รับโทรเลขแจ้งว่ามีผลตามที่ท่านบอก เท่านี้ก็ดีใจมาก สำหรับนักเดาโดเมอึแล้ว

ตอนนี้มาคุยกันเรื่องโรงกลั่นน้ำมัน ที่มีคนเขาว่าน้ำมันจะเป็นโซล่าได้ต้องกลั่นนั้น แล้วน้ำมันใต้ดินที่มีสภาพเป็นน้ำมันก๊าดนี้ ต้องกลั่นไหม หรือว่าสภาพเดิอมมันเป็นน้ำมันก๊าด เมื่อจะเอามาทำโซล่า ต้องกลั่นจากน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันเบนซินให้เป็นโซล่าเสียก่อนจึงจะใช้เป็นโซล่าได้ตามที่พี่พูดมานี้

มิได้หวังทะเลาะกับท่านที่ค้านข่าวโคมลอยนั้นแต่น้องมาถามพี่พี่ก็ขอพูดกับน้องว่าพี่พบมาเป็นอย่างนั้นและท่านผู้นั้นได้ส่งน้ำมันที่นำขึ้นมาจากการเจาะสำรวจ เอามาให้ดู มันใสแจ๋วจริงๆ ถ้าพี่จำไม่ผิด ประมาณกลางเดือนมกราคม ๒๕๒๔ เขาออกทางโทรทัศน์ที่บอกว่าก๊าชเหลวนั้นมันเหมือนกันจริงๆ

น้องเห็นไหมว่าเจ้าพวกสัตว์ที่อยู่ใต้ดินมันมีสติปัญญาดีกว่าพี่ สามารถตั้งโรงกลั่นน้ำมันให้คนมาใช้ได้ เวลาที่จะตั้งโรงกลั่นแกหาสถานที่มีมลภาวะเป็นพิษต่อพวกสัตว์เดียรัจฉานด้วยกันหรือเปล่า

การขออนุญาตตั้งโรงกลั่นใช้เวลามากน้องเพียงใด ลงทุนเท่าไร จำหน่ายถูกหรือแพงเพียงใด พี่ไม่เคยเรียนภาษาสัตว์เดียรัจฉานเลยไม่ทราบความจริง สรุปแล้วพี่เลวกว่าสัตว์เดียรัจฉานพี่ไร้ปัญญาและความสามารถ สู้สัตว์เดียรัจฉานไม่ได้แน่

ต่อไปเป็นเรื่องโรงกลั่นน้ำมันโซล่า
เรื่องน้ำมันโซล่านี้เกิดขึ้นที่เมืองมอญในอดีต หรือสถานที่อดีตเป็นเมืองมอญห่างเขตไทยประมาณ๓๐ ก.ม. ต้องเดินป่าเป็นเขตที่กะเหรี่ยงอิสระยึดครองที่ตรงนั้นเดิมเป็นหนองน้ำ ต่อมาเกิดมีน้ำมันขึ้นมาแทน มีความใสพอใช้จุดตะเกียงได้

จุดนี้ทราบมาตั้งแต่ ๒๕๑๗ ใครกลั่นขึ้นมาจากใต้ดิน จุดนี้น่ากลัวจะเป็นปลาไหลกับใส้เดือนกลั่น เป็นอันว่าคุยกันเท่านี้นะ เรื่องใบปลิวเถื่อนนั้นเขาบอกแล้วว่าอย่าเชื่อ ถ้าดันไปเชื่อจะว่าคนลงข่าวเขาไม่ได้ ที่ให้ลงไปก็เพราะเกรงว่าข่าวไหลไปมากคนจะเชื่อโดยไร้เหตุผล

เมื่อสรุปแล้ว คงจะได้ความว่า ก่อนจะพูดจำใคร่ครวญเสียก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ นึกอยากจะพูดก็พูด นึกอยากจะทำก็ทำ เพราะคนประเภทนี้มีมาก บ้านเมืองจึงลำบาก
เรามาช่วยกันคิดว่า น้ำมันพบแล้วตั้งแต่เมื่อไร พี่ไม่ได้ถาม แต่รู้มาเมื่อปี ๒๕๑๘ เขาสั่งให้ปกปิด เขาผู้นั้นคือใคร เขามีความประสงค์อะไร และมีที่ไหนอีกบ้างไหมที่มีใครสั่งให้ปิด

หรือเอากระดาษไปอุดท่อน้ำมันไว้น้ำมันจึงไหลไม่ออก มีที่ไหนอีกบ้างไหม แล้วน้ำมันที่เขาบอกว่าพบจนเอาตัวอย่างให้ดูได้นี้ บางโอกาสมันจะพุ่งล้นท่อขึ้นมาแล้วไหลลงไปในเรือ และเรือลำนั้นลอยไปตามกระแสคลื่นลมไปติดใกล้ๆ พอมีความร้อนจากอากาศทำให้น้ำมันกลายเป็นทองคำ อย่างนี้มันอาจจะเป็นได้ไหม

ขอน้องพี่ช่วยคิดด้วย หรือท่านผู้อ่านอ่านแล้วช่วยกันคิดด้วย หรือท่านผู้อ่านอ่านแล้วช่วยกันคิดด้วย ถ้าจะอ้างว่าควบคุมได้พี่ไม่เชื่อ ไม่เห็นมีอะไรที่จะควบคุมได้อ่านจริงจัง คนที่ละเมิดกฎข้อบังคับแล้วมีความผิด คือตาสีตาสา นอกนั้นยากที่จะจับเอามาลงโทษได้ เพราะเขาฉลาดในการหลบหลีกเพียงพบแล้วเขาบอกว่าไม่พบยังทำได้ เรื่องอื่นนอกจากนี้มันขี้ผง ทำไมจะทำไม่ได้

เอาล่ะน้องรัก พี่กวนหน้าหนังสือธัมมวิโมกข์ ของพระท่านมากเกินไปแล้ว ที่พูดมานี่ยังไม่อิ่มนะ ถ้าไม่เกรงใจผู้จัดทำแล้ว เรื่องพบโรงกลั่นใต้ดินนี่มีอีกมากหนึ่งเล่ม ธัมมวิโมกข์ ไม่ได้ ๑ ใน ๔ ของเรื่องน้ำมัน เป็นอันว่าคราวนี้ขอจบ ขอความปรารถนาสมหวังจงมีแด่น้อง และท่านผู้อ่านที่ไม่เป็นโรคประสาทก่อนจบทุกท่าน
พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 31/3/11 at 15:57 [ QUOTE ]


36
วัดท่าซุง
๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๔
ลูกรัก

เรื่องของปูนสะดวกดีมาก แต่มีอาการกระตุกนิดหน่อยที่ต้นทาง เมื่อสั่งจ่ายปูนคงไม่ได้แจ้งมาทางโรงปูน หรือคลังปูน ฟังจากโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงไว้ เห็นทางคลังปูนถามมาทางวัดว่าจะให้ใครขน และให้ค่าขนเที่ยวละเท่าไร พระท่านไม่ทราบราคาขนมาก่อน ท่านก็ถามว่า เขาจะเอาเท่าไร ทางคลังปูนตอบมาว่ารถเขาจะเอาเที่ยวละ ต่อ ๑ ตัน ๑๒๐ บาท พระท่านขอลดเหลือ ๘๕ บาท(ไม่มีคนขับ)

ทั้งนี้ท่านไม่รู้เรื่องขนปูนมาก่อน ความจริงเขารับจ้างขนกันถุงละ ๔ บาท เป็นอันว่าทางคลังปูนรับทราบต่อมาเข้าใจว่าทางกรุงเทพฯ คงจะแจ้งราคาขนส่งที่ตกลงไว้ให้ทราบ รถที่ทางคลังปูนจัดจึงขนให้เที่ยวเดียว ไม่ทราบว่ากี่ตัน กำลังสอบถามกันอยู่ ส่วนที่ขนต่อไปคือรถอุทัยที่เคยประจำ

แต่เขาได้แพงไป ๕ บาท ต่อ ๑ ตัน ไม่เป็นไร รถที่ทางคลังปูนให้ขนที่หยุดไป เห็นจะเป็นเพราะทราบว่าทางคลังปูนจ่ายไปแล้ว ๑ เที่ยว ตามที่ตกลงกัน คงจะเป็นราคา ๖๕ บาท ต่อ ๑ ตัน เมื่อแกเห็นอีกผ่ายหนึ่งได้ ๘๕ บาท แกก็เลยไม่ขน ฉันเข้าใจเอาว่าเป็นอย่างนั้น

ฉะนั้น เมื่อจะวางเงินซื้องวดต่อไป ให้สอบถามเขาว่าเงินที่เหลืออยู่คือค่ารถบรรทุกอยู่ที่ใด และถ้าจ่ายไม่ต้องจ่ายค่าขน ทางวัดจะจัดการขนเอง เป็นอันว่าทางปูนซิเมนต์บอกว่ามีรถขนก็เป็นรถที่ขนอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง แกคงเรียกราคาปกติคือถุงละ ๔ บาท ค่าคนขนลงอีกถุงละ ๕๐ สตางค์ (ถ้าเราจ้างเอาเขาเอาถุงละ ๑ บาท)

หลวงพ่อขอพักเท่านี้นะ เพราะกำลังไม่มีแรง เขียนมาเท่านี้ก็เหนื่อยแหงกแล้ว ขอลูกจงโชคดี มีชัยชนะเสมอ ตาพร่าเต็มทีขอหยุดเพียงเท่านี้

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๔
ลูกรัก

จดหมายของลูกลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๔ พ่อได้รับแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๔ เรื่องจดหมายที่นี่ไม่มีกันท่า ทุกฉบับที่มีมาพระท่านแยกประเภทส่งให้พ่อทั้งหมด

แต่การตอบไม่แน่ เพราะปกติพ่อป่วย ไม่ได้ตอบจดหมายประมาณ ๒ ปี เพราะไม่มีแรงตอบ ท่านที่ส่งปัจจัยมาบำเพ็ญกุศลทางธนาณัติก็ได้ แต่ให้พระออกใบโมทนาไป เพื่อให้ท่านเจ้าของได้ทราบว่า ได้รับแล้วอาศัยพระท่านช่วยใบโมทนาจึงถึงท่านผู้บำเพ็ญกุศลเร็ว

ที่แล้วๆ มา บางราย ๒ ปี ยังไม่ได้รับข่าวเลย ทั้งนี้เพราะงานภายนอกก็มาก ร่างกายก็ป่วย
เรื่องที่ลูกขอขมามานั้น พ่อถือเป็นอโหสิกรรมเสมอ เพราะปกติพ่อไม่สนใจในการกล่าวโทษอยู่แล้ว เพราะถือเป็นเรื่องปกติของความคิดเห็นแต่ละคน อาจจะมีความเห็นไม่เสมอกัน

การแจกพระบางท่านอาจจะคิดว่า ไม่มีผลหรือทำให้คนติดในวัตถุ ถ้าถือว่าเป็นวัตถุก็น่าติ แต่ถ้าคิดเป็นพระก็ต้องคิด ที่พ่อแจกพ่อไม่เคยโฆษณาว่าพระที่พ่อแจกไปมีอานุภาพอะไร มีความต้องการอยู่อย่างเดียวคือ ให้คนมีความรู้สึกว่า “มีพระอยู่ที่ตัว”

อย่างน้อยอารมณ์ที่รู้สึกว่ามีพระที่ตัว อารมณ์ย่อมเป็นกุศล กุศลนิดหน่อยถ้ามีความรู้สึกบ่อยๆ สามารถทำให้คนที่ตายไปเพราะนึกถึงพระเสมอๆ
อย่างเบา ก็เกิดเป็นเทวดา
อย่างกลาง ก็เป็นพรหม
อย่างสูง ก็ไปนิพพาน

แบบพ่อค้าที่หวังกำไรน้อย แต่ได้บ่อยๆ ก็รวยได้ฉันนั้น แต่ทว่าความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเป็นอย่างไรนั้น พ่อไม่คำนึง คำนึงถึงอย่างเดียวคือ สงเคราะห์คนที่มีบารมีอ่อน
คนที่มีบารมีที่เป็นปรมัตถบารมีนั้นพ่อไม่ห่วง ท่านพวกนั้นท่านไม่ต้องเกาะราวหรือไม้เท้าก็เดินไหว สำหรับคนที่มีบารมีอ่อน ยังต้องเกาะรวมและไม้เท่า จึงต้องอาศัยวัตถุ พระพุทธรูปสงเคราะห์


สำหรับลูก สบายใจได้ พ่อไม่โกรธ ไม่เกลียด แถมยังรักลูกมากขึ้น เพราะพ่อถือว่า “ลูกเป็นบัณฑิต” ด้วยรู้ตัวเร็ว และตัดสินใจได้ดี คนประเภทนี้พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ สบายใจได้นะ ไปที่ซอยสายลม ไปคุยกันบ้างซิ พ่ออยากคุยด้วย

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๕
ลูกรัก

จดหมายคราวนี้รอนานหน่อย เพราะพ่อเหนื่อยในงาน เลยนอนแผ่หลาลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน ต้องถึงหมอนวด ประเภทเนื้อแข็ง ไม่ใช่หมอนวดเนื้อนิ่มมานวด เขาพยายามนวดอยู่หลายวัน จึงกระย่องกระแย่งลุกมาเขียนจดหมายถึงลูกได้ เรื่องป่วยนี้ต้องถือว่าเป็นอาชีพของพ่อ ป่วยมันได้ทั้งชาติ ไม่มีโอกาสหายป่วย

ทั้งนี้เห็นจะเป็นกรรมเก่าลูกรักที่พ่อเคยทำปาณาติบาตมามาก ชาตินี้จึงป่วยไม่หาย ช่างมันเถอะ ให้มันทวงหนี้มันให้สบายชาติเดียวหมดเรื่องกัน ชาติหน้าอย่างมาทวงอีกเลย ขอลาแล้วเจ้าแก้วตากรรม

และพ่อขอชวนลูกรักทุกคนที่มีอารมณ์มหากุศล หนีเจ้ากรรมประเภทนี้ไปนิพพานด้วยกันนะ หวังว่าลูกรักทุกคนคงไม่ปฏิเสธ ขอความหวังของลูกทุกคนจงสมความปรารถนาเสมอ

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕
ลูกรัก

จดหมายและปัจจัยที่ลูกส่งมา พ่อได้รับแล้วคณะของลูกเป็นคณะที่มีศรัทธามั่นคงมาก แม้จะมีความยากลำบาก ต้องจากบ้านจากเมือง จากลูกเมียมาหาเงินต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน ลูกทุกคนก็ยังมีศรัทธาส่งเงินมาร่วมบุญกุศลเสมอมิได้ขาด

อารมณ์อย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า เป็นผู้มีฌานในอนุสสติ คือนึกถึงเรื่องการส่งเงินมาทำบุญท่านเรียกว่า จาคานุสสติ นึกถึงพระสงฆ์ เป็น สังฆานุสสติ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็น พุทธานุสสติ นึกถึงธรรม ส่วนใดส่วนหนึ่ง เป็น ธัมมานุสสติ อารมณ์ของลูกทุกคนเป็นฌานในอนุสสติทั้งสี่ประการ

คำว่า ฌาน แปลว่า นึกถึงจนชิน มีอานิสงส์ดีมาก หากจะพูดกันเป็นขั้นบารมี ก็ต้องเรียกว่า ปรมัตถบารมี “คือมีกำลังใจเป็นกุศลอย่างยิ่ง” ด้วยอำนาจความดีนี้ ขอคณะลูกทั้งชายและหญิง จงมีความสุขสมหวังตามที่ลูกตั้งใจจงทุกประการเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑๙ มีนาคม ๒๕๒๕
ลูกรัก

จดหมายของลูกลงวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๒๕ พ่อได้รับหลายวันแล้ว ที่ตอบช้าไปก็เพราะว่าไม่มีเวลาอยู่วัด ต้องออกเดินทางสงเคราะห์ผู้ยากจนตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระเมตตาให้ตั้งศูนย์สงเคราะห์ขึ้น ประกอบด้วยท่านศาสนิกชนผู้ใจบุญ คือคนไทยและไม่ใช่ไทย

แต่ตัวอยู่ในเมืองไทย ต่างคนต่างส่งของมาเพื่อสงเคราะห์มากมาย พ่อจึงต้องออกเดินทางในถิ่นทุรกันดารไม่ได้หยุด เหนื่อยมากลูก บางคราวร่างกายก็ป่วย แต่เมื่อถึงกำหนดที่นัดไว้ก็ต้องไปตามกำหนดนั้น เพื่อให้ทุกท่านที่มีความทุกข์ได้คลายอารมณ์มาเป็นสุขบ้างพอสมควร

ฉะนั้นจดหมายของลูกจึงมาคอยหลายวัน วันนี้ว่างอยู่วัด ๑ วัน วันพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทาง จึงรีบตอบให้ลูกเพื่อคลายความสงสัยและเข้าใจถูก

ตามที่ลูกเขียนมาสองฉบับแล้วใจความคล้ายกัน แต่ฉบับแรกบอกมาว่าลูกแก้วอยู่ที่คอ พ่อบอกไปแล้วจดหมายคงจะยังไม่ถึง บอกไปว่าขอให้ปล่อยลงท้องหรือออกไปเลย ก็พอดีลูกบอกมาอีกตรงกับที่บอกไป เข้าใจว่าเป็นอารมณ์ที่ลูกตัดสินใจเอง

แต่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด คือถ้าปล่อยลงไปในท้อง หรือให้อยู่ที่อกมีผลมาก เพราะเป็นทั้ง อาโลกกสิณ และเป็น วิญญาณัญจายตนะ มีกำลังมาก

๑. ที่ลูกนึกให้ใหญ่กว่าเดิมนั้นถูกต้องแล้ว คือวิธีปฏิบัติท่านให้นึกว่าจงใหญ่ขึ้น และก็ใหญ่ตามที่ต้องการ แล้วนึกให้เล็กลงและก็เล็กตามต้องการ ให้ลูกขึ้น ต่ำลง ทำอย่างนี้จนคล่อง จะอาศัยนิมิตจากแก้ว เห็นอะไรที่ไหนจะเป็นสวรรค์ พรหม นรก เปรต อสุรกาย หรือเมืองมนุษย์ หรือเห็นอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ

๒. ภาพที่เห็น ถ้าเห็นสีแก้ว และเล็กตามรูปเดิม ท่านเรียกว่า อุคหนิมิต การเห็นเป็นประกายสวยมากตามที่ลูกเห็นเป็น ฌานลูกทำได้ดีมาก เป็นฌานตามที่นักเจริญกสินต้องการ ขอลูกจงพยายามทำให้คล่อง และทำไว้เสมอๆ อารมณ์จะเป็นสุขมาก ถ้าต้องการจะไปไหนตั้งใจว่าจะไปก็ไปได้ทันทีให้อธิษฐานจิตว่าจะไปที่นั่นที่นี่ ก็จะไปได้ตามที่ลูกประสบมาแล้ว



อารมณ์ที่ปรากฏว่าทางนี้ไปสวรรค์ ถ้าลูกตัดสินใจว่าจะไปก็จะไปถึงทันที สวรรค์มีที่ไหนบ้าง พ่อได้ส่ง หนังสือไตรภูมิ มาให้ ๑ เล่ม เพื่อลูกจะได้ทราบว่าที่ไหนเขาเรียกว่าอะไร มีทั้งสวรรค์ พรหม คอยๆ ไปเที่ยววันละจุดสองจุด เพราะความเข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

และความมั่นใจของตนเองว่าที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นไม่ใช่พูดส่งเดช สิ่งที่ท่านสอนนั้นมีจริง และยังเป็นเครื่องพิสูจน์ตนเองด้วยว่า บุญกุศลที่เราทำมาแล้วนี้ เมื่อตายไปแล้วผลบุญจะบันดาลให้เราไปอยู่ที่ไหน

ขึ้นไปแล้วไปถามใครก็ได้ที่เราพบ ทางที่ดีควรนึกถึงพระพุทธเจ้า เมื่อขึ้นไปแล้วขอพบท่าน จงอย่างคิดว่าพระพุทธเจ้านิพพานแล้วสูญโญ อาศัยอารมณ์ที่เป็นกุศลและมีกำลังฌาน

พระผู้ทรงความดี เช่นหลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อปาน พระครูอุดมสมาจารย์
เมื่อไปถามอะไรท่านที่เป็นธรรมปฏิบัติท่านจะไปนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วท่านจะตอบว่า พระท่านบอกว่าอย่างนั้นอย่างนี้

เมื่อถามท่านว่าพระนั้นหมายถึงอะไร
ท่านก็บอกว่า หมายถึงพระพุทธเจ้า
เมื่อพ่อถามท่านว่าเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วท่านมาบอกได้หรือ
ท่านก็ตอบว่าเธอทำถึงเมื่อไรเธอจะรู้ว่านิพพานนั้นไม่ใช่สูญโญ เป็นการสูญการเวียนมาเกิดอีกเท่านั้นเอง

เมื่อลูกทำได้อย่างนี้พ่อคิดว่าลูกเป็นคนแรกที่ใช้แก้วได้ผลเต็มขนาด ควรใช้กำลังใจให้เห็นแก้วแพรวพราวตามที่ลูกทำได้แล้วเสมอ เที่ยวไปให้สบายใจ อยากจะมาเมืองไทยเมื่อไรก็มาเมื่อนั้น อยากจะไปที่ไหนเมื่อไรก็ไป ถ้าทำจนคล่องแล้วขณะคุยกันยังไปได้ ปากก็คุย ใจก็ท่องเที่ยวไป อย่างนี้คนที่ทำคล่องแล้ว ทำได้สบาย

สมมุติว่าเขาพูดให้เราฟังว่ามีอะไรที่ไหนเราอยากทราบ ขณะคุยอยู่นั่นแหละก็เอาจิตจับภาพแก้ว แล้วคิดว่าจะไปที่ตรงไหนแล้วจะไปที่ตรงนั้นได้ทันที การไป เราต้องการไปช้าหรือเร็ว จะไปได้ช้าหรืเร็วตามที่ต้องการ

สำหรับตัวเราที่เห็นอยู่ในแก้วนั้น คืออทิสสมานกายแน่นอนตามที่ลูกเข้าใจ ลูกทำได้อย่างนี้พ่อดีใจมาก เพราะเป็น มโนมยิทธิ มีฤทธิ์ทางใจเต็มกำลัง จงทำเรื่อยๆ ไปลูกจะสบายใจมาก อารมณ์จะเป็นสุขอย่างคาดไม่ถึง

พ่อขอให้ข้อคิดไว้นิดหนึ่งว่า เมื่อทำได้ขนาดไหนก็ตาม จงอย่าคิดว่า เราดีหรือเราเก่ง ถ้ายังไม่ตายเข้านิพพานเพียงใด คำว่าดีหรือเก่งยังไม่มีกับเราแน่ เพราะยังมีร่างกายเป็นตัวทรมานเราอยู่ ยังมีหนาว ร้อน ป่วย กระทบกับอารมณ์ที่ไม่พึงใจเป็นต้น จึงชื่อว่าดี หรือ เก่งไม่ได้

จงพิสูจน์ที่อยู่เมื่อตายแล้วให้แน่นอนว่าบุญที่เราทำนี้เมื่อตายแล้วจะส่งผลให้ไปอยู่ที่ไหน ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจ ก็ถามพระท่านว่า เราต้องการนิพพานทำอย่างไรจึงจะถึง ท่าบอกอย่างไรปฏิบัติตามอย่างนั้น แล้วในที่สุดก็จะมีความปรารถนาสมหวังตามที่ต้องการทุกประการ

ที่สุดนี้ ขอลูกรักคนหัวปีในด้าน มโนมยิทธิ เต็มอัตรา จงมีความประสงค์สมความปรารถนาจงทุกประการเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


ลูกรัก

อ่านจดหมายของลูกแล้วรู้สึกสบายใจ ที่สบายใจนั้นก็เพราะว่า ลูกเป็นคนรักดี บอกมาชัดเลยว่าปรารถนานิพพาน คนรักดีอย่างนี้ก็ต้องดีทุกคน ด้วยจิตที่คิดถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์นั้นเป็นจิตที่ต้องการความสะอาด

ขอลูกจงรักษากายไว้ด้วยดี อย่าเอากายไปฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
และจงรักษาวาจาไว้ให้ดี อย่าพูดปดมดเท็จที่ไม่ตรงความจริงอย่าพูดคำหยาบหรือด่าคนอื่น อย่าใช้วาจาเป็นเครื่องทำลายความสามัคคี คือยุให้คนแตกร้าวกัน อย่าใช้วาจาเหลวไหลไร้ประโยชน์

ด้านใจ จงรักษาใจไว้ด้วยดี คือไม่อยากได้ของๆ ใคร ที่เขาไม่เต็มใจให้ ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาทใคร ไม่เมาใจจนเห็นผิดคิดว่าตัวเป็นคนประเสริฐ
อารมณ์เท่านี้เป็นพื้นฐานที่จะให้เข้าถึงพระนิพพาน

เมื่อรักษากายใจได้ดังนี้แล้ว ต่อไปใจจะสะอาดขึ้นทีละน้อยๆ จนไม่ต้องระวังทั้งกาย วาจา ใจ จะทรงไว้แต่ความดีอย่างเดียว ในที่สุดก็ถึงพระนิพพาน
ถ้ารักษาใจ กาย วาจา ได้อย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านคงคิดว่า ลูกเป็นลูกของท่าน พ่อเองก็ต้องเข้าใจว่าลูกเป็นลูกของพ่อด้วย เพราะต่างคนต่างระวังด้วยกัน

ในช่วงที่ยังระวังอยู่นี้ จงอย่าเมาคิดว่าเราเป็นพระอริยะ ถ้าขืนเมาอยู่จะได้พบความเป็นพระอริยะ ด้วยหลงดีคิดว่าว่าดีแล้ว เลยไม่ทำดีต่อไป
เมื่อไรถ้าเรายังไม่มีโอกาสเข้าไปอยู่ที่นิพพานแน่นอน คือตายแล้วเข้าไปอยู่ที่นิพพาน จงอย่าคิดว่าเราดี จงจำคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านสอนว่า “จงกล่าวโทษโจทก์ความผิดตนเองไว้เสมอ”

เมื่อมองหาผิดก็จะค่อยๆ หมดความผิด เพราะกลัวจะผิด เมื่อกลัวผิด มันก็จะไม่ผิด เมื่อไม่ผิดก็เหลือแต่ตัวถูก ถูกคือตัวบริสุทธิ์ที่ท่านเรียกว่าอริยะ คือ สะอาดที่สุด
ถ้ากาย วาจา ใจ สะอาดสิ้นเชิง เมื่อนั้นก็จะเลิกทะนงเมื่อหมดทะนงอารมณ์ก็สบาย เมื่ออารมณ์สบายแสดงว่าใจสะอาด
แต่อย่าลืมนะว่าถ้ายังไม่ตายไปนอนที่นิพพานเป็นปกติ อย่าคิดว่าเราดี

เป็นอันว่าลูกควรคิดว่า ชาตินี้ลูกเป็นลูกที่พ่อรักมากคนหนึ่งแน่นอน ส่วนชาติก่อนนั้นอย่าสนใจ เพราะทวนไปเขาจะหาว่า “บ้า” เอาชาตินี้ดีกว่า จงเข้าใจ และแน่ใจว่า ลูกเป็นลูกของพ่อแม่ ทั้งนี้เพราะลูกมีปฏิปทาที่พ่อชอบ ขอจงมั่นใจในความดีที่ลูกทำแล้ว และมั่นใจในผลที่ลูกต้องการ จงทราบว่าอารมณ์ที่ต้องการนั่นเป็นความจริง

จากพ่อของลูกที่พ่อรัก

พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ


37
ดร. พิสิฏฐ์ วรสิงห์

ขอบคุณที่เมตตาเตือน อาตมาเองยังไม่รู้จักว่า “วิญญา” คืออะไร และไม่เคยคิดว่าเป็นผู้ทรงฌาน หรือเป็นพระอริยเจ้า เพราะกลัวโรคมานะเกาะกินใจ ตั้งแต่ปฏิบัติเพื่อให้จิตเป็นสุขเท่านั้น มันยังไม่ค่อยจะสุขมันสุกๆ ดิบๆ อยู่เสมอ จึงไม่หนักใจที่สังโยชน์ที่มันเข้ารัดรึงใจ เพราะมันเกาะมาหลายอสงไขยกัปแล้ว มันยังไม่เบื่อเกาะ ท่านเมตตาบอกมาทั้งที่ไม่ได้ถาม ก็ต้องขอบคุณท่านที่เมตตา

พระมหาวีระ ถาวโร
๒๒ กันยายน ๒๕๒๕

◄ll กลับสู่สารบัญ


38
คุณศรีสะอาด ภัสสรารัตน์

คุณโยมจ๋า อาตมาจนใจจริงๆ ที่ตัวเองก็ไม่ทราบว่า พระจิตองค์ใดบ้างที่สถิตอยู่ในกายอาตมา ท่านไม่เคยออกมาคุยด้วยเลย ชักงงเหมือนกันว่าท่านมาอยู่อย่างไร ทำไมไม่อนุญาตก่อน แต่ทว่าท่านเป็นนามธรรม ยากแท้ที่จะสนทนากับท่านได้ และก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพระศรีอาริย์ท่านตั้งมูลนิธิไว้ที่ไหน

ถ้าหากทราบก็คงจะย่องๆ ไปขอความเมตตาจากท่านบ้าง เพราะเวลานี้งานสงเคราะห์มีมากต้องใช้เงินมาก ที่ต้องจอดไม่เคลื่อนไหวอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน ก็เป็นเพราะหมดทุน

พระมหาวีระ ถาวโร
๒๒ กันยายน ๒๕๒๕

◄ll กลับสู่สารบัญ


39
ตอบ ลูกสุภาพ รักษาสัตย์
๑๙๕/๑๐ บ้านคลองโพธิ์ ต.ปรุใหญ่
อ. เมือง จ.นครราชสีมา

ตามที่บอกมาว่า อยากจะตั้งสำนักปฏิบัติขึ้นที่บ้านนั้น เห็นชอบด้วย แต่เริ่มแรกควรทำน้อยๆ ไปก่อน อย่างที่ ซอยสายลม ก็เริ่มจากห้องเล็กๆ ก่อน แล้วก็ค่อยโตขึ้นตามศรัทธาของท่านสาธุชน

การที่ให้พ่อไปเดือนละ ๒ ครั้ง นั้นไม่ไหวแน่ เพราะอายุจะถึง ๗๐ ปีอีกไม่กี่ร้อยวันนี้แล้ว เป็นอันว่าเมื่อมีเวลาแล้วไปให้กำลังใจนั้นพอได้ ควรทำเพื่อธรรม อย่าให้มีอย่างอื่นเข้ามาปะปน เมื่อมีเจตนาดีผลดีจะตามมาเอง

พระมหาวีระ ถาวโร
๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕

◄ll กลับสู่สารบัญ


40
ลูกสุชาดา รัตนพฤกษ์

ลูกได้ส่งปัจจัยมาทำบุญในรายการต่างๆ พ่อได้รับแล้ว ดีใจที่ลูกรักน้อง ช่วยน้องให้เข้าถึงธรรม เรื่องวิบากกรรมอย่ากังวลใจ คิดว่ามีอะไรให้มันทวงตามสบาย ขอชำระหนี้ชาตินี้ ชาติเดียว ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น

พ่อให้คาถากันจนมาขอให้ลูกปฏิบัติตาม จะค่อยๆหายจนไปจนถึงรวย ใครต้องการก็บอก หรือพิมพ์แจกกันได้ พ่ออนุญาต
(ตอบช้าเพราะเข้าป่าตั้งธนาคารข้าว แถวเชียงราย พะเยา พึ่งกลับ ๕ มี.ค. ๒๕๒๔)

พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ



“ลูกกิจจา และคณะปิยะสหายที่ร่วมกันส่งปัจจัยมาสงเคราะห์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาในการถวายสังฆทานและวิหารทาน เป็นเงิน ๙๐๐ บาท ขอคณะลูกทุกคน จงมีความปรารถนาสมหวังตามที่ตั้งใจจงทุกประการเถิด และจงมีหวังในพระนิพพานในชาตินี้ทั่วทุกคนตามที่ปรารถนาไว้ พระคิดว่าได้แน่นอนเพราะตั้งใจจริง”

พระมหาวีระ ถาวโร

◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
[*] posted on 27/4/11 at 13:01 [ QUOTE ]


41
วันนี้ก็มาคุยเรื่องจดหมาย มีจดหมายของ คุณสมโภชน์ เวียงเพิ่ม ท่านบอกว่า อยู่ที่ แผนกที่ดินการท่าเรือแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ

ท่านส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งเป็นจดหมายของท่าน แล้วก็ตัดหนังสือมาชิ้นหนึ่งท่วงทำนองในจดหมายของท่านมีความห่วงใยอาตมามาก แล้วก็ตัดหนังสือที่เขียนพาดพิงมาถึงแนบมาด้วย ใจความของหนังสือ มีดังนี้

ท่านพาดพิงตัวโตว่า “นิพพานแบบใหม่.. .. เคยถูกพระสงฆ์ห้ามเขียนพระนิพพาน เรื่องพระนิพานมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็เชื่อท่านและไม่ได้เขียนมานาน ทั้งที่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงห้ามเขียนเรื่องอันลึกซึ้งอย่างนั้น มาวันนี้เห็นจะต้องมาพูดเสียอีก เพราะมีคนกำลังเอาพระนิพพานมาเล่นเป็นที่สนุกสนาน ถ้าไม่ปรามกันไว้บ้าง พระพุทธศาสนาก็จะมีคนละเมิดพรหมจรรย์มากยิ่งขึ้น

ต่อไปนี้เป็นข้อความจดหมายที่เพื่อนเขียนมาเล่าให้ฟัง

ผมมีเพื่อนแท้อยู่คนเหนึ่ง เขารักผมมาก เขามีความรู้ขั้นปริญญา ผมเพียงจบ ม.๖ แล้วก็จบ ป.ป. ที่กรุงเทพฯ เขาชักชวนชักนำผมมานานถึง ๑๐ ปี เพิ่งจะมาพูดกับผมรุนแรงเมื่อวันเข้าพรรษานี้ว่า “ขอพูดแนะชักชวนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่เชื่อก็ถือว่าเป็นบุคคลประเภทมืด”

คือเขาอยากจะให้ผมไปพระนิพพาน อยากจะให้ดับสนิท ชวนไปหาอาจารย์สำคัญๆ หลายองค์ ครั้งสุดท้ายชวนไป วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี แต่ผมก็ไม่ได้ไป เพราะใจผมไม่มีวาสนาถึงท่านก็ได้ เขากลับมาบอกว่า “งานนี้มีคนไปนับเป็นจำนวนแสนๆ คน ส่วนมากเขาเชื่อกัน ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อ”

เขาเรียกผมว่าพี่ แทนที่ผมจะเชื่อ ผมกลับสลดใจ ว่าเขาเข้าใจผิด หลงผิด เขาหวังพระนิพพานมากเกินไป ผมไม่เชื่อในข้อนี้อย่างยิ่ง คือเขาว่าพระอาจารย์ผู้นี้ติดต่อกับดวงวิญญาณของสมเด็จพระพุทธเจ้าได้ อาจารย์สามารถนำศิษย์ของท่านทุกคนเป็นจำนวนแสนคน ไปถึงพระนิพพาน และสามารถพูดกับวิญญาณได้

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล่ามาทางจดหมาย ก็มีเหตุทำให้เชื่อถือได้ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะผู้เขียนจดหมายเป็นคนมีความรู้และยังทำงานเป็นหลักเป็นฐาน ที่นำมากล่าวในที่นี้ เพราะมีคำหนึ่งในจดหมายว่า “เขาอยากจะให้ผมไปนิพพาน อยากจะให้ดับสนิท”

ซึ่งหมายความว่าพระนิพพานในทัศนะของคนทุกวันนี้ ก็เหมือนสถานที่ทัศนาจรแห่งหนึ่ง ซึ่งใครอยากจะชักจูงใครไปเที่ยวก็ได้ ในความเห็นของคนทุกวันนี้ก็อ้างว่าพระสงฆ์องค์เจ้ามีชื่อวัดเป็นหลักฐาน ทางราชการกรมการศาสนาทำไมจึงเพิกเฉยในเรื่องอันเสียหายเช่นนี้

เสียหายที่พากันเห็นว่า นิพพานเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยังไม่เท่าไหร่ แต่คุยว่าสามารถพูดกับวิญญาณได้นั้น เป็นความเท็จครั้งยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธศาสนาทีเดียว เพราะวิญญาณนั้นไม่มีปากที่จะพูดกับใครได้ เรื่องลักษณะของฐานะพระนิพพานนั้นเป็นอย่างไรผมไม่อาจอธิบายได้ แต่ผมเคยเห็นบทประพันธ์บอกลักษณะนิพพานไว้กระจ่างชัดบทหนึ่งนานมาแล้ว

จึงจะขอนำจำได้กระท่อนกระแท่นไปบ้างดังนี้
ลูกสดับสุรสรรพพร้อม คำขาน
พอกล่าวว่าพระนิพพาน สุขแท้
ว่าเป็นศิวาลัยสถาน เลอเลิศ
หายากจะเปรียบแม้ พิลาศด้าว แดนใด

ขออ่านเท่านี้นะ และในจดหมายคำกล่าวท่านก็ลงท้ายว่า
“ใครอ้างว่านิพพาน พาคนไปนิพพานคนนั้นโกหก ไม่ใช่คนถือศีล ๕ มุสาวาท มุสาวาทาเวรมณีสิกขาปทังสมาทิยามิ”

ก็คือว่าใจความในจดหมายฉบับนี้เป็นอย่างนี้ ที่ คุณสมโภชน์ เวียงเพิ่ม ได้ส่งมาให้ แต่ความจริงพออ่านหนังสือฉบับนี้ก็ทราบว่าผู้เขียนเป็นใคร คำว่าเขียนจดหมายจะเป็นใครก็ช่างเถอะ เพราะว่าท่านผู้นี้เคยสรรเสริญอาตมาอยู่ตลอดเวลาหลายวาระ

พูดตามภาษาชาวบ้านเขาก็ว่าโจมตี ในเมื่ออ่านหนังสือฉบับนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นปกติ ไอ้เรื่องการโจมตี การต่อต้านก็ดี ถือเป็นของธรรมดา
มีบางท่านก็จดหมายมาด่าบ้าง
บางท่านก็โทรศัพท์มาด่าบ้าง
บางท่านก็มาพูดเปรียบเปรยต่อหน้าบ้าง


อาตมาถือตามคำพระพุทธเจ้าว่า “นัตถิโลเก อนินทิโต” คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก อย่างพระพุทธเจ้าทรงดีแสนดีก็ยังถูกคนด่าคนนินทา นี้เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นขอคนที่ฟังก็ดี ก็อย่าเพิ่งนึกโกรธ เพราะคนเราที่เกิดมาในโลกนี้

พระพุทธเจ้าแบ่งอารมณ์ไว้ ๔ อย่าง
๑. อุคฆฏิตัญญู
๒. วิปจิตัญญู
๓. เนยยะ
๔. ปทปรมะ

สำหรับขั้น อุคฆฏิตัญญู นั้นเป็นคนที่มีบารมีกำลังใจดีมาก และก็มีความเฉลียวฉลาดมาก มีความรอบคอบมาก จะพูดจะทำอะไรเรียบร้อยทุกอย่าง ไม่มีทำให้ใครสะดุ้งสะเทือนสะดุด มีความหวังดีอย่างเดียว คือตั้งใจให้ทุกคนมีความสุขเมื่อเห็นท่าน ได้ยินเสียงท่านพูดจะมีความสุข บุคคลประเภทนี้พระพุทธเจ้าบอกว่ามีบารมีเต็ม ท่านมีความฉลาดมาก แนะนำเพียงแค่หัวข้อก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้

สำหรับบุคคลประเภทที่ ๒ รองลงมา วิปจิตัญญู นี้มีบารมีเต็ม มีความฉลาดมาก แต่ว่าปฏิภาณไวน้อยกว่ารุ่นแรกหน่อยหนึ่ง แนะนำเพียงแค่หัวข้อ ไม่เข้าใจ ต้องอธิบายนิดหน่อย จึงเข้าใจและก็บรรลุมรรคผล

บุคคลอันดับที่ ๓ เนยยะ ขั้นเนยยะนี้ถ้าสอนเพียงเข้าถึงไตรสรณคมน์ย่อมได้ ถ้าต้องการให้เป็นพระอริยเจ้าก็ต้องปลุกปล้ำกันมากหน่อย
สำหรับประเภทที่ ๔ ปทปรมะ ประเภท ปทปรมะ เป็นคนไม่มีเหตุไม่มีผล เพราะเป็นพวกมาจากอบายภูมิ

มีความมุ่งหวังอย่างเดียว ทำลาย ใครจะทำความดีที่ไหนก็ช่าง หวังทำลายอย่างเดียว ถ้าทำลายเขาได้อาจจะมีความสุขใจ ถ้าทำลายไม่ได้อาจมีความทุกข์ใจ แต่ว่าคนประเภทนี้หาความสุขอะไรไม่ได้เลย เพราะจิตใจเป็นจิตใจของสัตว์ในอบายภูมิ ฉะนั้นขอทุกคนจงเข้าใจในบุคคล ๔ ประเภท

และตามหนังสือที่ได้กล่าวว่านิพพานเป็นของหนัก ความจริงนิพพานนี่เป็นของหนักสำหรับคนเลว แต่ว่าคนดีไม่หนัก ทุกคนจำไว้นะ ว่าทุกคนจะพบนิพพานได้ก็คือ

๑. กายไม่ฆ่าสัตว์
๒. กายไม่ลักทรัพย์
๓. กายไม่ประพฤติผิดในกาม และ
๔. กายไม่ดื่มสุราเมรัย

และสำหรับด้านวาจาคือ
๑. พูดแต่ความเป็นจริง
๒. ไม่พูดคำหยาบ
๓. ไม่ใช้วาจาส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน
๔. ไม่ใช้วาจาที่ไร้ประโยชน์

สำหรับด้านจิตใจ
จิตใจมีความเมตตาปรานีอยู่เสมอ
ไม่คิดประทุษร้ายทำลายบุคคลอื่น
ไม่อยากได้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นมาเป็นของตนโดยไม่ชอบธรรม
มีความเห็นถูกคือว่า พูดดีทำดีและคิดดีเป็นของดี นี่สำหรับคนที่ถึงนิพพาน



ยังไม่พอนะ หลังจากนั้นสามารถระงับนิวรณ์ ๕ ได้เด็ดขาดออกจากกำลังใจ เมื่อกำลังใจเขาฝึกได้ด้านของความดี ต่อไปก็ทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ
สำหรับพรหมวิหาร ๔ ก็ทรงกันตลอดเวลา คือตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาจนกระทั่งหลับตา ฝึกซ้อม

พรหมวิหาร ๔
มีอารมณ์ความรักบุคคลอื่นและสัตว์อื่นเสมอด้วยตนเอง
มีความกรุณาสงสารบุคคลอื่นและสัตว์อื่น ปรารถนาให้เขาเป็นสุข
ไม่อิจฉาริษยาใคร เห็นคนอื่นได้ดีพลอยยินดีด้วย
และก็วางเฉยเมื่อบุคคลเพลี่ยงพล้ำไม่ซ้ำเติม

นี่เป็นอันว่า คนที่จะเข้าพบนิพพานได้ พื้นฐานจริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้คือ ปากไม่เสีย ใจไม่เสีย และมือไม่เสีย กายไม่เสีย และหลังจากนั้นก็ฝึกฌานสมาบัติ เมื่อฝึกฌานสมาบัติให้เกิดขึ้นแล้ว พยายามทำจิตให้ว่างจากกิเลส คือทำลายกิเลส มีสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส เป็นต้น

ถ้าบังเอิญยังไม่สามารถทำลายได้ตลอดเวลาจริงๆ ในกิเลส ๓ ประการ ก็สามารถจะยังยั้งได้ชั่วขณะหนึ่งที่มีความต้องการ คือจิตสะอาด เมื่อไรจิตสะอาด เมื่อนั้นสามารถจะเห็นนิพพานได้ ถ้ามีทิพจักขุญาณ ถ้ามีกำลังเป็นอภิญญาก็สามารถท่องเที่ยวไปในภพต่างๆ ได้

แต่ว่าเท่าที่พูดนี่ทุกคนหรือหลายคนก็ทำกันได้แล้ว แต่ว่าตามที่เขาบอกว่า พาไปนิพพาน ความจริงเป็นการเข้าใจผิด เป็นการคิดผิด นี่ก็อย่าไปโกรธกัน บางทีคนบอกบอกว่า มีพระท่านพาไปนิพพานอาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้

แต่ความจริงเรื่องสวรรค์ เรื่องนิพพาน เรื่องพรหมโลก เรื่องนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือว่าการที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อันนี้พาไปไม่ได้ นี่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อักขาตาโร ตถาคตา” ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ถ้าบอกแล้วทำได้ก็ไปได้ บอกแล้วทำไม่ได้ก็ไปไม่ได้ เห็นไม่ได้

อันนี้มีความสำคัญว่าคนที่เขียนมานั้นน่ะ ท่านยังดื่มสุราเมรัยอยู่หรือเปล่า หรือท่านยังเป็นผู้ครองเรือนอยู่ไหม ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ครบถ้วนไหม ท่านมีอารมณ์สามารถระงับนิวรณ์ และทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ไหม สามารถตัดกังวลได้แน่นอนไหม และนอกจากนั้นสามารถทำทิพจักขุญาณที่เป็นของง่ายๆ (เวลานี้เขาได้กันเยอะ) ให้เกิดขึ้นกับใจได้หรือเปล่า

สามารถระงับยังยั้งกิเลส ๑๐ ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ๓ ประการ คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ได้แน่นอนไหม ถ้าหากว่าทำได้อย่างนี้ แน่นอนหนังสือฉบับนี้ก็ไม่ปรากฏขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะหมดเรื่องสงสัย ไปได้เห็นได้รู้เรื่องได้ทุกอย่าง

แต่ก็บอกไว้แล้วคนเรามี ๔ ประเภท อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะ ก็เข้าใจว่าทั้งสองท่านนี่เป็นพวก ปทปรมะ ถ้าหากว่าเป็น อุคฆฏิตัญญู ก็ดี วิปจิตัญญู ก็ดี เนยยะ ก็ดี พวกนี้ไม่กล่าววาจาให้เป็นที่สะเทือนใจใคร แล้วก็ไม่เป็นคนไร้เหตุผล

ตามที่องค์สมเด็จพระทศพลตรัสว่า “นิสสัมมะ กะระณัง เสยโย”จงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงทำดีกว่า
นี่การใคร่ครวญของท่านก็ไม่มี แล้วคนประเภทนี้เราก็ไม่ควรถือ

อีกอย่างที่ท่านบอกว่า “คนที่พาไปนิพพานได้โกหก” ก็จริง ขอยอมรับ ใครพาไปนิพพานได้โกหกแน่ แต่ว่าแนะนำไปนิพพานได้ อันนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการโกหกและไม่ใช่โกหก เพราะว่าพระพุทธเจ้าเองไม่พาใครไปนิพพาน ได้แต่แนะนำให้ทำทางนั้น คนดีไปได้แน่ คนเลวไปไม่ได้ คนดีมีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก แต่คนเลวรู้สึกว่าหนักมาก เขาจะอ้างเหตุผลอย่างอื่น เป็นไปไม่ได้

อีกตอนหนึ่งท่านพูดว่า วิญญาณพูดไม่ได้ ไม่มีปาก อันนี้จริง รู้สึกมีความเห็นถูกต้อง แต่ความจริงที่เขาพูดกันจริงๆ เขาไม่ได้พูดกับวิญญาณ เทวดาก็ดี พรหมก็ดี พระอริยเจ้าที่ไปนิพพานแล้วก็ดี สัตว์นรก เปรต อสุรกายก็ดี อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าวิญญาณ ถ้าเรียกตามภาษาพระจริงๆ เขาเรียกว่า อทิสสมานกาย

บางแห่งก็แบ่งเป็นกายเทวดาบ้าง กายพรหมบ้าง กายนิพพานบ้าง เรียกว่ากายทิพย์ บางจุดเรียกว่ากายนรก กายเปรต กายอสุรกาย ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นอทิสสมานกาย เป็นกายที่เราไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า เอาตาเนื้อไปดูน่ะมองไม่เห็น

แต่ว่าคนเรามักจะพูดว่า คนที่ตายไปแล้วคือวิญญาณ วิญญาณปรากฏที่นั่น วิญญาณปรากฏที่นี่ แต่ความจริงวิญญาณนั้นแปลว่ารู้วิเศษ เป็นการรู้สัมผัสอีกจุดหนึ่งที่รู้ที่คิดได้ วิญญาณนี่รู้แต่ไม่คิด ที่คิดได้คือจิต คิดได้รู้ได้คือจิต แต่ว่าเทวดา พรหมทั้งองค์ ถ้าเป็นแค่ดวงจิตหรือวิญญาณก็เลยไม่รู้เรื่องกัน นั่นท่านมีกายของท่านเรียกว่ากายทิพย์

ฉะนั้นบุคคลที่จะไปคุยกับเทวดาได้พรหมได้ อันนี้ต้องมีอารมณ์เป็นฌานโลกีย์ และก็ได้ ทิพจักขุญาณ ได้มโนมยิทธิ ไปได้แน่ พบกันแน่ แต่ว่าถ้ากำลังใจยังหยาบอยู่ ยังไม่สามารถเห็นนิพพาน และก็ไม่สามารถไปถึงนิพพานได้

ถ้าเราสามารถรักษากำลังใจใน บารมี ๑๐ พอสมควร เวลานั้นจิตตัดสังโยชน์ ระงับสังโยชน์ ๑๐ ประการได้ครบถ้วน เฉพาะเวลาระงับสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามฉันทะ ปฏิฆะ รูปราคา อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เฉพาะเวลา ในเมื่อเฉพาะเวลาจิตเราสะอาด จิตก็สามารถเป็นนิพพานได้

เพราะพระนิพพานคนจะเห็นได้หรือจะไม่ได้ จะเห็นได้ต้องอย่างน้อยที่สุดอารมณ์เวลานั้นเข้าถึง โคตรภูญาณ ของ พระโสดาบัน ถึงแม้ว่าท่านผู้นั้นยังไม่ถึง พระโสดาบัน แท้ แต่ว่าจิตใจสะอาดเท่า พระโสดาบัน ก็สามารถเห็นได้เหมือนกับเรามีกล้องส่องทางไกล กล้องส่องทางไกลเราไม่ได้ส่องตลอดเวลา ถ้าต้องการจะเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยู่ไกลออกไป เราก็ยกกล้องขึ้นส่องเราก็เห็น

เป็นอันว่าเรื่องของจดหมายฉบับนี้ หรือหนังสือฉบับนี้ แล้วก็ขอปรารภแค่นี้นะ ไม่ใช่เป็นการโต้ตอบ ที่มาพูดให้ฟังก็เพราะว่าอ่านบ่อยๆ ปรารภบ่อยๆ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน และก็เป็นที่น่าแปลกใจทำไมท่านถึงเดือดร้อนมาก

เวลานี้ท่านพระโยคาวจรทั้งหลาย พระพุทธศาสนาคือสถาบันของศาสนาก็ดี สถาบันกษัตริย์ก็ดี มีคนมุ่งทำลายอย่างหนัก เขาถือว่าถ้าทำลายสถาบันกษัตริย์ได้ ทำลายพระพุทธศาสนาได้ คนไทยจะแตกแยกกัน และตอนนั้นข้าศึกจะเข้ามารวบรัดเอาของเรา ประเทศเดิมน่ะเป็นของเรา แต่เมื่อเขาเข้ามาแล้วอาจจะไม่ให้เราอยู่อย่างเขมร อย่างลาว เป็นต้น

แล้วก็ตามข่าวเขาบอกว่า พวกที่ต้องการอย่างนี้เขามีเงินมาก มีเงินจ้าง เราจะเห็นได้ว่าตามหนังสือที่ส่งมานี้ ทำการแจกจ่ายเป็นหมื่นๆ ฉบับ การที่จะลงหนังสือแจกจ่ายเป็นหมื่นๆ ฉบับจะต้องลงทุนมาก แล้วก็การแจกหนังสือประเภทนี้ ไม่มีผลตอบแทน

นี่ก็หมายความว่าหนังสือที่เขาส่งไป เขาไม่มีผลตอบแทน ไม่ใช่ขายหนังสือ เพราะว่าเท่าที่เขาตัดมาให้ดูเป็นหนังสือแจก และการแจกแบบนี้เอาทุนมาจากไหน จะหวังดีกับพระศาสนาก็ไม่ถูก เพราะว่าพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ทรงหวงพระนิพพานเฉพาะพระองค์

แล้วพระองค์ก็ไม่ห้ามในเมื่อท่านนิพพานแล้ว ห้ามคนติดต่อเรื่องนิพพาน ห้ามคนปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน ท่านไม่ได้ห้ามไว้ มีแต่การสนับสนุน แล้วก็เลยสงสัยว่าท่านผู้มีทุนแจกหนังสือนี่ท่านได้ทุนมาจากไหน

และก็การปฏิบัตินี้มันตรงจุดเป็นการทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์โดยตรง เพราะคนเราถ้ามีการเข้าใจผิด อ่านแล้วบางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ คนที่โกรธ คนที่ไม่ชอบใจก็เป็นศัตรูกัน ในเมื่อคนไทยเราเป็นศัตรูกัน ต่างคนต่างไม่ชอบใจกัน

ต่างคนต่างประกาศเป็นศัตรูกัน ต่างกันต่างไม่ชอบใจกัน ต่างคนต่างประกาศเป็นศัตรูกันความเป็นมิตรกันก็ไม่มี เมื่อความเป็นมิตรไม่มีอย่างนี้ คนไทยจะมีสภาพเป็นอย่างไร ก็มีความแตกแยก อันนี้ที่ว่าความมุ่งหมายของผู้ที่ให้สตางค์มีผลได้ประโยชน์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ และ

ความจริงผู้มุ่งหมายทำลายพระพุทธศาสนามี ๒ พวก เขาจะรวมกันหรือเปล่าไม่ทราบ พวกหนึ่งเขามาตีสนิทเป็นพวกทำอย่างเดียวกับพระพุทธศาสนา ทำท่าเหมือนว่าจะเป็นมิตรที่ดี อาการอย่างนี้พระพุทธศาสนาเคยพบมาแล้วในประเทศอินเดีย

คือศาสนาพราหมณ์เขามาเคียงคู่กับพระพุทธศาสนาและแหย่เม็ด แหย่โคน แหย่ขุน แหย่เรือ แหย่ม้า แบบหมากรุกเข้ามา คือเอาลัทธิของพราหมณ์เข้ามาผสมประสาน ในที่สุดพระในพระพุทธศาสนาก็แตกแยกกันแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย เป็น มหายาน และหินยาน ผู้ที่ยอมรับประกาศตนเองว่า เป็นผู้ฉลาดเรียกว่า มหายาน รู้มากหรือฉลาดมาก พวกพระอรหันต์ที่เขาไม่ยอมรับเขาประณามว่าเป็นหินยาน คือมีความรู้เลว

นี่สมัยหนึ่งเป็นมาแล้ว และก็สมัยนี้กำลังจะเป็น เวลานี้เราจะได้ยินอยู่เสมออย่างที่ประกาศว่าพระพุทธศาสนาไม่มี เทวดาไม่มีบ้าง พระพุทธศาสนาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้บ้าง

และก็มีคนเขียนจดหมายมาถามว่าพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงฉันอาหารด้วยมังสวิรัติใช่ไหม คือไม่กินเนื้อสัตว์
ก็ต้องตอบว่า พระพุทธเจ้าทรงฉันอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ที่เจ้าภาพถวายแบบไหน ท่านก็ฉันแบบนั้น ถ้าไม่ผิดธรรม ผิดวินัยท่านฉัน ถ้าไม่ฉันท่านก็มีบัญญัติในพระวินัยไว้ว่า ห้ามพระทุกองค์ห้ามฉันเนื้อสัตว์

และท่านถามว่า ถ้าถือมังสะวิรัติจะเป็นโทษไหม...?
ก็ต้องตอบว่าเป็นเรื่องพอใจของคน ก็ไม่มีอะไร ไม่เป็นเรื่องน่าตำหนิ คือท่านไม่กินเนื้อสัตว์ก็เป็นความดีของท่านส่วนหนึ่ง จะถือว่าการไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการตัดกิเลสนั่นไม่จริง เพราะคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์เห็นมีกิเลสท่วมหัวด้วยกันทั้งนั้น มันก็เป็นเพียงแต่ว่าเรายับยั้งไม่กินเนื้อสัตว์เท่านั้นเอง

เรื่องนี้ทราบได้อย่างไร อาตมาเองเคยบวชใหม่ๆ ไม่กินเนื้อสัตว์จริงมา ๓ ปี และก็การถือแบบนั้นไม่บอกใครด้วย อดแสนอด บางครั้งไม่มีกับอื่นจะกิน ต้องเอาหัวหอมกับเกลือมาผสมกินเป็นกับข้าว ต่างกับอย่างอื่น ทดลองดู ๓ ปี คิดว่ากิเลสส่วนใดมันจะลดลงไปบ้าง ก็รวมความว่าไม่มีกิเลสส่วนใดลดเลย

ถ้าจะถือว่าเป็นโทษไหม...?
ก็ถือว่าเป็นความพอใจ ท่านถือมังสะวิรัติก็จะไม่ว่าท่าน อาหารทุกประเภทเป็นเรื่องของความพอใจ

ในด้านของพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามเนื้อสัตว์ไว้ ๑๐ ประเภท อีกประเภทที่มีความสำคัญ ถ้าบุคคลใดเขาฆ่าสัตว์ตัวนั้นเพื่อเลี้ยงเรา พระองค์ใดฉันเข้า พระพุทธเจ้าทรงปรับเป็นอาบัติ

นี่ก็แสดงว่า องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ไม่ได้ห้ามฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าเองทรงฉันแน่เนื้อสัตว์ มีหลักฐานเยอะแยะเท่าที่เราจะพูดกันได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเพราะหลักฐานถมไป

เอาละบรรดาพระโยคาวจรทั้งหลาย ปกิณกะสำหรับหน้านี้ก็หมดลงเพียงเท่านี้ ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาพระพุทธศาสนิกชนทุกท่าน

◄ll กลับสู่สารบัญ


42
๒ สิงหาคม ๒๕๒๗
ลูกหมอและลูกๆ ทุกคนในชิคาโก เดนเวอร์ แอลเอ และทุกๆ รัฐ

ตามหนังสือหรือข่าวที่ส่งมาทางคุณวิรัชบอกว่า รถที่จะซื้อให้ได้ลดถึง ๒,๐๐๐ เหรียญ ความจริงเงิน ๒,๐๐๐ เหรียญนั้นไม่น้อยเลย คิดเป็นเงินไทย ๔๖,๐๐๐ บาท นับว่าเป็นบุญอย่างมาก แต่อีก ๔,๗๘๒ เหรียญ ก็รู้สึกว่าหนักหูฉี่ ด้วยอาศัยความดีของลูกๆ ที่น่ารักทุกคนจึงได้รับความเมตตาปรานีอย่างคาดไม่ถึงตลอดมา

รถคันนี้ดี ดีมากคือ เล็ก เหมาะแก่การตรวจงานและไม่กลัวน้ำ มีน้ำมากก็ไปได้ เหมาะดีจริงๆ แต่ทว่าต้องรบกวนลูกรักนี่สิหนักใจนิดหนึ่ง ถึงแม้จะด้วยศรัทธาก็อดคำนึงไม่ได้ว่า บรรดาลูกรักทุกคนมาอยู่ต่างประเทศ ต้องการตั้งตัว จึงมีความคำนึงอยู่เสมอว่า “อย่ารบกวนลูกที่มีความเหนื่อยยากและจากบ้านเมืองมาเพื่อตั้งตัว”

แต่ทว่าลูกรักทุกคนก็มีศรัทธามาก มากจนพ่อเองหนักใจ เกรงว่าเธอทั้งหลายจะขาดเงิน เพราะเมืองมะริกันมันไม่ใช่เมืองไทย ทางที่ดีจะทำบุญทำทานอะไรนั้นดี แต่ก็ควรคำนวณความเป็นอยู่เสียก่อน ทำบุญใช้เงินมากหรือน้อยถ้าใจสบายก็มีอานิสงส์มาก

และเวลาจะทำบุญ ควรพิจารณาเนื้อนาบุญด้วย อย่าให้กลายเป็นทำบุญสูญเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไหว้เจ้าดีกว่า เสร็จแล้วเอามากินได้ พระท่านดีทุกองค์ แต่ลูกชาวบ้านที่บวชเป็นพระนั้นไม่แน่ ที่เลวแสนเลวมีมาก ใช้ความพิจารณาก่อนทำบุญเป็นการดี

ขอบใจ คุณไพโรจน์ที่เป็นห่วง หาฝาปิดช่องแบตเตอรี่มาให้ เจ้ากล้องนี้ดีมาก ที่เหมาะสำหรับคนปัญญาอ่อนอย่างฉัน เพราะฉันขี้เกียจหมุนหน้ากล้อง ดีไม่ดีหมุนไม่เหมาะกับระยะและอากาศ มันจะได้ภาพเละกว่ากล้องธรรมดา แต่เจ้านี่มันทำดีมาก ภาพของมันดีจริงๆ แต่ทว่าถ่ายภาพยืนใกล้ตามปกติไม่ได้ ต้องยืนห่างกว่าปกติ รวมความแล้วเป็นกล้องเก็บภาพระยะไกลนั้นเอง

และก็ต้องไม่ลืมขอบใจหลานป้านาก (พระโขนง) และลูกรักอีก ๒, ๓ คน ที่จำชื่อไม่ได้ ทุกคนมีความดีที่ควรสรรเสริญอยู่มาก ขอขอบใจทุกคนที่เมตตา
ช่วยบอกลูกรักทุกคนด้วยว่า ฉันคิดถึง และขอบใจในความเมตตาปรานีที่มีต่อฉัน และทุกคนตั้งใจทำความดี จงรักษาความดีให้ทรงตัว มีความมั่นคงในความดีไว้เสมอ จะมีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า

อยากจะเขียนจดหมายมานานแล้ว เขียนไม่ได้เพราะป่วยมาราธอนตลอดกาล วันนี้พอมีแรงบ้างก็เขียน ขอทุกคนจึงมีความสุขสมหวังตามที่ตั้งใจทุกประการเถิด

(พระมหาวีระ ถาวโร)

ป.ล. บอก สมคิด ด้วยว่า ฉันขอบใจที่ช่วยซื้อรถครึ่งหนึ่งของราคาร่วมกับลูกหมอ ขอให้เธอและครอบครัว จงรวยมากๆ ปรารถนาสมหวังจงทุกประการเถิด

◄ll กลับสู่สารบัญ


43
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑ มกราคม ๒๕๒๘

เจริญพร ท่าน ผบ.พล ม.๑ ที่นับถือ

หนังสือแสดงความยินดี ที่อาตมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๗ นั้น อาตมาได้รับแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธ.ค. ๒๕๒๗ แต่ที่ตอบล่าช้าก็เพราะมีภาระที่ต้องทำมาก และรวมทั้งร่างกายป่วย จึงไม่มีเวลาจะตอบให้ท่านทราบ มาวันนี้ร่างกายค่อยดีและพอมีแรงบ้าง และก็เป็นการบังเอิญที่เป็นขึ้นปีใหม่พอดี จึงขอขอบคุณท่านที่มีมุทิตาจิต มีความยินดีในการรับสมณศักดิ์ของอาตมาคราวนี้

อาตมาขออวยพรให้ท่าน และครอบครัว ตลอดจนทหารภายใต้บังคับบัญชาของท่านทุกคน ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง หากมีสิ่งใดที่เป็นศัตรูเข้ามาเบียดเบียนหรือบั่นทองความสุข ขอภยันตรายนั้น จงพินาศได้ด้วยพระพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ

ขอท่านและคณะ จงเป็นผู้ชนะเสมอ คำว่า “แพ้” หรือพอสู้ได้จงอย่ามีในชีวิตของท่าน คงมีผลจากคำๆ เดียวคือ “ชนะเด็ดขาด” ทั้งวิถีทางราชการ และวิถีชีวิต คิดปรารถนาสิ่งใด ขอให้ได้สิ่งนั้นสมตามที่ปรารถนา โดยฉับพลันจงทุกประการเถิด

เจริญพร

(พระสุธรรมยานเถร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


44
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑ มกราคม ๒๕๒๘

เจริญพร ท่านนายกเปรียญธรรมสมาคมฯ ที่นับถือ
หนังสือแสดงความยินดีที่อาตมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ของท่าน ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ อาตมาได้รับนานแล้ว ที่ตอบล่าช้าเพราะภารกิจมากจนขยับตัวแทบไม่ไหว ประกอบกับร่างกายก็ถูกโรคภัยไข้เจ็บรบกวนตลอดเวลา ต้องขออภัยที่ตอบล่าช้าเกินไป ท่านอาจจะคิดว่า คงไม่ได้รับคำตอบ ความจริงคิดว่าจะตอบทุกวันหลังจากที่ได้รับหนังสือแล้ว

แต่ร่างกายก็ไม่อำนวย เพราะไม่มีแรง มาวันนี้ ที่ชีวิตรอดตายจากปี ๒๕๒๗ โขยกเขยกมาจนเข้าเขต ๒๕๒๘ ได้ รู้สึกว่าเป็นกรรมหนักอีกตอนหนึ่ง ที่ชีวิตจะต้องสู้กับอุปสรรคต่อไป แต่เมื่อมันไม่ตายก็ตามใจมัน หรือมันอยากจะตายเมื่อไรก็ตามใจมัน ทั้งนี้ถ้าไม่ตามใจก็ไม่มีทางใดที่จะฝ่าฝืน เมื่อฝ่าฝืนไม่ได้ ก็ตามใจมันเสียเลย จะสบายใจดีกว่า และอารมณ์ก็เป็นสุข

อาตมาขอขอบคุณท่าน และคณะสมาคมเปรียญแห่งประเทศไทย ที่มีใจเมตตาปรานี ยินดีด้วยกับการที่อาตมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระสุธรรมยานเถร วิ. ความจริงและสมณศักดิ์ในสาขานี้ที่ท่านให้มารู้สึกว่าเหมาะแก่อารมณ์มาก เพราะฝ่ายวิปัสสนานี้ดีสำหรับคนแก่ เมื่อแก่แล้วไปทางอื่นก็ไม่ไหว

ถ้ามาในด้านวิปัสสนา ก็หมายถึงพระราชาคณะแก่นั่นเอง ภารกิจเนื่องในการรับพระราชทานสมณศักดิ์ไม่มีอะไรหนัก เพราะในสัญญาบัตรท่านบ่งมาให้รับภาระเฉพาะภายในวัด จึงเป็นที่ถูกใจมาก เพราะถ้าทำงานเกี่ยวแก่การบริหารคณะสงฆ์ คงทำไม่ไหว และสำหรับงานด้านวิปัสสนาธุระนี้ถนัดมาตั้งแต่เด็ก จึงโปร่งใจที่ได้รับในสาขานี้

สำหรับภารธุระที่จะช่วยทางพระพุทธศาสนา ก็เป็นงานที่พยายามทำให้คนเข้าถึงความจริงของพระพุทธศาสนา และก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ที่บรรดาพุทธบริษัทชายหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือใหญ่ขนาดหนุ่มสาว และใหญ่ขนาดเหลา เขาสามารถปฏิบัติตนเข้าถึงความเข้าใจจริง ตามหลักสูตรพระพุทธศาสนาได้

อาตมาคิดว่า ถ้ายังไม่ตายเพียงใด ก็จะพยายามทำทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ แม้ว่าจะได้รับสมณศักดิ์หรือไม่ สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็จะไม่ยอมเลิก ทั้งนี้ด้วยงานที่ทำมาทั้งหมด ไม่เคยคิดว่าจะได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะกับเขา แม้แต่ระดับพระครูประทวนก็ไม่เคยคิดว่าจะได้รับ จึงมีอารมณ์ปกติในงานที่จะปฏิบัติต่อไป

อาตมาขอขอบคุณท่าน และคณะสมาคมเปรียญแห่งประเทศไทย ที่ท่านรู้เรื่องเร็วกว่าอาตมา และเมตตาแสดงความยินดีมาก่อนใครๆ ในวารดิถีขึ้นปีใหม่นี้ อาตมาขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และผลตามกำลังใจที่ท่านต้องการ ขอผลนั้นจงมีแด่ทุกท่านโดยฉับพลันทันที ที่ทุกท่านต้องการจงทุกประการเถิด

เจริญพร

(พระสุธรรมยานเถร)

◄ll กลับสู่สารบัญ


45
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๑ มกราคม ๒๕๒๘

เจริญพร ท่านนายกพุทธสมาคม ที่นับถือ
หนังสือแสดงมุทิตาจิตของท่านและคณะของท่าน ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๗ อาตมาได้รับนานแล้ว แต่ทว่าเวลาที่จะตอบมีน้อยไปหน่อย เพราะภารกิจมาก ประกอบกับร่างกายไม่ปกติ อาตมาขอขอบคุณท่านและคณะ ที่แสดงเมตตาจิต แสดงความยินดีในการที่อาตมาได้พระราชทานสมณศักดิ์คราวนี้

ด้วยผลที่ท่านทั้งหลายมีเจตนาดี มีอารมณ์ทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นอารมณ์ ได้แสดงความรู้สึกตามอารมณ์ที่เป็นกุศล มีความยินดีกับอาตมาที่ได้รับ นับว่าคณะของท่านทั้งหมดเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความดีตามคติแห่งพระพุทธศาสนาจริงจัง อาตมาขอขอบคุณคณะของท่านทุกคน

และขอผลที่ท่านทรงความดี ตามวิถีทางของพระพุทธศาสนานี้ ขอผลความดีนี้จงสนองให้ทุกท่าน มีแต่ความสุข ปราศจากความทุกข์ทั้งมวล อุปสรรคใดที่จะพึงมีแก่คณะของท่าน ขออุปสรรคนั้นจงพินาศไป ด้วยอำนาจ พระพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ขอคณะของท่านจงมีผลอย่างเดียว คือ “ชนะ” ต่ออุปสรรคทั้งมวล ความปรารถนาใดมีแก่อารมณ์ใจของท่าน ขอทุกท่านจงได้รับผลตามที่ต้องการนั้นโดยฉับพลันเถิด

เจริญพร

(พระสุธรรมยานเถร)
◄ll กลับสู่สารบัญ


[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
ตั้งหัวข้อใหม่

Go To Top